“…” เชอร์รีนถึงกลับเงียบทันที นี่มันใช่คำพูดที่คนเราควรจะพูดออกมาไหม?
แต่กลับเรียกความสนใจของนลินมาได้ แววตาอันหม่นหมองในดวงตาพลันทอประกายออกมา พร้อมทั้งจับจ้องเชอร์รีนเอาไว้อย่างหนักหน่วง
ใครก็ไม่มีวันรู้ ว่าตอนนี้เธอกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ... ความจริงแล้ว บางครั้ง หัวข้อในการพูดคุยกันระหว่างหญิงสาวมันดูเปิดเผย มากกว่าผู้ชายเสียอีก
บวกกับมีคนอย่างนาโนรวมอยู่ด้วยแล้ว ระดับของหัวข้อคงไม่ปรับเกณฑ์ให้ต่ำลงหรอก
แต่ว่า ตั้งแต่มาจนถึงตอนนี้ นลินก็เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา สีหน้าแววตาต่างเคร่งขรึมมาก
หลังจากผ่านไปนาน ท้องฟ้ายิ่งมืดลงเรื่อย ๆ หลังจากที่นาโนรับโทรศัพท์แล้ว พลันหยิบเสื้อกันหนาวขนสัตว์สีแดงที่วางพาดอยู่บนโซฟาขึ้นมา และเดินออกไป
ส่วนออกัส ดนัยแลหัสดินก็เพิ่งเล่นสนุ๊กเสร็จและเดินเข้ามาในห้อง
หัสดินถอดเสื้อกันหนาวสูทตัวนอกพาดกับท่อนแขน อีกมือก็โอบเอวยู่ยี่ และบอกลา
ดนัยทำท่าทางหรี่ตา เหมือนว่าเพ่งหาใครอยู่ ออกัสที่อยู่ข้างๆ ก็หรี่ตาตาม และใช้สายตากวาดตามองเขาอยู่หลายครั้ง
เมื่อเห็นว่าเริ่มทยอยกลับกันแล้ว นลินก็ไม่ได้มองออกัสอีก นัยน์ตาของ เขามันช่างน่ากลัวเหลือเกิน หรือพูดอีกอย่างได้ว่า ไม่กล้าสบตามอง โดยเฉพาะเมื่อผ่านเรื่องนั้นมาแล้วด้วย
“เชอร์รีน ฉันยังมีธุระต่อ ขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะ!” พูดจบ เธอก็ไม่รอให้เชอร์รีนตอบโต้แต่อย่างใด พลันเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งทันที
เมื่อรอให้เชอร์รีนตั้งสติกลับมาได้ รถแท็กซี่คนนั้นก็หายวับไปจากสายตาแล้ว
เธอขมวดคิ้วขึ้น คืนนี้นลิน ดูมีท่าทางผิดปกติไป มักจะใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอรู้สึกว่าก็ต้องเป็นเพราะว่าเรื่องที่นธีถูกจับตัวไป
รถแลนด์โรเวอร์สีดำโลดแล่นในเวลากลางคืนทะยานไปทางด้านหน้า หิมะสีขาวโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า
หลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก เชอร์รีนก็ลองอ้าปากสอบถามดู “น้องชายของครูญาณินคุณน่าจะเคยเจอใช่ไหม?”
“อืม...” นัยน์ตาออกัสขยับเล็กน้อย เขาย่อมรู้ดีว่าจากนี้แล้วเธอต้องการพูดอะไรต่อ พลันเลิกคิ้วอันหล่อเหลาขึ้น แต่กลับไม่ยอมพูดอะไร
“เอ่อ... เขาถูกลักพาตัว... คุณช่วยฉันพาตัวเขาออกมาได้ไหม?” เธอประสานมือและบีบมือทั้งสองข้างเล็กน้อย
แววตาของเธอมองที่ตัวของเขา เขาค่อยๆ ขยับริมฝีปากเล็กน้อย น้ำเสียงทุ้มต่ำ “ผมเป็นนักธุรกิจ เวลาจะทำเรื่องอะไรก็ต้องพูดถึงเรื่องผลประโยชน์อยู่แล้ว แล้วค่าตอบแทนของคุณหญิงเชอร์รีนคืออะไรเหรอ?”
เชอร์รีนไตร่ตรอง และครุ่นคิดอยู่สักพัก เธอตอบอย่างระมัดระวัง “อยู่ในขอบเขตความสามารถของฉัน ยังมีอีก อย่าได้ยื่นข้อเสนอที่มันสองแง่สองง่ามเกินไป!”
ท้ายที่สุด เธอเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ และพูดตอกกลับเขาทันที “นักธุรกิจขูดเลือดขูดเนื้อ!”
หลังจากเงียบงันไปแวบเดียว จากนั้น ก็มีเสียงหัวเราะดังเล็ดลอดออกมา “อืม ถ้าไม่ขูดเลือดก็ไม่มีธุรกิจ...”
“…” หางตาของเชอร์รีนอดไม่ได้จะกระตุกขึ้น แต่เขารู้สึกว่านั่นมันเป็นเรื่องที่เปิดขึ้นตามปกติ
“คุณสนิทกับครูญาณินมากไหม?” เมื่อผ่านไปสักพัก ออกัสก็ทำท่าทางหลุดปากถามไปเรื่อย
เธอเองก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงได้ถามคำถามนี้ขึ้นมา แต่กลับตอบตามความเป็นจริง “สนิทมาก ทำไมเหรอ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็หักพวงมาลัยไปทางซ้าย เพื่อแวะเข้าไปในปั๊มน้ำมัน นัยน์ตาทอประกายหม่นหมองออกมา ซึ่งซ่อนความหมายอันลึกซึ้งเอาไว้ “แล้วคุณรู้จักเธอมากขนาดไหนเหรอ?”
เชอร์รีนครุ่นคิดอยู่พักเดียว เธอจึงตอบตามความเป็นจริง “รู้ลึกรู้จริง ทุกซอกทุกมุม!”
สายตาแคบยาวของเขาเลิกขึ้นด้านบน ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มมุมปาก แต่เขากวาดตามองพนักงานที่เดินเข้ามาเติมน้ำมัน แววตาก็แปรเปลี่ยนเป็นหม่นหมองลง จากนั้น ก็หรี่ตาลง
เมื่อมองตามสายตาของเขาแล้ว เชอร์รีนเองก็มองออกไปอย่างสงสัยเช่นเดียวกัน จากนั้น ถึงกลับอึ้งกิมกี่ทันที
เพราะนั่นคือเลอแปง!
เขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม แต่กลับมีนิสัยของวัยรุ่นจอมเฮี้ยวอยู่บ้าง!
ในเวลานั้น เขาใส่ชุดทำงาน และเดินทะลุออกมาจากหิมะโปรยปราย แถมดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น หนักแน่นขึ้น และลดความหน่อมแน้มของวัยรุ่นลงไปเยอะพอควร
“สวัสดีครับ เติมเต็มถังเลยไหมครับ?” เขาอ้าปากพูด ใบหน้าอันหล่อเหลาเริ่มเขียวเล็กน้อย สาเหตุมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง