“ขออภัย เรารับสมัครเฉพาะพนักงานที่มีประสบการณ์” ผู้จัดการพูดขึ้นอีกประโยคหนึ่ง
เธอก้มศีรษะลง และเดินออกจากบริษัทอีกครั้งด้วยความรู้สึกมืดแปดด้าน เธอไม่เคยคิดว่าการหางานจะยากขนาดนี้
บริษัทขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงต่างให้ความสำคัญกับการตอบสนองที่หลักแหลมของพนักงาน วาทศิลป์ที่ยอดเยี่ยม และมีจุดแข็งซึ่งเธอไม่มี
บริษัทขนาดเล็กให้ความสำคัญกับประสบการณ์การทำงานของพนักงาน ซึ่งเธอก็ไม่มีเช่นกัน
ในเวลานี้เธอรู้สึกว่าเธอไม่มีอะไรเลย
“เฮ้อ…” โก๋ถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าคุณยู่ยี่จะไม่ได้งานอีกแล้ว ดูสิ้นหวัง”
ฉันทัชเหลือบมองไปนอกหน้าต่างซึ่งร่างบางกำลังก้มหน้าเดินไปข้างหน้า และพูดเบา ๆ ว่า “เธอบอกว่าการเรียนของเธอไม่เคยดีเลย...”
“เด็กหลังห้องในตำนาน” โก๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฉันทัชถาม เหมือนสนใจในสิ่งที่เขาพูด “เด็กหลังห้องหรอ”
“เด็กหลังห้อง เรียกอีกอย่างว่าเด็กเรียนไม่ดี เป็นคำฮิตบนอินเทอร์เน็ต เป็นการเยาะเย้ยตนเองของนักเรียนที่เรียนไม่ได้ตามที่คาด” โก๋อธิบาย
ยู่ยี่กำลังนั่งบนม้านั่ง เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าการหางานยากเพียงใดหรือการเรียนให้ดีมีความสำคัญเพียงใด
เธอไม่เรียกรถอีก แต่แค่เดินไปข้างหน้าแบบสบายๆ เดินๆหยุดๆ
ใกล้จะมืดแล้ว ยู่ยี่ถอนหายใจเบาๆ เธอเดินช้าๆบนถนนที่กว้างขวางและเป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนจะเห็นประกาศรับสมัครอยู่ระหว่างทาง
เธอเดินเข้าไป ผู้จัดการเป็นชายวัยกลางคนหัวล้าน พุงอ้วน เมื่อได้ยินความตั้งใจของเธอ เขาก็ขอเรซูเม่ด้วยรอยยิ้ม
เธอส่งให้ พลางเหลือบมองไปรอบๆสถานที่ที่เรียกว่าพื้นที่สำนักงาน ในนี้มีเพียงสองห้องเท่านั้น และดูรกไปหน่อย เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“เรซูเม่ดูไม่เลว พรุ่งนี้มาทำงานได้เลย” ผู้จัดการวางเรวูเม่ลง
ยู่ยี่ยังคงรู้สึกไม่สบายใจ เธอตอบรับ และอยากจะออกจากที่นี่ก่อน
แต่ผู้จัดการกลับขอบัตรประชาชน แต่เธอไม่ให้ และแก้ตัวว่าอยู่บ้าน ก่อนที่เขาจะไปส่งเธอที่ลิฟต์ด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเธอหันหลังเตรียมจะออกไป สีหน้าของผู้จัดการก็เปลี่ยนไป มืออ้วนของเขาโอบเอวเธอ และปากของเขาก็ทำท่าจะประทับลงบนใบหน้าของเธอ
เธอไม่เคยเจอสถานการณ์อย่างนี้มาก่อน ยู่ยี่ตกใจเล็กน้อย เมื่อตั้งตัวได้แล้ว เธอก็ใช้เล็บที่แหลมคมบีบแขนของผู้จัดการ
ผู้จัดการหายใจหอบด้วยความเจ็บปวด แต่ท้ายที่สุดความแข็งแกร่งของผู้ชายก็ยังแข็งแกร่งกว่าผู้หญิง เขาหรี่ตาลงแล้วพูดว่า “แค่เธอทำให้ฉันพอใจ เรื่องอื่นมาคุยกันได้”
ไม่ซาบซึ้งเลยสักนิด เธอยกขาซ้ายของเธอดันขึ้นอย่างแรง แล้วกระแทกศอกขวาของเขาเข้าไปในดวงตาของเขาอย่างตั้งใจ
ผู้จัดการทนไม่ไหว เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาปิดตาด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างกุมหว่างขาด้วยความเจ็บปวด
ยู่ยี่รีบใช้โอกาสนี้เดินออกไป แต่ผู้จัดการไม่ยอมแพ้ ยังคงไล่ตามเธอ และพูดเพ้อเจ้อ “เมียจ๋า อย่าไปเลยนะ เมียจ๋า!”
เขาวิ่งเร็วมาก และร่างกายของยู่ยี่ยังอ่อนแออยู่ เมื่อเห็นว่าระยะห่างห่างทั้งสองเหลืออีกเพียงไม่กี่ก้าว เท้าของเธอก็พลิก และล้มลงในช่วงเวลาคับขัน
เธอหน้าตื่น ดวงตาหม่นแสง แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือเธอไม่ได้ล้มลงกับพื้น แต่ถูกแขนคู่หนึ่งรับไว้พอดี
เธอคว้าผู้ช่วยชีวิตด้วยมือทั้งสองข้างตามสัญชาตญาณ แขนคู่นั้นแข็งแรง สัมผัสได้ถึงความเป็นผู้ใหญ่ที่เปล่งออกมาจากตัวเขา และยังมีกลิ่นตัวที่หอมมาก
เธอเงยหน้าขึ้น แต่เมื่อเห็นเขาคนนั้น ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าจะเป็นฉันทัช!
ผู้จัดการโกรธเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แถมตะกี้ยังถูกยู่ยี่เตะหลายครั้ง เขายิ่งไม่พอใจ ตอนนี้ระหว่างทางยังมีคนมาขวางทาง แน่นอนว่าเขาย่อมไม่พอใจ “แกหลบไป!”
ฉันทัชไม่สนใจผู้จัดการ และไม่แม้แต่จะปรายตาไปมอง เขาเพียงแค่พยุงยู่ยี่ขึ้น “คุณเจ็บไหม”
รังสีที่ออกมาจากตัวเขานั้นร้อนแรง และในระยะใกล้เช่นนี้ รังสีของผู้ชายที่แผ่ออกมาจากตัวเขาก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก เธอรีบ ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว และส่ายหัว
“ผมว่าแล้วเธออยู่ที่ไหนก็ซุ่มซ่าม เธอเป็นภรรยาของผม!” ผู้จัดการพูดเรื่องไร้สาระ
ร่างกายที่งอเล็กน้อยยืนตัวตรง ดวงตาสีเข้มของฉันทัชเหล่มองผู้จัดการโดยไม่พูดอะไร เขาแค่จ้องมาที่เขาแบบนั้น
รังสีที่แผ่ออกมานั้นรุนแรงเกินไป และมากกว่านั้นคือบรรยากาศอึมครึมที่บรรยายไม่ได้ ผู้จัดการก็ถูกกดดันแล้ว
“มีอะไรอีกไหม” ฉันทัชเปล่งประโยคนี้ออกมาอย่างเฉยเมย
ผู้จัดการไม่กล้าทำอีก เขารู้สึกว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนที่สามารถยุ่งด้วยได้ง่ายๆ เขาจึงเช็ดหน้าและพูดตะกุกตะกัก “ไม่...ไม่มีอะไร”
สิ้นเสียงก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้ายู่ยี่ก็พูดไม่ออก รังสีของคนนั้นทรงพลังมากขนาดนี้เลยหรอ
“ขอบคุณมาก แต่ทำไมคุณฉันทัชมาที่นี่” เธองง
โก๋ที่อยู่ข้างๆอธิบายว่า “ผมกับคุณฉันทัชไปเอาเอกสารมา และระหว่างทางเราก็เห็นคุณยู่ยี่ไปที่บริษัทนั้น แต่บริษัทนั้นผิดปกติ คุณฉันทัชจึงขอให้ผมขับรถมา”
อย่างนี้นี่เอง ยู่ยี่ดึงสายตาจากโก๋ไปมองฉันทัช และนำผมไปทัดหลังหู “ทุกครั้งที่เจอคุณ ฉันมักจะทำให้คุณลำบากเสมอ ขอโทษนะคะ ฉันยังไม่ได้กินข้าวเย็น ไปกินด้วยกันมั้ยคะ”
เธอเจอกับเขาไม่บ่อยนัก แต่ทุกครั้งที่เจอกัน ต่างเป็นช่วงเวลาที่เธอต้องการความช่วยเหลือ
ฉันทัชพยักหน้า “ได้”
ยู่ยี่รู้ว่าคนอย่างเขาไม่กินข้าวข้างทาง เธอจึงไม่พาเขาไปที่ร้านข้างทาง แต่พาไปร้านโจ๊กที่มีชื่อเสียง
เธอสั่งโจ๊กสองชาม และเครื่องเคียงอีกหลายชาม ทั้งหมดรสอ่อนมาก ช่วงนี้เธอไม่สามารถกินอาหารรสจัด เพราะเพิ่งจะแท้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง