ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง นิยาย บท 369

“ฉันมาขอบคุณคุณค่ะ รบกวนคุณไว้หลายครั้ง รู้สึกเกรงใจจริงๆค่ะ” เธอดูไม่เป็นธรรมชาติ ยื่นมือออกมาเอาผมทัดหู

เขาหลับตาลงหน่อยๆ เสียงแหบแห้งและทุ้มต่ำกว่าปกติ “ตะกร้าผลไม้อีกแล้วหรอครับ?”

ยู่ยี่ชะงัก แล้วก็คิดได้ว่าครั้งที่แล้วตัวเองก็ให้ตะกร้าผลไม้ เธอรู้สึกอาย “ฉันก็ไม่รู้ว่าคุณชอบกินอะไร เลยให้ตะกร้าผลไม้รู้สึกว่าง่ายดีค่ะ”

“เข้ามาเถอะครับ….” ฉันทัชยิ้มน้อยๆ หันหน้าแล้วเดินเข้าไปในตัวบ้าน

ยู่ยี่เดินตามด้านหลังเขา บ้านสะอาดเรียบร้อยเหมือนครั้งแรกที่มา ไม่เห็นฝุ่นละออง เจอผู้ชายที่จะรักความสะอาดอย่างนี้ยาก

ร่างสูงยาวยืนอยู่ที่ด้านข้าง ชั่วครู่เดียวก็เดินเข้ามายกกาแฟมาแก้วนึง แล้วก็นม

เธอรู้สึกเขาเหมือนให้ความใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆ ไม่รู้ว่าพื้นเพทางบ้านเป็นอย่างไรหรือสภาพแวดล้อมเป็นอย่างไรถึงเลี้ยงดูออกมาให้เป็นผู้ชายแบบนี้

นมเติมน้ำตาลลงไปหน่อย รสชาติไม่ค่อยบริสุทธิ์เท่าไหร่ แต่ก็ไม่หวานเกิน กำลังพอดีๆ เธอดื่มไปสองอึก หลังจากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ที่นั่งรถ ฉันคิดว่าฉันควรที่จะล้างมันเอง ขอโทษจริงๆค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ สบายมาก โก๋ไปคืนกระเป๋าสตางค์ที่คุณทำตกไว้ ก็ไปเจอคุณเกิดเรื่องนั้นพอดี….” เขาพูดอธิบายเรียบๆ ค่อยๆจิบกาแฟ “ร่างกายของคุณดีขึ้นยังครับ?”

“ดีขึ้นแล้วค่ะ” เธอยกมุมปากขึ้น อยู่ในห้องเดียวกันกับเขา มักจะมีความรู้สึกหายใจไม่ออก

ความรู้สึกที่คนอื่นให้เขาคือสง่าและมีฐานะสูงส่งมากเกินไป ดูไปแล้วเหมือนไม่ใช่ผู้ชายที่จะคุยเรื่องอะไรยังไงก็ได้

ฉันทัชดูเป็นคนสง่าและอ่อนโยน แต่สายตากลับเหมือนเสือชีตาร์ที่มีพลัง แล้วก็ว่องไว “คุณรู้สึกระมัดระวังมากเกินไป….”

ยู่ยี่ไม่ได้ปิดบังแต่กลับพยักหน้า เธอรู้สึกระมัดระวังตัวมากเกินไป ไม่รู้ว่าหัวข้อสนทนาแบบไหนเขาถึงจะชอบหรือว่าสนใจ

“คุณซื่อสัตย์ดีนะครับ แต่ไม่จำเป็นเลย หัวข้อแบบไหนผมก็พอจะเข้าใจได้บ้างครับ” มุมปากของเขายกขึ้นไปอีก ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเห็นท่าทางของเธอระมัดระวังตัวมากเกินไป

หรืออาจจะเป็นเพราะอารมณ์ในช่วงระยะเวลานี้ถึงทำให้เป็นอย่างนี้ เด็กไม่มีแล้ว อารมณ์ของเธอคงไม่ได้สดใสขนาดนั้น

เธอฉีกยิ้ม แล้วเปลี่ยนหัวข้อการคุย “บ้านตกแต่งได้สวยดีนะคะ…”

เขาแค่เอ่ยขึ้นว่า “หลายคนก็ว่ากันแบบนี้ครับ สไตล์ยุโรป คนที่ชอบจะเยอะมาก…”

“ฉันค่อนข้างชอบสไตล์แบบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สีเรียบแต่กลับมีความสวยงาม ทำให้อารมณ์เบิกบานค่ะ”

ฉันทัชยกคิ้วขึ้น “คุณรู้จักเรื่องสถาปัตย์ด้วยหรอครับ?”

“แต่ก่อนตอนอยู่มหาลัยฉันเรียนคณะสถาปัตย์น่ะค่ะ แล้วก็เลือกเรียนวิชาออกแบบอีก เรียนสองอย่างนี้รวมๆกันสี่ปีค่ะ”

“เอกที่คุณเลือกเรียนก็ไม่เลวเลยนะครับ” เขาพูดชม

มุมปากของยู่ยี่ขยับ แฝงไปด้วยความขื่นขมที่พูดไม่ออก “เอกที่เลือกเรียนไม่เลวจริงๆค่ะ แต่การเรียนของฉันเป็นความรู้แค่หางอึ่ง มักไม่ค่อยขยันขวนขวาย รั้งท้าย เป็นคนความรู้แค่หางอึ่งอยู่สี่ปี”

ยังจำได้เพื่อนนักเรียนในปีนั้นขยันเรียนทุกวัน คนนึงลงเรียนไปตั้งหลายตัว อ่านหนังสือ เรียนหนังสือ ตั้งแต่กลางคืนยันเช้า

ก็มีแค่เธอเท่านั้นแหละ วันทั้งวันไม่ขยันขวนขวาย มัวแต่ใจลอย คิดแค่จะคบหากับหัสดินยังไง

หัสดินยิ้มยกกาแฟดำที่อยู่ในมือขึ้นจิบ “เรียนได้ไม่ดีหรอครับ?”

“ค่ะ” เธอพยักหน้า ดื่มนม มันไม่ได้ร้อนมาก แล้วก็ไม่ได้เย็นเกิน อุ่นกำลังดี ก้มหน้ามองดูเวลา แล้วก็ลุกขึ้นยืน “ฉันยังมีธุระต่อ ขอตัวก่อนนะคะ”

ได้ยินดังนั้นร่างสูงยาวของฉันทัชก็ลุกขึ้นยืน กางเกงขายาวสีเทาควันบุหรี่เป็นร่องๆ “ผมไปส่งคุณ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ที่นี่การจราจรสะดวก เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่ไปก็ได้ค่ะ ไปก่อนนะคะคุณฉันทัช” เธอปฏิเสธทางอ้อม

และฉันทัชก็ไม่ได้รั้งต่อ พาเธอมาส่งที่นอกบ้าน ยู่ยี่ไม่ได้หันกลับมามอง โบกรถแท็กซี่ข้างทางแล้วจากไป

รอร่างของเธอหายลับตาไป ฉันทัชหันตัวกลับ เดินเข้ามายังตัวบ้าน

แท็กซี่ขับตรงไปข้างหน้า ตอนที่ไปถึงบริษัทห้าวไห่ยู่ยี่ให้คนขับรถหยุดรถลง จ่ายค่ารถแล้วเข้าไปในล็อบบี้บริษัท

วันนี้ที่บริษัทห้าวไห่มีสัมภาษณ์ เมื่อคืนเธอได้ส่งเรซูเม่ไปแล้ว วันนี้ต้องมาสัมภาษณ์

ตอนนี้เธอตัวคนเดียว ไม่หาเงินเลี้ยงตัวเอง จะรอให้ใครมาเลี้ยง?

หุ้นเหล่านั้นที่เขาให้กับเธอ ไม่ถึงขั้นจำเป็นที่ต้องใช้มันจริงๆ เธอจะไม่เอามันออกมาใช้ เพราะมันจะเตือนตัวเธอว่าการแต่งงานนั้นพ่ายแพ้มากเพียงไร เจ็บปวดมากเพียงไร

คนที่อยู่ในล็อบบี้บริษัทมีเยอะมาก ทุกคนกำลังเข้าแถว คนที่มาสมัครต่างก็เป็นวัยรุ่น เพิ่งจบจากมหาลัยมาได้ไม่นาน ร่าเริงและสดใส เหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังเคลื่อนตัวขึ้นอย่างช้าๆ เธอรู้สึกว่าตัวเองแก่ลงไปมากเมื่อมาอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา

สัมภาษณ์แต่ครั้งคือห้าคน คนที่เข้าไปด้วยกันกับเธอเป็นนักศึกษามหาลัยสี่คน สวยสดใส

ตอนสัมภาษณ์คำถามเหล่านั้นที่ถามออกมา พวกเธอสุขุม ตอบได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนมาก และมีความมั่นใจเป็นพิเศษ

แต่พอถามเธอ เธอกลับไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหน รู้สึกลังเล รู้สึกลำบากใจ คำถามเหล่านั้นที่ถามออกมา ยากกว่าที่เธอได้คิดเอาไว้

หลายปีมานี้ไม่ได้ทำงาน และสิ่งที่เรียนมาช่วงที่อยู่มหาลัยก็ลืมไปหมดแล้ว สายตาของคนที่อยู่ตรงนั้นตกมาอยู่ที่เธอ น่าอายมากๆ

ในบรรดาผู้สมัคร เธออายุยี่สิบเจ็ด ถือได้ว่าอยู่ในช่วงวัยกลางทำงานแล้ว แต่คำตอบของเธอคือแย่สุด

อย่างนี้แล้วจะได้รับการตอบรับได้ยังไง?

เดินออกจากบริษัท ยู่ยี่ซื้อน้ำผลไม้ ดื่มไปเดินไป ทำหน้าที่เป็นภรรยาเต็มตัวมาสี่ปี เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เชื่อมต่อกับสังคม

ฝั่งตรงข้ามของบริษัทห้าวไห่ ยังมีอีกบริษัทนึงที่อยู่ติดกัน บริษัทนั้นก็กำลังรับสมัครเหมือนกัน

เธอยืนอยู่ข้างทาง แล้วดื่มน้ำผลไม้สองสามอึกจนหมดเกลี้ยงดี แล้วจึงเข้าไปในบริษัทนั้น

ในรถเบนลีย์สีดำ นัยน์ตาของฉันทัชได้หันมา มองเห็นสีหน้าเร่งรีบของเธอเดินเข้าใกล้บริษัทที่ไม่ค่อยใหญ่นั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ

โก๋หันกลับมาก็เห็นเหมือนกัน เขากระดกคิ้วขึ้นอย่างตกใจ “คุณยู่ยี่รีบไปตามนัดหรอครับ?”

“ไปตามนัด?” ฉันทัช เหลือบมองไปที่โก๋ถามด้วยความไม่เข้าใจ

“ผมแค่เห็นว่าคุณยู่ยี่ไปบริษัทห้าวไห่มาก่อนแล้ว แล้วตอนนี้ก็รีบไปบริษัทที่อยู่ข้างๆอีก ไปตามนัดสัมภาษณ์น่ะครับ?”

คิดถึงคำพูดของเธอที่ว่าความรู้แค่หางอึ่ง มุมปากของฉันทัชก็ฉีกขึ้น เขาได้ยินผู้หญิงน้อยคนที่จะวิจารณ์ตัวเองต่อหน้าเขา

ผู้หญิงที่มาพัวพันอยู่ข้างกายเขาต่างก็เป็นผู้หญิงที่มีชื่อเสียง งดงาม มีเงินหรือเป็นหญิงแกร่งในด้านธุรกิจ ต่างก็เป็นผู้หญิงที่มีความเป็นผู้ใหญ่ พวกเธอสง่า สวย รู้ว่าจะพูดชมตัวเองในด้านที่สวยงามต่อหน้าผู้ชายยังไง ก็เลยได้รับความชอบพอและความสนใจน้อย

ขนาดของบริษัทไม่ใหญ่ ดังนั้นคนที่มาสมัครจึงไม่ได้เยอะ คู่แข่งเลยน้อยไปทันตา ในที่สุดสิ่งนี้ก็ทำให้สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสวยงามอีกครั้ง

ผู้จัดการเอ่ยปากถามว่า “คุณมีประสบการณ์การทำงานกี่ปีครับ?”

ยู่ยี่ชะงักไม่ได้ตอบ เธอไม่มีประสบการณ์การทำงานอะไรเลย เลยทำได้เลือกที่จะเงียบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง