จักรกฤษกำลังนั่งดื่มชาอยู่ เมื่อได้ยินดังนั้น พลันถอนหายใจยาวๆ “เธอพูดว่าไม่มีที่พัก และยังรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่าจะทำผิดแบบนั้นอีก พูดว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันกับแม่ของแกเลยไล่เธอไปไม่ได้”
“คำพูดยังเธอพ่อกับแม่ก็ยังจะเชื่อ? หรือว่าก่อนหน้านี้ยังได้รับการสั่งสอนมันน้อยไปเหรอ?” เมื่อเอ่ยถึงทับทิม เธอก็โมโหจนพุ่งปรี๊ดขึ้นมาทันที “พวกคุณเป็นพวกใจอ่อน เธอแค่ใช้จุดอ่อนของพวกคุณเล็กน้อยก็เท่านั้นเอง!”
“คนเรายังไงก็ต้องมีสายสัมพันธ์กันอย่างยืดยาว รอวันที่แกอายุเท่าฉันกับแม่แกแล้ว ก็จะเข้าใจดี” จักรกฤษนวดเท้า และขยับแว่นที่อยู่บนสันจมูก
เชอร์รีนสูดหายใจเข้าลึกๆ “ตอนนี้หนูแค่รู้ว่า ตอนนี้ทับทิมก็เหมือนกับตังเม จะสะบัดทิ้งยังไงก็สะบัดไม่ออกสักที!”
เธอเชอร์รีนใจดำอยู่คนเดียวจะมีประโยชน์อะไร พวกเขาคอยให้ท้ายทับทิม ถ้าเธอจัดการโยนกระเป๋าของทับทิมออกไปตอนนี้ พอลับหลังพวกเขาก็จะไปเก็บกลับมาแน่
หลังจากที่พัวพันกับทับทิมมานานขนาดนี้ แต่กลับมาอยู่ ณ จุดเดิม เธอแค่รู้สึกว่าเหนื่อยทั้งกายทั้งใจจริงๆ
จักรกฤษไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ แต่ถามกลับ “เรื่องของลูกไปถึงขั้นไหนแล้ว?”
“จัดการแล้ว” เธอพูดรวมๆ ไป เพื่อเป็นการผ่อนหนักให้เป็นเบา ปัญหานี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปก็ไม่อยากจะเอ่ยถึงอีก
“งั้นก็ดี สายน้อยของบ้านฉันก็อย่าไปโกรธเลย วันนี้มีแข่งบาสเกตบอล ไปดูเป็นเพื่อนพ่อหน่อยสิ”
จักรกฤษตบไหล่เธออย่างแผ่วเบา และยิ้มให้ จากนั้นก็ดึงตัวเธอที่ยังโมโหอยู่ให้มานั่งลง ที่ห้องรับแขก
เมื่อเปิดโทรทัศน์แล้ว จู่ ๆ ออกัสก็อยู่หน้าจอในเวลานี้ และนั่งลงบนโซฟาสีเลือดหมู และยิ่งขับความหล่อเหลาของเขา ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน
ตอนนี้เขากำลังให้สัมภาษณ์นักข่าว เชอร์รีนยื่นมือออกไป และแย่งรีโมตในมือของจักรกฤษมา พร้อมเร่งเสียงให้ดังขึ้น
“พวกเราทุกคนต่างแปลกใจมาก ว่าตกลงแล้วประธานออกัสไปแต่งงานตั้งแต่ตอนไหน เพราะไม่มีข่าวแพร่งพรายให้ได้ยินสักนิด?” พิธีกรยิ้มและถามออกมา
ร่างกายที่เอนหลังพิงโซฟาอยู่นั้น ขาทั้งสองข้างนั่งเกี่ยวไขว่ห้างกันอย่างสง่างาม รูปลักษณ์อันวิจิตร มองไม่ออกถึงความรู้สึกใดๆ ที่เกิดขึ้น มุมปากคลี่ยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงทุ้มต่ำมาก
“ไม่คิดเลยว่าทุกคนจะสนใจเรื่องผมแต่งงานขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ก็ได้แจ้งไปแล้วว่าจะจัดงานแถลงข่าว ไหน ๆ ก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว คืนพรุ่งนี้ที่โรมแรมอิมพิเรียล ผมกับภรรยาจะออกมาต้อนรับทุกคน หวังว่าทุกคนจะมีความสุขไปด้วย...”
“เพียงเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับการรอคอยแล้ว หลังจากแต่งงานแล้ว ประธานออกัสกับคุณหญิงเชอร์รีนยังออกงานพร้อมกันเป็นครั้งแรก กราบขอบพระคุณประธานออกัสเป็นอย่างสูงที่ให้โอกาสพวกเราเข้ามาสัมภาษณ์ ณ ที่นี้ พร้อมทั้งขออวยพรให้ประธานออกัสกับคุณหญิงเชอร์รีนมีความสุขในวันวิวาห์ มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมือง”
เขาพยักหน้าเล็กน้อย มุมปากคลี่ยิ้ม “ขอบคุณครับ”
ถือว่าเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์แล้ว เชอร์รีนตั้งสติได้ พลันรีบโยนไปทางด้านข้างทันที จากนั้นก็เดินออกไปทางระเบียงด้านนอก และโทรศัพท์ทันที
สักพัก ฝั่งนั้นถึงได้กดรับสาย เป็นเสียงฝีเท้าดังมาก่อน ราวกับกำลังเดินออกมาจากห้องผู้สื่อข่าว แถมยังได้ยินเสียงคนทักทายเขาอยู่รอบๆ ด้วย
“คุณออกัส คุณอธิบายสักหน่อยได้ไหม เมื่อครู่ที่คุณให้สัมภาษณ์ไปมันมีความหมายว่ายังไง?”
“ความหมายตามนั้นเลย คืนพรุ่งนี้ คุณหญิงเชอร์รีนกับผมจะออกวานฉลองการแต่งงานที่โรมแรมอิมพิเรียล…”
เชอร์รีนสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง “คุณออกัส เมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว พวกเรายังอยู่ด้วยกันอยู่เลย แค่เผลอหลุดปากพูดไปเท่านั้นเอง นี่ตกลงว่าคุณให้ค่ากับคำพูดขนาดไหนกัน?”
“เพิ่งตัดสินใจแบบปัจจุบันทันด่วน คุณหญิงเชอร์รีนรู้เรื่องแล้ว งั้นผมก็จะไม่พูดซ้ำสองนะ เพราะยังมีประชุมรออยู่ แค่นี้...”
เขาเหมือนจะยุ่งมากจริงๆ เพราะคุยกับเธอไปด้วย พร้อมทั้งสั่งงานเลขาฯไปด้วย และหยิบเอกสารขึ้นมา จากนั้นก็ไปเจรจาธุรกิจต่อทันที
“……”
เมื่อกลับเข้าห้องรับแขกมาแล้ว กนกอรซื้อกับข้าวกลับมาแล้ว ตอนที่กำลังเลือกผักอยู่นั้น ทับทิมก็เป็นลูกมือช่วย เธอก็นั่งเลือกผักอยู่ตรงนั้น พร้อมทั้งคอยกระซิบบางอยู่
เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาหา มือกนกอรที่กำลังวุ่นวายอยู่ถึงกลับชะงักทันที “ได้ข่าวคืนพรุ่งนี้จะจัดงานฉลองที่โรมแรมอิมพิเรียล?”
“หนูก็เพิ่งจะรู้นี่แหละ ทำไมเหรอ แม่?”
เวลานี้เอง ทับทิมก็วางผักที่อยู่ในมือลง พลันชนไหล่ของกนกอรแผ่วเบา “แม่ มีเรื่องฝากแกสักเรื่อง!”
เมื่อได้ยินดังนั้น เธอเดินฮัมท่อนเพลงและเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างได้ใจ เชอร์รีนจ้องมองเธอ จากนั้นก็หันไปมองกนกอร “แม่ เธอพูดอะไรกับแม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง