ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง นิยาย บท 476

ฝนตกหนัก เขาถือร่ม กันฝนให้ร่างที่ไร้วิญญาณของดาหวันไว้ โดยตัวเขายืนอยู่ข้างกายเธอ

ตอนที่พาดาหวันออกไป ตัวเธอยังคงมีกลิ่นซากหมู จุดประสงค์ที่ชายนั้นเอาหมูวางไว้ข้างเธอนั้นชัดเจนมาก

ซากสัตว์จะเน่า ส่งกลิ่นเหม็น เพื่อใช้กลิ่นซากหมู่กลบกลิ่นเน่าของซากศพ

เพียงแต่ สำหรับใครก็ตาม สถานการณ์เช่นนั้นมีแต่จะทำให้คนคลื่นไส้จนอยากจะอ้วกออกมา

นับตั้งแต่เหตุการณ์นั้น เขาก็ไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลหฤทัยไพรุณอีก และตั้งแต่นั้นมา เขาก็เริ่มมุ่งพัฒนาการงานอย่างเดียว

เมื่อตอนวัยรุ่น มักจะมีความอวดดีและเลือดร้อน จึงพาดาหวันออกจากคฤหาสน์ตระกูลหฤทัยไพรุณไป จนไม่สามารถให้สภาพแวดล้อมที่ดีแก่เธอได้ และไม่สามารถปกป้องเธอให้ดีได้ นั่นคือความเจ็บปวดที่ติดอยู่ในใจของฉันทัชมาตลอด

เมื่อเวลาผ่านไป แม้ว่าบาดแผลนั้นจะค่อยๆสมาน ตกสะเก็ด และหลุดออก แต่กลับมีรอยอดีตที่ไม่สามารถลบออกได้.......

หลายปีนั้น ไม่เคยกลับไปคฤหาสน์ตระกูลหฤทัยไพรุณเลย สำหรับพ่อแม่นั้น ก็เกิดความเกลียดชัง รู้สึกไม่สามารถให้อภัยและไม่สามารถทนได้ ชีวิตแบบนี้ดำเนินไปได้สี่ปี ไม่ได้ติดต่อ และไม่ได้พบหน้า จนถึงคุณแม่ธันยวีร์ป่วยเพราะความคิดถึง จนต้องเข้าโรงพยาบาล รับการผ่าตัด เขาถึงจะโผล่หน้ามา และความสัมพันธ์ถึงจะได้รับการแก้ไข......

“เหตุการณ์นั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาได้สิบกว่าแล้ว ในช่วงสิบปีมานี้ ผมว่าพ่อกับแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าในด้านความคิดหรือว่าตระหนักคิดได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้นเลย......” ฉันทัชขยับริมฝีปาก เอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน “แต่ผมโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และไม่ใช่ฉันทัชในวัยยี่สิบกว่าแล้ว ตอนนี้ผมมีความสามารถ และมีกำลังที่จะต่อสู้แย่งชิงในสิ่งที่ต้องการ เพื่อปกป้องเธอให้ดี ไม่ว่าพายุฝนจะโหมกระหน่ำ ก็ไม่สามารถทำให้เธอเปียกหรือทำอะไรเธอได้......”

คุณพ่อธนพงษ์ยังคงดื่มน้ำ ด้วยสีหน้ามัวหมองอย่างชัดเจน

“พ่อกับแม่ก็อายุมากแล้ว ในวัยนี้แล้วอย่ากลุ้มใจมากเลย แค่เพลิดเพลินกับวัยชราก็พอ ส่วนเรื่องของเอวา ผมจะรับผิดชอบเอง แต่จะใช้วิธีไหน พ่อกับแม่ไม่ต้องสงสัย......” เขาพูด ด้วยท่าทีจริงจังเป็นอย่างมาก “เธอเป็นผู้หญิงที่ผมเลือก ผู้หญิงคนเดียวที่ผมเลือกแล้วหลังจากสิบกว่าปีที่ผ่านมา และเธอก็จะเป็นภรรยาของผมในอนาคตด้วย และจะเป็นคนเดินเคียงข้างผมในช่วงเวลาต่อจากนี้จนถึงวาระสุดท้าย ถ้าพ่อกับแม่ต้องการเหตุการณ์เช่นเดิมกลับมาฉายซ้ำอีกรอบ ก็สามารถเลือกยืนกรานทำต่อไปได้ ผมหวังว่พ่อกับแม่จะไม่ทำการตัดสินใจที่ทำให้ผมผิดหวัง ที่จะพูดก็พูดหมดแล้ว......”

หลังจากพูดจบในสิ่งที่ควรพูดแล้ว ฉันทัชก็จากไป เขาไปที่ร้านขายดอกไม้ เลือกดอกลิลลี่ช่อหนึ่ง ไปที่สุสาน

รูปถ่ายบนป้ายหลุมศพ ดาหวันยิ้มอย่างอ่อนโยน เผยให้เห็นความงามที่อ่อนโยน ดูเป็นสาวที่หวานและสวยงาม

แก้มของเธอขาวใส ราวกับหยกที่แวววาว ไม่มีใครคิดถึงได้เลยว่าผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ถึงแก่กรรมได้อย่างไร

เมื่อเทียบกับยู่ยี่แล้ว พวกเธอไม่เหมือนกันเลย

ดาหวันเป็นคนประเภทอ่อนหวาน และขี้อายเล็กน้อย แต่เมื่อยู่ยี่เทียบกับเธอแล้ว กลับเป็นคนที่เด็ดเดี่ยว กล้าหาญ และเปิดเผยมากกว่า เมื่อพูดถึงนิสัย ทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จึงไม่มีเงาของใครอยู่ในร่างของใครอย่างแน่นอน

ดอกลิลลี่ถูกวางไว้ที่หน้าหลุมฝังศพ ฉันทัชร่างสูงยาว จากนั้นก็นั่งลงที่หน้าหลุมฝังศพ ดวงตาลึกของเขาเหม่อ และล่องลอย

หลายปีที่ผ่านมานี้ กลับฝันถึงเธอน้อยลงไปเรื่อยๆ ไม่เท่าปีแรกๆ ทุกวันทุกคืนจะนึกถึงแต่เหตุการณ์ที่น่าสลดของเธอ

ในช่วงเวลานั้น เขาแทบจะนอนไม่หลับเลย

เรื่องของเธอ เขาไม่ชอบเล่าให้คนอื่นฟัง เพียงเพราะ การตายของเธอมันน่าเศร้าเหลือเกิน เขาทนไม่ได้และไม่อยากที่จะพูดถึงมัน

รูปถ่าย และเหตุการณ์ในตอนนั้น ถูกระงับไว้ทั้งหมด และไม่มีการนำเสนอออกไป

คุณแม่ธันยวีร์พูดออกมาก่อน น้ำตารื้นกลิ้งไหลออกมา “ฉันทัชตอนนี้เป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันไม่ควรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และตอนนี้ฉันไม่ควรส่งเงินไปให้ดาหวัน......”

เธอเป็นคนใจอ่อน ทนดูลูกชายที่เลี้ยงดูอย่างประคบประหงมตั้งแต่เล็กจนโตไปทำงานลำบากไม่ได้ ตากแดดจนดำเหมือนถ่านหิน จึงได้ส่งเงินไป มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิดแต่กลับสร้างโศกนาฏกรรม

เมื่อได้ยินเช่นนี้ คุณพ่อธนพงษ์ก็โอบกอดเธอ และถอนหายใจยาวๆเบาๆ “ช่างเถอะ ช่างเถอะ แค่ลูกชายแท้ๆคนเดียวเอง ปล่อยเขาไปเถอะ”

“ฉันไม่ต้องการให้เหตุการณ์นั้นย้อนกลับมาเกิดซ้ำอีก ในวัยนี้แล้วไม่อยากทะเลาะกับลูกชายจนออกไปอีก คนที่เป็นหนี้บุญคุณตระกูลอนันต์ธชัยคือพวกเรา ไม่ใช่ฉันทัช” คุณแม่ธันยวีร์กล่าวต่อ “ฉันไม่อยากทะเลาะกับเขาจนเหมือนคนแปลกหน้า สี่ปีในครั้งนั้นก็เพียงพอแล้ว ความรู้สึกนั้น มันเจ็บปวดมากกว่าการเป็นศัตรูอีก.....”

“ได้ งั้นก็ปล่อยเขาไปเถอะ ต่อไปเรื่องของเขา เราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก” สำหรับดาหวันแล้ว คุณพ่อธนพงษ์ก็มีความรู้สึกผิด

ตอนนั้น ฉันทันเก็บศพและเหตุการณ์เช่นนี้นไว้ เพื่อจงใจให้พวกเขาเห็นโดยเฉพาะ มันจะลืมได้อย่างไร

ในสุสาน ฉันทัชอยู่เป็นเวลานาน เขาไม่สนใจว่าชุดสูทราคาแพงจะเปื้อนดินเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่นั่งเงียบๆอยู่ที่นั่น

หลังจากนั้นผ่านไปอีกสักพักหนึ่ง เขาถึงจะลุกขึ้นและจากไป สุสานของดาหวัน ฉันทัชจะมาทุกปี ซึ่งกลายเป็นความคุ้มชินไปตั้งนานแล้ว

เมื่อกลับมาที่อพาร์ตเมนต์ ยู่ยี่ใช้สายตาประหลาดใจจ้องมองเศษดินที่ติดอยู่บนร่างกายของเขา “เกิดอะไรขึ้นคะ”

“ไปสถานที่หนึ่งมา ผมจะไปอาบน้ำก่อนนะ......” ฉันทัชเอนตัวไปจูบเธอ

เมื่อสวมเสื้อคลุมอาบน้ำออกมา ยู่ยี่สองมือกอดอกไว้ แล้วจ้องมองเศษดินอีกแวบหนึ่ง “คุณแน่ใจไหมคะว่าคุณไม่ได้หกล้ม”

“ใช่ ผมแน่ใจ...” ฉันทัชกอดเธอ จากนั้นก็กอดไปนั่งบนโซฟา ดูทีวี

ในเวลานั้นเอง โทรศัพท์ดังขึ้น ฉันทัชหยิบมันออกมา เป็นคุณแม่ธันยวีร์ เขารับสาย หลังจากฟังไปสองสามประโยค ก็เปิดลำโพง

“ต่อไปนี้ เรื่องของแกฉันกับพ่อของแกจะไม่ยุ่งอีก แต่หวังว่าแกจะสามารถทำให้เอวาพอใจ และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด ฉันขอโทษ ฉันทัช”

ฉันทัชพูดเบา ๆ “ขอบคุณครับ แต่ผมคิดว่า แม่ยังติดค้างคำว่าขอโทษกับเธอ”

“จริงๆแล้ว ฉันไปที่นั่นทุกปี เพียงแค่ไม่กล้าให้แกรู้ สำหรับเธอ ฉันกล่าวขอโทษเธอเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว......”

ยู่ยี่คิดในใจ เธอที่ทั้งสองพูดถึง คือภรรยาคนแรกของเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง