ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง นิยาย บท 488

เอวากำลังนั่งรถบัสไปตามถนนแคบๆบนภูเขา แต่ดินสไลด์ทำให้รถบัสตกลงไปที่ด้านล่างของภูเขา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการช่วยเหลือ

จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถช่วยคนในรถได้มากนัก สีหน้าของอาคิระแย่มาก เขากำลังสั่งคนกลุ่มใหญ่ให้ไปค้นหาเอวา

ความเป็นตายของคนอื่นไม่ได้เกี่ยวกับเขา ตอนนี้เขาเพียงต้องการหาร่างของเอวาให้เร็วที่สุด

ฉันทัชรีบตามมา สีหน้าของเขาไม่ได้ดีไปกว่าอาคิระมากนัก ในใจของเขาก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอาคิระจะยังรอดชีวิต

งานกู้ภัยยังคงดำเนินต่อไป ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง หรือสองชั่วโมง ก็มีคนหากระเป๋าของเอวาเจอ และในนั้นยังคงมีบัตรประชาชนของเธอด้วย

เมื่อการค้นหาดำเนินต่อไป ในที่สุดก็เจอเอวา เสื้อผ้าเธอเต็มไปด้วยโคลน เธอถูกรถทับอยู่ สีหน้าซีดขาว เลือดไหลออกมุมปาก

เมื่อเห็นฉากนี้อาคิระก็แทบเป็นบ้า เขารีบตะโกนสั่งให้หมอข้างๆเริ่มการช่วยชีวิต

ฉันทัชก็ไม่ได้รู้สึกดีเช่นกัน สีหน้าของเขาเคร่งขรึม จริงจัง ความอ่อนโยนหายไปในพริบตา

หมอรีบตรงเข้าไปที่เปลหาม ฉันทัชก็รีบเข้าไปช่วยเช่นกัน แต่ทันทีที่เขาเพิ่งจับโดนมุมเสื้อของเอวา อาคิระก็ผลักเขาออกไป และคำราม “ไสหัวไป!”

เมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ฉันทัชก็เข้าใจอารมณ์ของเขาดี จึงไม่ได้เอามาใส่ใจ

การช่วยเหลือใช้เวลานานมาก เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดหมอก็ส่ายหน้าและพูดว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บมากเกินไป เราเจอตัวช้าเกินไป ช่วยไม่ได้แล้ว”

อาคิระตะโกน ผลักหมอลงไปที่พื้น แล้วรีบวิ่งไปหาเอวา

ข่าวดังกล่าวก็ทำให้หัวใจของฉันทัชเจ็บปวดเช่นกัน คิ้วหล่อขมวดมุ่น รู้สึกเหมือนหัวใจแตกสลาย

เขาไม่เคยคิดเลยว่าเมื่อจากไปในวันนั้น และมาพบกันในวันนี้ มันจะเป็นฉากแบบนี้!

...

กว่ายู่ยี่จะได้รับโทรศัพท์ ก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว และเมื่อเธอได้ยินคำพูดของฉันทัช มือเท้าของเธอก็รู้สึกเย็นขึ้นมา และร่างกายก็หยุดสั่นไม่ได้

เอวาตายแล้ว!

คำตอบนี้ทำให้ยู่ยี่รู้สึกว่าเธอไม่สามารถยอมรับได้ชั่วขณะหนึ่ง และจิตใต้สำนึกไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง

ฉันทัชวางสายทันทีโดยไม่พูดอะไร และยู่ยี่ก็ไม่ได้โทรกลับ เขาอารมณ์ไม่ดี แม้ว่าเขาจะพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แต่เธอก็ได้ยินอาการซึมเศร้าในนั้น ถ้าเขาจะบอกว่าเขาไม่เศร้าเลย มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน

อาคิระไม่คิดจะทิ้งร่างของเอวาไว้ในเมืองs เขาตั้งใจพาเธอกับฮ่องกง และจัดงานศพ

ฉันทัชกลับมาที่อพาร์ทเมนท์ จัดกระเป๋า และเตรียมจะไปฮ่องกงเช่นกัน

ยู่ยี่พยักหน้า หันไปช่วยเขาจัดกระเป๋า ฉันทัชจึงมองที่หลังของเธอและถาม “ไปด้วยกันไหม”

“ไปได้หรอคะ” ยู่ยี่หยุดมือถาม

“ถ้าคุณอยากไปไปได้อยู่แล้ว…”

ยู่ยี่คิดสักพักก่อนจะพูด “ฉันคิดว่าอารมณ์ของอาคิระคงรุนแรงไม่น้อย”

เมื่อเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นอารมณ์ของอาคิระคงบ้าคลั่งมากขึ้น ถ้าเธอไปเธอกลัวว่าจะเป็นการกระตุ้นเขามากขึ้น

“แค่ไปร่วมงานไว้อาลัย ทันทีที่จบงานศพ ผมจะมาส่งคุณ จะไปไหม” ฉันทัชเคารพการตัดสินใจของเธอ

“ฉันไปด้วย” เธอพูด แต่ที่จริงเธอยังรู้สึกเป็นห่วงเขา

ฉันทัชพยักหน้าเดินไปจัดกระเป๋า ไม่ได้ให้เธอขยับ จากนั้นกระเป๋าก็จัดจนเสร็จ

ยู่ยี่ยังคงกังวลว่าเธอจะไม่มีบัตรผ่านเข้าไป แต่ระหว่างทางก็ไม่มีอะไรกีดขวางเลย ขึ้นเครื่องอย่างราบรื่น ไม่มีใครทำให้ลำบากใจ

และเพียงไม่นานก็มาถึงฮ่องกง ครั้งนี้ไม่ได้ไปโรงแรม ฉันทัชพาเธอไปที่คฤหาสน์ตระกูลหฤทัยไพรุณ

ในคฤหาสน์ตระกูลหฤทัยไพรุณมีคนมากมาย ทุกคนอยู่ที่นี่ แต่สีหน้าของพวกเขาดูหม่นลงเล็กน้อย คนตระกูลหฤทัยไพรุณจะไม่ไปร่วมงานศพของเอวาได้ยังไง แต่อาคิระห้ามไม่ให้ตระกูลหฤทัยไพรุณเข้าไปในงาน!

ฉันทัชขมวดคิ้วเดินออกไป ยู่ยี่จึงเดินตามไปข้างๆเขา

คฤหาสน์ตระกูลอนันต์ธชัยไม่ได้ใหญ่เท่ากับคฤหาสน์ตระกูลหฤทัยไพรุณ แต่ก็สวยเช่นกัน ด้านนอกเต็มไปด้วยพวงหรีด และผู้คนมากมายมาไม่ขาดสาย

ทันทีที่ทั้งสองเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลอนันต์ธชัย พวกเขาถูกขวาง อาคิระสั่งว่า ใครก็ตามที่มาจากตระกูลหฤทัยไพรุณให้กันไว้ข้างนอก ไม่อนุญาตให้เข้าไป!

“ถ้าต้องการจะหยุดฉันจริงๆ ก็ให้อาคิระมาหยุดเอง ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาพวกนายคงรับไม่ไหวแน่!” เสียงของฉันทัชต่ำผิดปกติ

ยู่ยี่คว้าแขนเสื้อของเขาเบาๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของเธอ เขากำมือใหญ่ของเขาไว้ข้างหลัง และจับมือขาวนุ่มๆไว้ในฝ่ามือของเขา

สถานะของตระกูลหฤทัยไพรุณในฮ่องกงเป็นที่รู้จักกันดี แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งของอาคิระ ผู้คุมยังคงปฏิเสธที่จะปล่อยมันไป ถึงแม้จะค่อนข้างยาก

ฉันทัชเดินเข้าไปหาเขาทีละก้าว ใบหน้าที่อบอุ่นของเขาดูมืดมนน้อยลง “ฉันจะถามนายเป็นครั้งสุดท้าย นายจะเลือกขวางต่อหรือหลบ”

ชายคนนั้นยืนนิ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ตั้งใจจะหลบ

โดยไม่มีการซักถามเพิ่มเติม ฉันทัชดึงยู่ยี่เข้ามาในอ้อมกอด และปกป้องเธอเป็นอย่างดี จากนั้นก็เดินผ่านคนที่กั้นคนนั้นไป แต่ก็ถูกดันออก

หลังจากได้รับข่าวดังกล่าว อาคิระก็ออกมา ดวงตาของเขาเป็นประกายเหมือนเปลวไฟกำลังลุกไหม้ ก่อนจะพูดอย่างไม่ไว้หน้า “ไปให้พ้น!”

ฉันทัชไม่สนใจอาคิระ ขายาวที่มีเสน่ห์ของเขายังคงก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว

“ไปให้พ้น! อย่าก้าวเข้าไปในห้องไว้ทุกข์ ยังมีผู้หญิงที่น่าขยะแขยงคนนี้อยู่ในตระกูลหฤทัยไพรุณของคุณ!”

ดวงตาของเขามองที่อาคิระอย่างลึกล้ำ ก่อนแววตาอันเย็นยะเยือกปรากฏขึ้น ริมฝีปากบางๆ ของฉันทัชกระตุก และพูดทีละคำ “ถ้าไม่อยากให้งานศพของเอวาแย่ ฉันแนะนำให้นายหลีกทางเดี๋ยวนี้!”

ยู่ยี่ ไม่เคยเห็นฉันทัชในท่าทางแบบนี้มาก่อน ทั้งน่ากลัว เย็นชา รังสีที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขาทำให้ผู้คนถอยหนี

แต่ในตอนนี้สายตาของอาคิระกลับแดงก่ำ “งั้นก็ลองดู”

“ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ฉันต้องได้ไปร่วมงานศพของเอวา อย่าทำให้ฉันต้องหมดความอดทนอีก” ฉันทัชพูดเตือน

อาคิระไม่ฟัง และยังคงกีดกันอยู่

ฉันทัชต้องการเอาชนะ แต่ยู่ยี่ไม่ต้องการให้งานศพของเอวาเละเทะอย่างนี้ จึงกระซิบว่า “ช่างเถอะ พวกเราไปกันเถอะ”

ตอนแรกเธอต้องการจะเจอกันอีกครั้ง แต่ดูท่าจะเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ตราบใดที่ยังมีใจ ไม่ต้องแสดงออกมาเป็นรูปธรรมก็ได้

“ยืนตรงนั้นรอผม ขอแค่ห้านาทีหรือน้อยกว่านั้น ผมอยากส่งเธอเป็นครั้งสุดท้าย…” เมื่อพูดกับยู่ยี่ อารมณ์ของเขาก็กลับมาอ่อนโยน

ยู่ยี่พยักหน้าออกจากอ้อมกอดของเขา แล้วยืนอยู่ข้างๆ

หลังจากนั้นฉันทัชกับอาคิระก็ต่อสู้กัน และทุกการกระทำที่พวกเขาทำนั้นก็โหดเหี้ยมมาก ไม่ยั้งมือเลย

ยู่ยี่เข้าใจว่าวันนี้ต้องมีใครสักคนล้มลงไป ถึงจะเรียกว่าจบ

อาคิระไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันทัช ไม่นานเขาก็ถูกฉันทัชฟาดลงกับพื้น และหอบหายใจอย่างหนัด

แม้ว่าจะไม่รู้ว่าทำไมตระกูลอนันต์ธชัยกับตระกูลหฤทัยไพรุณต้องสู่กันในงานศพด้วย แต่สำหรับนักข่าว ทั้งหมดนี้ถือเป็นข่าวดี ทั้งหัวข้อข่าว และเนื้อหา

เมื่อเริ่มมีการถ่ายภาพทั้งสองคนเกิดขึ้น ทันใดนั้นก็ได้รับแววตาคมเข้มมองกลับมา ร่างสูงเหยียดตัวตรง ดวงตาคมของฉันทัชกวาดไปทางกลุ่มนักข่าว ใบหน้าของเขาไม่ได้เย็นชา แต่สงบมาก เรียกได้ว่าสงบนิ่งเลย ก่อนที่เขาจะพูดกับทุกคนว่า “มุมนี้ดูไม่ค่อยดี ต้องยืนดีๆหรือเปล่า เป็นการร่วมมือกับพวกคุณ”

แต่ยิ่งเขาสงบลงเท่าใด นักข่าวก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นเท่านั้น ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหว

“ในเมื่อไม่เห็นด้วย ฉะนั้นรูปเมื่อกี้ลบไปให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่รูปเดียว ช่วงนี้อารมณ์ผมไม่ค่อยดี ไม่ต้องการเห็นหน้าตัวเองบนหน้าหนังสือพิมพ์” เขาพูดต่อ สีหน้าของเขาไม่มีอารมณ์อะไร แต่เต็มไปด้วยความกล้าหาญและแข็งแกร่ง

ไม่มีคำขู่ในคำพูด แต่นักข่าวทุกคนเข้าใจความหมายดี ด้วยความสามารถของเขา จึงไม่เป็นปัญหาที่จะเล่นงานสำนักพิมพ์ใดๆในฮ่องกง

“การ์ด!” อาคิระยืนขึ้นอีกครั้ง กำหมัดด้วยมือทั้งสอง

เขาเข้าใกล้ฉันทัช เมื่ออยู่ห่างจากเขาเพียงก้าวเดียว เขาก็ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู “วันนี้ฉันจะสู้ให้ถึงที่สุด ตระกูลอนันต์ธชัยมีคน ตระกูลหฤทัยไพรุณก็มี”

“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น สิ่งที่จะพูดฉันก็พูดไปหมดแล้ว ถึงวันนี้จะต้องพังตระกูลอนันต์ธชัยให้ราบเป็นหน้ากลอง ฉันก็จะทำ ฉันต้องได้เข้าไป!”

เมื่อพูดจบเขาก็ถอยหลังไปดึงยู่ยี่มาข้างเขาอีกครั้ง อาคิระรู้จักนิสัยของเขาดี เขาจะทำตามที่เขาพูด

แต่นี่เป็นงานศพของเอวา เขาก็ไม่อยากทำให้งานพังจนเกินไป จึงได้แต่กัดฟันและหลบ

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ความอดทนของทั้งสองคนหมดสิ้น อาคิระคิดกับตัวเอง

ไม่ว่าเพราะดาหวัน หรือเพราะเอวา ต่อจากนี้เขาก็ไม่มีทางให้ทั้งสองคนนี้มีความสุขได้

ร่างของเอวายังไม่ได้เผา เธอยังคงนอนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ดูเจ็บปวด ยู่ยี่ยืนอยู่หน้าห้องไว้ทุกข์ หัวใจเริ่มสั่นจนควบคุมไม่ได้

เธอไม่เข้าใจชีวิตที่ผันผวน ตอนเธอมาถึงเมืองs ครั้งแรก เธอก็ยังสวยอยู่เลย แต่ตอนนี้เธอกลับนิ่งมาก...

ฉันทัชเงียบมาก ไม่พูดอะไรออกมาเลย เขาวางดอกไม้สีขาวไว้ข้างตัวเธอ และมองเธออย่างตั้งใจ

มือใหญ่วางลงข้างลำตัว เมื่อเขายกมือออกมา หลังมือของเขาก็ปรากฏเส้นเลือดอย่างชัดเจน

อารมณ์ของเขานั้นลึกซึ้งและมั่นคงมาก จนไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ แต่ยู่ยี่ซึ่งยืนอยู่ข้างเขาในเวลานี้ สามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของจังหวะการหายใจของเขาได้อย่างชัดเจน

ยู่ยี่หันไปทางด้านข้างเล็กน้อย มองเขาโดยไม่พูด หรือรบกวน เพียงแค่มองเขาอย่างเงียบสงบ

เธอกำลังมองที่เอวา ก่อนที่เธอจะตาย เธอเป็นผู้หญิงที่สวย เมื่อตายไป เธอก็ยังสวยอยู่ เธอแค่รู้สึกเสียใจกับการจากไปทั้งที่ยังสาว

ทั้งคู่อยู่ที่นี่นานมากก่อนจะออกไป ระหว่างทางทั้งสองไม่มีใครพูดอะไรเลย หลังจากผ่านไปนานมากฉันทัชก็พูดโดยพยายามข่มความหดหู่ไว้ “ผมคิดว่านั่นจะเป็นการเดินทางที่มีความสุข ไม่คิดเลยว่าจะเป็นจุดจบของชีวิตเธอ”

ยู่ยี่ยืนกอดเขานิ่ง ในขณะที่ผู้คนยังเดินผ่านไปมา การกอดเขาเป็นอย่างเดียวที่เธอสามารถปลอบเขาได้

เขาจัดการอารมณ์ของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ไม่นานเขาก็คลายตัวออก แต่ก็ไม่สามารถซ่อนความเหนื่อยล้าที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาได้

“กลับบ้านเถอะ นอนหลับสักหน่อย…” เธอรู้สึกเสียใจ

ฉันทัชส่ายหน้า บอกว่าเขายังไม่ง่วง

“ฉันง่วง…” เธอพูด “ฉันรู้สึกได้ว่าลูกก็ง่วง”

“ขอโทษ ผมเผลอไป…” เขาขอโทษ

เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์เขาก็พายู่ยี่ไปที่ห้องของตัวเอง ถอดรองเท้าให้เธอ ในขณะที่เธอก็ไม่ปล่อยเขา “นอนเป็นเพื่อนฉันหน่อย”

“ทำไมวันนี้ถึงติดผมขนาดนี้” ฉันทัชพูดเสียงเรียบ ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มจางๆ

“ที่นี่เป็นคฤหาสน์ของคุณ ฉันรู้สึกแปลกที่แปลกทาง แล้วถ้าไม่มีคุณนอนอยู่ข้างๆฉันรู้สึกแปลกๆ นอนไม่หลับ” เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา “อยู่เป็นเพื่อนฉัน ได้ไหม”

เขาไม่สามารถต้านทานความรั้นที่อ่อนโยนของเธอได้ และเขาก็กลัวว่าเธอจะไม่หลับสบาย ดังนั้นเขาจึงตอบรับเสียงเบา

ไม่รู้ว่าเธอหลับก่อนหรือว่าเขาหลับก่อน เพียงไม่นานก็มีเสียงหายใจประสานกันดังออกมาจากห้องนอน…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง