ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง นิยาย บท 620

พนาวันจ้องเขา พลางเลิกคิ้วสูง

เขาว่างมากใช่ไหม ทำไมถึงไปแตะของพวกนั้น?

เธอเดินกะเผลกเข้าไปจะรับหมีพูลมา

อาคิระไปโรงพักได้ ทว่าหมีพูลไปไม่ได้

ทว่าหมีพูลไม่ยอมมา ยืนกรานจะอยู่ด้วยกัน“ผมจะอยู่กับพ่อ!”

พนาวันเถียงลูกชายไม่ไหว ปล่อยไปตามยถกรรม

มนตรีลูบคางเบา ๆ เขารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้บ้าขึ้นช่างน่ากลัวเสียจริง จองหองมาก ไม่กลัวอะไรเลย

สุดท้ายอาคิระก็อุ้มหมีพูลขึ้นรถตำรวจแล้วจากไป

พนาวันไม่มีอารมณ์อยู่ต่อ พูดกับมนตรีว่า“ฉันจะกลับก่อนแล้วค่ะ”

มนตรีกล่าวว่า“ครับ”

จากนั้นเขาไปขับรถส่งเธอกลับบ้าน

ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ มนตรีเอ่ยปากพูดว่า“เขาคงไม่ทำโดยไร้สาเหตุหรอก ตอนแรกกดกริ่งประตูบ้าน จากนั้นก็ทำเรื่องแจ้งเตือนไฟไหม้ เขาจงใจรบกวนพวกเราครับ”

พนาวันไม่ได้ตอบ

สถานการณ์แบบนี้ควรจะพูดเช่นไรจึงจะเหมาะสมล่ะ?

“ฉันว่าเขาทำแบบนี้เหมือนปัญญาอ่อนมากเลย”

มนตรีไม่กล้าพูดในเชิงเสียหายอีกฝ่ายด้านนี้ จึงยิ้มส่ายหน้า

“ดูเหมือนเขาจะรักคุณนะครับ และรักมากด้วย ไม่งั้นนิสัยอย่างเขาคงไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอก”

“อาจจะใช่มั้งค่ะ”

พนาวันอยากเลี่ยงหัวข้อนี้ ไม่อยากพูดถึงอีก

“แต่ไม่เกี่ยวกับฉัน”

มนตรีสื่อให้รู้ว่าเข้าใจแล้ว และไม่ได้คุยต่อ จึงขับรถต่อไปเงียบ ๆ

พนาวันไม่ได้เป็นห่วงหมีพูล ด้วยอำนาจของอาคิระในเฮทเค เรื่องแค่นี้คงทำอะไรเขาไม่ได้หรอก

ณ สถานีตำรวจ

อาคิระไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด อุ้มหมีพูลแล้วนั่งอยู่บนเก้าอี้“คอแห้งไหม?”

หมีพูลพึ่งมาที่แบบนี้ครั้งแรก เขารู้สึกกลัวเล็กน้อย

ถึงจะอยากดื่มน้ำ แต่ก็ไม่กล้าพูด เขาส่ายหัวแล้วซบอยู่ในอ้อมกอดเขา

“กลัวทำไม?พ่ออยู่ตรงนี้ทั้งคน” อาคิระพูดกับตำรวจว่า“ริมน้ำมาหนึ่งแก้ว”

ตำรวจสาวหัวเราะอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะทุบโต๊ะเสียงดัง“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ตอนนี้คุณเป็นผู้ต้องสงสัยนะ แต่ยังกล้ามาสั่งฉันอีก”

พวกรปภ.ก็พยักหน้าเห็นด้วย“เขาชกหน้าพวกผมเป็นแบบนี้เลยครับ”

อาคิระไม่มีอารมณ์พูดคุยจู้จี้จุกจิก“ใครเป็นหัวหน้าพวกคุณ?”

“ถามหัวหน้าฉันทำไม”

ตำรวจสาวทำหน้าไม่พอใจ

คนนี้อยู่ในมือตำรวจแล้วยังทะนงตัวขนาดนี้อีก

อาคิระไม่แยแสเธอ หยิบมือถือขึ้นมาโทร ไม่กี่นาทีผู้หลักผู้ใหญ่ของที่นี่ก็มา ทั้งยังมีมารยาท นอบน้อมต่อเขา

ผู้ที่มามีตำแหน่งสูงใช่ย่อย ตำรวจสาวเห็นอีกฝ่ายแล้วก็รู้สึกยำเกรงมาก

“คุณอาคิระมาที่นี่ทำไมครับ?”

“อืม เมื่อกี้ตรง......” เขาเลิ้กคิ้วมองไปยังรปภ. “ชื่อเขตอะไรนะ?”

รปภ.ตอบด้วยสัญชาตญาณ“คอนโดบัวฝัน”

“ใช่ ที่คอนโดบัวฝันผมไม่ระวังไปโดนปุ่มแจ้งเตือนไฟไหม้ จากนั้นก็ถูกพามาที่นี่ด้วยข้อหานี้”

อาคิระกล่าวเสียงเรียบเฉย“ลูกชายผมอยากดื่มน้ำ ไม่มีน้ำเหรอ?”

นายตำรวจรีบส่งสายตาให้ตำรวจสาวทันที สื่อให้เธอรู้ว่ารีบไปริมน้ำมา

“เรื่องแค่นี้เองเหรอ? คุณอาคิระต้องเผลอไปโดนแน่ พวกคุณแยกย้ายกันไปได้เลย ไม่มีใครจับเครื่องแจ้งเตือนไฟไหม้โดยพลการหรอก ที่เหลือผมจะจัดการเอง พวกคุณออกไปได้”

หมีพูลยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม รู้สึกคุณพ่อเก่งกาจมาก

ตอนนี้ไม่รู้สึกขายหน้าแล้ว

“คุณอาคิระกลับไปได้แล้วครับ” นายตำรวจกล่าว

อาคิระลุกขึ้นแล้ว ทว่าเหมือนจะคิดอะไรออก จึงนั่งลงอีกครั้ง “ยังไม่ได้ประกันตัว คงไปไม่ได้……”

นายตำรวจชะงัก กล่าวว่า“คุณอาคิระออกไปได้แน่นอนครับ”

“ไม่ได้ประกันตัวแล้วออกไปได้ยังไง?”

อาคิระนั่งพิงอยู่ด้านหลังเก้าอี้

“พฤติกรรมแบบนี้เท่ากับขาดความรับผิดชอบต่อสังคม ถ้าเกิดผมเป็นผู้ร้ายขึ้นมา แต่คุณปล่อยตัวแบบนี้ มันไม่ปลอดภัย ดังนั้นจำเป็นต้องประกันตัวก่อน”

“……”

นายตำรวจไม่รู้จะรับมือยังไงแล้ว

ทั้ง ๆ ที่ลุกขึ้นแล้วก็เดินออกไปได้ แต่ทำไมคุณอาคิระยังต้องการประกันตัวให้ได้?

อีกฝั่งหนึ่ง

พนาวันต้มน้ำอยู่ มือถือก็ดังขึ้น

เธอรับสาย ซึ่งเป็นเบอร์แปลก ๆ จึงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย“ฮัลโหล?”

“เป็นเมียเก่าของคุณอาคิระหรือเปล่าครับ?เชิญมาประกันตัวเขาในโรงพักหน่อยครับ”

เธอรู้สึกอึ้ง ไม่ได้พูดอะไร

ด้วยความสามารถของเขา ยังต้องประกันตัวอีกหรือ?

เธอกำลังเหม่อลอยอยู่ เสียงของหมีพูลก็ลอยเข้ามา“คุณแม่”

“หมีพูล”

เธอได้สติกลับคืนมาทันที

“คุณแม่มาประกันตัวผมกับพ่อออกไปทีครับ ไม่งั้นผมกับพ่อออกไปไม่ได้ ผมหิวน้ำมากเลยครับ ที่นี่ไม่มีน้ำให้ดื่มเลย”

น้ำเสียงหมีพูลอ่อนนุ่ม ทั้งยังเจือความกล้ำกลืนอยุติธรรมไว้ด้วย

“พ่อไม่หาน้ำให้ลูกดื่มเหรอ?”

“หาแล้วครับ แต่คุณน้าตำรวจไม่ให้ ที่โรงพักมีเพียงคุณน้าตำรวจคนเดียวครับ พวกเขาไม่รู้จักคุณพ่อ ไม่ให้พวกเราออกไปครับ”

พนาวันทนฟังต่อไปได้อย่างไร กำชับสองประโยคเสร็จก็วางสาย จากนั้นก็เรียกรถแท็กซี่ออกไป

ระหว่างทาง เธอคิดว่าอาคิระไม่อยากให้ตัวเองขายหน้า จึงไม่ได้เรียกคุณลุงสินไป ดังนั้นหมีพูลจึงต้องโทรหาเธอ

ภายในสถานีตำรวจ

ตำรวจสาวเหล่ตา

ตอนเด็กผู้ชายโทรไปฟ้องแม่ว่าไม่มีน้ำดื่ม แต่ในปากกลับดื่มแต่น้ำอัดลมไม่หยุด

ช่างเป็นพ่อลูกพิสดารจริง ๆ

หมีพูลกำลังกินขนมอยู่ แต่ยังไม่ลืมเงยหน้ามองอาคิระเป็นระยะ“พ่อ ขนมอันนี้อร่อยมากเลย”

อาคิระจ้องมองเขา“ตอนกลับให้ลุงสินซื้อให้ลูกอีกนะ หรือไปซื้อที่ห้างก็ได้”

พนาวันรีบมาด้วยความอนาทรร้อนใจ

หมีพูลกำลังวุ่นวายกับการเช็ดเศษขนมบนปากและบนตัว และกินจนสำลัก ……

อาคิระกวาดสายตามองบนโต๊ะ มือใหญ่รีบปัดถุงขนมลงถังขยะด้วยความว่องไว

เวลานี้พนาวันก็เดินเข้ามา และกำลังเดินไปหาพวกเขาสองคน

เมื่อกี้หมีพูลกินเร็วไปหน่อย เลยสำลัก ตอนนี้ยังสะอึกไม่หยุด

พนาวันยืนตบหลังให้หมีพูล ขมวดคิ้วมุ่นถามว่า“ลูกกินจนสำลักหรือเป็นหวัดกันนี่ ทำไมสะอึกแบบนี้?”

กิน?

หมีพูลกลัวทำพ่อเสียหาย จึงรีบส่ายหัวกล่าวว่า“เป็นหวัดครับ”

เธอก้มตัว ซึ่งอยู่ใกล้เขามาก

อาคิระได้กลิ่นหอมบนกายเธอ ดวงตาก็วูบไหว

ส่วนพนาวันกลับจ้องเขาแบบไม่รู้สึกไยดี ฐานะของเขายังออกจากโรงพักไม่ได้

“คุณตำรวจค่ะ ไม่ทราบว่าฉันพากพวกเขาออกไปได้หรือยังคะ?”

เธอหมุนกายมองไปยังตำรวจสาวด้านหลัง

“เซ็นชื่อแล้วก็ไปได้ค่ะ” ตำรวจสาวชี้ไปอีกทาง

พนาวันรับรู้แล้วก็กล่าวคำขอบคุณตำรวจสาว จากนั้นก็เดินไปด้านข้าง

ตอนนี้พนาวันอยู่ห่างจากพวกเขา ทว่าตำรวจสาวยังอยู่ใกล้ ตำรวจสาวจึงได้ยินพวกเขาสองคนคุยกับเต็มสองหู เด็กผู้ชายดึงชายเสื้อผู้ชาย “พ่อครับ จะทำยังไงต่อครับ?”

ครุ่นคิดดูแล้ว อาคิระก็หรี่ตากล่าวว่า“บอกว่าลูกยังไม่ได้กินอะไร หิวแล้ว”

ได้ยินดังนั้น ตำรวจสาวก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

ตำรวจสาวได้ยินชัดเจนมาก เด็กผู้ชายกินอิ่มแปล้จนสะอึก แต่จะยังจะบอกว่าหิวอีก จริงจริ๊งเลย ……

ดังคาด เด็กผู้ชายเช็ดมุมปาก“พ่อ ผมกินไม่ลงแล้ว ท้องผมจะระเบิดแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง