ในห้องสมุด นีรดากับดนัยสบตากันและนั่งลง "คุณจะเมินเรื่องนี้ไม่ได้ สิ่งที่ฉันพูดไม่ใช่เรื่องตลก คุณก็รู้ดี"
"ผมรู้" ดนัยพูด "แต่ผมเชื่อเธอ ผมเชื่อว่าเธอจะไม่ทำเรื่องอย่างนั้น"
ทันทีที่ได้ยิน นีรดาอารมณ์คุกรุ่นทันที "คุณเชื่อเธอขนาดนั้นเลยเหรอ"
"เธอเป็นภรรยาที่ผมเลือกด้วยตัวเอง ทั้งอารมณ์และนิสัยของเธอ ผมก็ต้องรู้อยู่แล้ว อย่าบอกนะว่าคุณไม่เชื่อในตัวลูกสะใภ้ของตัวเอง แต่เลือกเชื่อคนอื่น"
ดนัยยิ้มบางๆ
"ไม่ว่าคุณจะต้องการพบเธอหรือไม่ แต่เธอก็เป็นลูกสะใภ้ของคุณ ยังไงก็ใกล้ชิดกว่าคนนอก คุณบอกว่าคุณเป็นคนปกป้องควาทยุติธรรมไม่ใช่หรอ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้นีรดา ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย "แต่ในวันเดียว โตโต้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นสองครั้งและทุกอย่างเกี่ยวข้องกับเธอ แกจะให้ฉันทำยังไง"
"โตโต้ยังเด็ก ยังมีทิพย์ไม่ใช่หรอ ฉันก็ต้องให้คำอธิบายต่อทิพย์ ไม่ให้เธอพูดว่าคนในตระกูลเตชะโสภาไม่ปกป้อง ไม่มีเหตุผล และรังแกเด็ก"
"โตโต้ยังเด็ก เป็นเรื่องปกติที่เด็กขนาดนั้นจะสะดุด เดินเร็วเกินไป และไม่สนใจสภาพแวดล้อม เป็นเรื่องปกติ" ดนัยเทน้ำหนึ่งแก้วให้เธอ
"ก็จริง แต่ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกในอนาคตล่ะ"
"ง่ายมาก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลักฐาน ถ้านาโนทำผิดก่อน ทิพย์ก็ต้องได้รับความเป็นธรรม นอกจากนี้ คุณคิดมากเกินไป เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นทุกวันได้ยังไง"
นีรดาก็คิดว่าใช่เหมือนกัน เธอพูดต่อ "คิดจะทำยังไงเกี่ยวกับภาวะมีบุตรยากของนาโน"
คำถามนี้ไม่สามารถตอบได้เลย ดนัยกระแอมสองครั้ง และเปลี่ยนเรื่อง
เมื่อเดินลงไปข้างล่าง เขาก็ดึงข้อมือของนาโน และทั้งสองก็รีบออกจากบ้านไป
ทิพย์กอดโตโต้จ้องไปที่ร่างทั้งสอง
นีรดาก็เดินลงไปชั้นล่าง มองไปที่แขนของโตโต้ และปล่อยให้พักผ่อน
เธอคิดว่ามันก็จริงเหมือนกัน
ต่อให้นาโนไม่เข้าตาแค่ไหน เธอก็ยังเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลเตชะโสภา เรื่องโตโต้ไม่มีมูล หากเธอสร้างปัญหากับนาโนมากเกินไป ก็จะทำให้นระกูลเตชะโสภาเสียหน้า
ในรถนาโนถามดนัยว่าเขาพูดอะไร พูดไม่ดีเกี่ยวกับเธออีกแล้วเหรอ
ดนัยส่ายหัว "ไม่ พูดเรื่องการมีลูก ผมเปลี่ยนเรื่องและออกมา"
เมื่อถึงในอพาร์ตเมนต์ นาโนนั่งหน้าหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน มองดูดาวเต็มท้องฟ้า
ดนัยเดินเข้ามานั่งข้างหลังเธอ โอบแขนที่แข็งแรงของเขาไว้รอบเอวบางของเธอ "คุณคิดอะไรอยู่"
"ฉันคิดว่าบรรยากาศในตอนนี้อบอุ่นและอิสระมาก ไม่เหมือนอยู่ในบ้านตระกูลเตชะโสภา ฉันมักจะรู้สึกหดหู่และตึงเครียด และไม่เป็นธรรมชาตินิดหน่อย" เธอพูดตามความจริง
ดนัยไม่พูดอะไรนอกจากยิ้ม และมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนอันกว้างใหญ่กับเธอ "รู้สึกยังไงที่ได้เป็นอิสระ"
"มันดีจริงๆ จริงๆแล้ว ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบแม่ของคุณ แต่ฉันไม่ชอบวิธีที่จะทำให้แม่ผัวกับลูกสะใภ้เข้ากันได้"
นาโนขี้เกียจเล็กน้อย เธอเอนหลังเข้าไปในอ้อมแขนของเขา
"แต่ลูกสะใภ้แตกต่างจากลูกชายและลูกสาวมาก มีความแตกต่างกันมาก"
ดนัยหัวเราะ "วันนี้คุณยังอารมณ์ดีอยู่อีก"
เธอหรี่ตาลงอย่างสบายใจพลางเหยียบอ่างแช่เท้า รู้สึกว่าชีวิตนี้สบายที่สุดแล้ว
"ฉันได้ยินเชอร์รีนพูดว่าคุณชายออกัสไม่ตีผู้หญิง จริงๆที่งานแต่งงานของยู่ยี่ ฉันตกหลุมรักคุณชายออกัสก่อน ฉันคิดว่าท่าทางของเขามีเสน่ห์มาก" นาโนขยับริมฝีปากพูด
คิ้วและตาของดนัยค่อยๆย่น "คุณกำลังคิดถึงชายอื่นต่อหน้าผม"
"ไม่ใช่ ฉันพูดตามจริง แต่น่าเสียดาย ฉันไม่มีโชคชะตากับเขาต่อจากนั้น"
"หึหึหึ เขาโดดเด่นเหนือใคร เขาก็หมาป่าคนหนึ่ง แต่คุณกลับพูดเยินยอซะมากมาย ในฐานะผู้ชาย บนตัวเขามีอะไรที่ผมไม่มีบ้าง มาสิ บอกผมมา!"
นาโนมีความสุขมาก ใครบอกว่าผู้หญิงจริงจัง และผู้ชายก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน!
"นี่คุณ!" ดนัยแอบกัดฟัน
"ลองดูมั้ยล่ะ" หลังจากพูดแบบนั้นนาโนก็แกล้งโทรหาออกัส
เชอร์รีนกำลังนอนหลับสนิท และฝันหวาน ก็ถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ จึงหยิบโทรศัพท์มาแนบหูของเธอ "อะไร"
"น้องของสามีเธอมีขนาดเท่าไหร่" นาโน ถามตรงๆโดยไม่อาย
"เลอแปงหรอ" เธอหันกลับมาทั้งที่ยังหลับตาพร้อมพูดด้วยความงัวเงีย "เธอจะไปซื้อเสื้อผ้าให้เลอแปงหรอ"
เมื่อได้ยินอย่างนี้เส้นสีดำสามเส้นก็ปรากฏบนหน้าผากของนาโน "..."
สุดท้ายเธอพูดอีกครั้ง "ไม่ใช่เลอแปง แต่เป็นน้องชายของออกัส!"
ยังไม่ทันตื่นดี ใบหน้าของเชอร์รีนก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ไม่มีอารมณ์นอนอีกต่อไป เธอลุกขึ้นมาด่า "นาโน! เธออายบ้างมั้ย! ดนัยล่ะ ให้เขามาสนองให้เธอสิ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง