นาโนที่รู้ข่าวก็ตามมาด้วยเช่นกัน ทันทีที่เห็นเขา ก็ขมวดคิ้วและถามว่า “ คุณแม่ล่ะ อาการหนักไหม?”
ดนัยไม่ตอบ เอาก้นบุหรี่ที่คาบอยู่ตรงริมฝีปากออก ทิ้งลงพื้น แล้วเหยียบบี้ให้ไฟมอดดับ
นาโนยืนอยู่ข้างๆเขา ยกมือขึ้น อยากจะจับไปที่แขนของเขา
ใครจะไปคิด ร่างของดนัยเบี่ยงตัว แล้วหลบออก ปลายนิ้วของเธอสัมผัสได้เพียงความว่างเปล่า
นาโนมึนงง มือขยับไปมาเล็กน้อย
ดนัยไม่ได้สนใจเธอ นั่งลงบนม้านั่งตัวยาว ศีรษะซุกลงกับหว่างขา นั่งเงียบนิ่งอยู่อย่างนั้น
เขากำลังคิด ว่าถ้าหากเช้านี้เธอตอบตกลงไปที่ร้านอาหาร เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น
เขากำลังเกลียดเธอ และเกลียดตัวเอง
นาโนมองเห็นถึงความเฉยชาและความห่างเหินของเขา
เธอเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ได้พูดอะไร เธอเองก็ได้ยินมาว่านีรดาเป็นลมในขณะที่กำลังวุ่นอยู่ภายในครัว
เขากำลังโทษเธอ โทษที่เช้านี้เธอไม่ยอมตอบตกลงไปช่วยที่ร้านอาหาร ทำให้นีรดาต้องหอบสังขารไปที่ร้านอาหารด้วยสภาพร่างกายแบบนั้น
เรื่องนี้ คงจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้จริงๆ
นาโนไม่โต้แย้ง นั่งอยู่เป็นเพื่อนกับเขาที่ม้านั่งตัวยาว รออยู่อย่างนั้น และไม่ได้พูดอะไรสักคำ
เวลาของการรอคอยนั้นยาวนานอย่างมาก และมันก็ทรมานมากด้วย
ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ ต่างไม่มีใครพูดอะไร ระหว่างคนสองคน นั่งนิ่งท่ามกลางความเงียบ
หัวสมองของดนัยเอาแต่คิดวนเวียนอยู่ซ้ำๆ กับเรื่องที่ตัวเองได้ทำผิดพลาดไป
หากเขาตอบตกลงย้ายกลับไปอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเตชะโสภา แม่ก็คงไม่ต้องมาเครียดและกดดันแบบนี้ !
นาโนอีกคน เขาพูดเกลี้ยกล่อม เจรจาหว่านล้อมเธอไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง แต่เธอก็ยังคงไม่ยอมไปที่ร้านท่าเดียว
เดิมที เรื่องทั้งหมดนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น
เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดอย่างมาก นั่นแม่ของเขา ผู้ให้กำเนิดเขา และแม่ผู้เลี้ยงดูเขามาจนเติบใหญ่!
การผ่าตัดยังคงดำเนินไปต่อ จวบจนตอนบ่าย ไฟที่ห้องผ่าตัดก็ดับลงในที่สุด หมอบอกว่าการผ่าตัดสำเร็จไปได้ด้วยดี แต่คนไข้ยังไม่ฟื้น
ส่วนคนไข้จะฟื้นขึ้นมาหรือไม่ ตอนนี้พวกเขาเองก็ยังตอบไม่ได้ !
หรือต่อให้คนไข้จะฟื้นขึ้นมา จะเป็นอัมพาตหรือเปล่า หรือจะนอนนิ่งขยับเคลื่อนไหวร่างกายได้ไหม คำถามเหล่านี้ล้วนตอบไม่ได้
ถูกย้ายไปยังห้องไอซียู ดนัยคอยเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง
นาโนก็นั่งอยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน เธออยากจะพูดอะไร แต่ในเวลาแบบนี้จะพูดอะไรได้อีก ?
นีรดายังไม่ฟื้น ภาระทุกอย่างที่ร้านอาหารก็ต้องตกมาอยู่ที่นาโน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินหรือบัญชี และเรื่องส่วนผสมวัตถุดิบต่างๆ เธอก็ต้องมาทำเอง
นาโนเหนื่อยมากๆ แต่ตอนนี้เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะพูดคำว่าเหนื่อยออกมา
ความสัมพันธ์ของเธอกับดนัยก็ราวกับลดลงจนกลายเป็นจุดเยือกแข็ง เย็นชามาก และแทบไม่พูดอะไรกันเลย
เชอร์รีนก็มาเยี่ยมที่โรงพยาบาลด้วยเช่นกัน ซื้อกระเช้าผลไม้มา นั่งกับนาโนในร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม พูดว่า“เธอกับเขาทำไมถึงได้เย็นชากันขนาดนี้ ?”
“คืนก่อนที่นีรดาจะเป็นลมหมดสติไปเธอได้โทรมาหาเขา ให้ฉันไปช่วยที่ร้านในวันถัดไป เธอบอกว่าไม่ค่อยสบาย แต่ฉันปฏิเสธ ในตอนเช้าของวันที่หมดสติก็ได้โทรมาหาดนัยอีก บอกว่ารู้สึกไม่สบาย ให้ฉันไปที่ร้านอาหารด้วย ฉันพูดต่อหน้าดนัยว่า เธออาจจะแกล้งป่วย ก็จึงพูดปฏิเสธและไม่ได้ไปที่ร้าน พอตกบ่ายเรื่องทุกอย่างก็เกิดขึ้น”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้เชอร์รีนก็ขมวดคิ้วมุ่น
“หากนีรดาไม่ฟื้นขึ้นมา พวกเธอก็จะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเหรอ?”
“ฉันไม่รู้”นาโนเอนหลังพิงเก้าอี้
“เฮ้อ!”เชอร์รีนถอนหายใจยาว“ ขอให้เขาฟื้นขึ้นมาแล้วกันนะ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง