และไม่รู้ทำไม สองสามวันนี้เธอยิ่งรู้สึกเหนื่อย แล้วก็ยิ่งอ่อนเพลียด้วยเช่นกัน มักจะรู้สึกว่านอนไม่พอ
เธอส่ายหน้า สลัดความรู้สึกอยากนอนนี้ออกไป หลังจากนั้นก็เอาความสนใจทั้งหมดมาอยู่ที่การทุบส่วนผสมวัตถุดิบตามอัตราส่วนให้ละเอียด
รอจนหลังจากที่งานเสร็จแล้วนั้น ก็โทรหาเชอร์รีน นัดไปเดินช้อปปิ้งด้วยกัน
สถานที่ที่จะไปก็คือตึกวายที เธอรู้สึกเหนื่อยอยู่บ้าง
ไม่มีกะจิตกะใจจะไปเดินที่ร้านแบรนด์เนมแล้ว เพราะที่ตึกวายทีอะไรๆหลายอย่างก็มี ประหยัดเวลาอีกด้วย
ด้านล่าง ทางด้านหลังของดนัยมีพนักงานบริษัทกลุ่มใหญ่ตามอยู่ทางด้านหลัง เขามาทางนี้เพื่อตรวจสอบงาน ตึกวายทีมีร้านค้าไม่น้อยที่จะต้องเปลี่ยน
บาร์บี้ตามอยู่ทางด้านหลังเขา มองดูกางเกงสูทที่รีดจนเป็นรอยจีบสลัดออกมามีส่วนโค้ง ขายาวก้าวเคลื่อนไหว เดินเร็ว หล่อเหลายิ่งนัก
หันกลับมาสายตาของเชอร์รีนก็ได้สบตากับดนัยโดยบังเอิญ
คิ้วของเธอขยับ หลังจากนั้นก็ดึงเสื้อของนาโน : “สามีเธอนี่!”
นาโนเองก็ไม่ได้เจอเขามาหลายวันแล้วเช่นกัน เวลานี้หัวใจรู้สึกไม่สงบ กลับเลิกคิ้วขึ้นมาแล้วตอบรับนิ่งๆ
“จะมาแสร้งทำเป็นชอบหาเรื่องอะไรกัน เมื่อก่อนเธอไม่ใช่แบบนี้นี่!”
เชอร์รีนจ้องมองเธออย่างไม่สบอารมณ์ หลังจากนั้นก็โบกไม้โบกมือ แล้วตะโกนเรียกชื่อเขาออกมา : “ดนัย!”
ได้ยินเสียงแล้ว ดนัยก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตามองไปยังนาโนกับเชอร์รีนที่อยู่สูงกว่าชั้นหนึ่ง
เชอร์รีนลากเธอลงมาด้วย
ตอนที่กำลังจะลงบันไดมานั้น นาโนกลับให้เธอเอามือออก แล้วจัดแจงเสื้อผ้ารูปลักษณ์ของตัวเองอย่างสง่างาม
หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปอย่างช้าๆ แล้วคล้องแขนของดนัยเอาไว้อย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่นิดเดียว
ดนัยมองเธอแล้วขยับแขนเล็กน้อยเตรียมจะเลี่ยงออก
แต่ทว่านาโนกลับกอดเอาไว้แน่นยิ่งขึ้น : “เชอร์รีนยังไม่ได้ทานอะไรเลยตอนกลางวัน ให้คุณเลี้ยงนะ”
“ผมยังมีงานอยู่” ดนัยขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ในเมื่อมีงานก็จะต้องทานมื้อกลางวันด้วยอยู่แล้ว ในตึกวายทีก็มีร้านอาหาร ตอนนี้เราก็ไปกันเถอะค่ะ ทานเสร็จแล้วค่อยทำงานต่อ”
นาโนว่าแล้วก็ดึงแขนเขา
เชอร์รีน : “…….”
เคยเห็นที่ว่าหน้าไม่อาย แต่กลับไม่เคยเห็นว่าจะหน้าไม่อายขนาดนี้ ทั้งๆที่ตัวเองอยากจะกินข้าวกับดนัยเองแท้ๆ แต่นี่กลับเอาเธอมาเป็นข้ออ้างเสียอย่างนั้น!
คิดแล้วนั้น ดนัยก็หันหลังไป แล้วสายตาก็มองไปที่ร่างของบาร์บี้นิ่งๆ พลางเอ่ยขึ้น : “คุณเองก็ไปด้วยกันสิ....”
บาร์บี้รู้สึกอึ้งไป จากนั้นก็พยักหน้าลงอย่างงงๆ
และสายตาของนาโนนั้นก็มองมาที่ร่างของเธอ ผู้ช่วยเลขา ยังวัยรุ่นและดูสวยสะอาดบริสุทธิ์มากเหมือนกัน
เพียงแต่ดนัยเปลี่ยนเลขาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมเธอถึงไม่รู้?
ผู้ช่วยเลขาก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเป็นลูกตาลมาตลอดหรอกเหรอ?
ผลปรากฏว่าทั้งสี่คนก็ไปร้านอาหารที่วายทีด้วยกัน เป็นแบบห้องวีไอพี
ดนัยกับนาโนนั่งด้วยกัน ส่วนเชอร์รีนกับบาร์บี้นั้นก็นั่งด้วยกัน อยู่ตรงกันข้าม
สั่งอาหารมาจำนวนไม่น้อย บางครั้งสายตาของบาร์บี้ก็จะมองมาที่นาโน คอยจ้องมองเธอ
นี่คือภรรยาของเขาอย่างนั้นเหรอ?
เหมือนกับที่เพื่อนๆที่ผับพูดกันจริงๆ สวย น่ารัก มีเสน่ห์และยังมีสไตล์ที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้อีกด้วย
แต่ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาดูเหมือนกับจะดูแข็งๆกันอยู่บ้าง มีความรู้สึกที่ไม่สามารถพูดออกมาได้แบบนั้น
ให้ความรู้สึกที่เหมือนกับเกิดความบาดหมางกัน ไม่ใช่ความสัมพันธ์สนิทสนมใกล้ชิดกันแบบนั้น ดูมีความห่างเหินและความเย็นชาเพิ่มขึ้นมาด้วย
ข้างนอกลือกันว่า ความรักระหว่างประธานดนัยกับภรรยานั้นทั้งสองคนรักกันมากโดยไม่ต้องสงสัย แต่ตอนนี้ดูแล้ว เหมือนกับจะไม่เป็นแบบนั้นแล้ว
เห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้ว เชอร์รีนก็ไม่ได้พูดออกมา แล้วดื่มไวน์ที่อยู่ในมือเงียบๆเช่นกัน รสชาติของไวน์แดงนั้นกลมกล่อมมาก กินสเต๊กดื่มไวน์แดง นี่ถึงจะเป็นการเสพความสุขไปอีกแบบหนึ่ง
และไม่นาน สเต๊กก็ยกออกมาเสิร์ฟ แต่ไม่มีคนเอ่ยพูดออกมาเลย ดังนั้นบรรยากาศจึงดูตึงเครียดขึ้นมา และยังดูอึดอัดอยู่เล็กน้อยอีกด้วย
ทั้งช่วงเวลานั้น มีเพียงเสียงมีดและส้อมกระทบกับจานดังขึ้นมาเท่านั้น นอกจากนี้แล้ว ก็เงียบสนิทไม่มีเสียงอื่นๆเลย
สุดท้ายแล้ว ดนัยเป็นคนที่เริ่มส่งเสียงขึ้นมาขัดบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ขึ้นมาก่อน
แต่คำพูดนี้ของเขากลับพูดกับบาร์บี้ : “ครั้งนี้ร้านค้าที่จะต้องเปลี่ยนมีกี่ร้าน?”
ได้ยินแล้ว บาร์บี้ก็รีบวางมีดกับส้อมในมือลงทันที พลางเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง : “8ร้านค่ะ แต่มีของแบรนด์ทั้งหมด10ประเทศที่ต้องการเข้ามา ดังนั้นจึงขาดอยู่อีก2แหล่ง”
“อืม เอาสถานการณ์โดยรวมของร้านค้ามาให้ผมดูที” ดนัยเองก็วางมีดกับส้อมลงด้วยเช่นกัน
“ค่ะ ประธาน” บาร์บี้รีบหยิบรายงานการประเมินที่อยู่ข้างๆขึ้นมาทันที : “นี่เป็นรายงานสรุปยอดสำหรับไตรมาสทั้งปี2021”
ดนัยตอบรับนิ่งๆ นิ้วยาวหยิบข้อมูลมา ใช้สายตากวาดตามองอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าท่าทางที่จริงจัง
ดวงตาที่สวยงามของนาโนสั่นไหวเล็กน้อย วางมีดกับส้อมในมือลง แล้วมองไปยังดนัย : “คืนนี้คุณกลับไปนอนที่ไหนคะ?”
ความจริงแล้วประโยคนี้ที่เธอถามนั้นแฝงความหมายที่ลึกซึ้งเอาไว้ และเป็นการแสดงออกว่า เมื่อเธอรู้ว่าเขาจะไปนอนที่ไหนนั้น เธอก็จะตามกลับไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่โรงพยาบาล หรือว่าที่คฤหาสน์ตระกูลเตชะโสภา หรือจะเป็นที่คอนโด
“ยังไม่รู้ครับ....”
แต่ดนัยกลับไม่ได้ตอบคำถามออกมาตรงๆ กลับเอ่ยออกมาแบบนี้
ได้รับคำตอบแบบนี้แล้ว หัวใจของนาโนนั้นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย แล้วหยิบกระเป๋าที่อยู่ข้างๆขึ้นมา ลุกขึ้นแล้วเดินออกมานอกร้านอาหารทันที
เห็นสถานการณ์แล้ว เชอร์รีนก็วางแก้วไวน์ในมือลง หลังจากที่ทิ้งประโยคให้พวกเขาทั้งสองคนทำงานกันต่อแล้ว ก็เดินตามออกไปด้วยเช่นกัน
นาโนที่ใส่รองเท้าส้นสูงกว่าสามเซ็น กลับดูเหมือนเดินอยู่บนพื้นธรรมดา จนเชอร์รีนต้องวิ่งเล็กน้อยถึงจะสามารถตามเธอได้ทัน
เดินมาถึงเก้าอี้ตรงข้างๆพื้นที่โล่งแล้ว เธอจึงนั่งลง แล้วโยนกระเป๋าเอาไว้ข้างๆ เชอร์รีนนั่งลงข้างๆเธอ นาโนออกปากเอ่ยขึ้นมาตรงๆ : “เมื่อกี้ฉันอยากจะเอาจานสเต๊กนั่นเทคว่ำลงบนหัวเขาจริงๆ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง