คุณคือของขวัญจากฟ้า นิยาย บท 100

วายุไม่ได้สนใจมณิกาเลย แต่กลับสัมผัสได้ว่าคำพูดเมื่อครู่ของเธอกำลังถูกเปิดเผยความจริงออกมา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งที่แล้วที่มณิกาถูกคนจับตัวไป ตระกูลธนัตถ์โชติต้องมีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน

ตอนนั้นวายุไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่ และก็ไม่อยากจะเข้าไปสอบถาม แค่เวลานี้...

เขากลับอยากรู้เรื่องขึ้นมาซะแล้ว

ไม่นานนัก มณิกาก็รู้สึกว่านั่งแล้วน่าเบื่อชะมัด จึงกลับเข้าไปในตัวบ้านของผู้ใหญ่บ้าน และเอนหลังนอนอยู่บนเตียง

วิไลพัณณ์หลับสนิทไปแล้ว อาจจะเป็นเพราะอารมณ์ดีมากมั้ง ขนาดเธอที่กำลังนอนหลับฝันหวานอยู่นั้นมุมปากยังยิ้มอยู่ ด้วยท่าทางดีใจเป็นอย่างมาก

มณิกาที่เอนตัวลงบนเตียงก็ไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหนเหมือนกัน

เช้าวันรุ่งขึ้นวิไลพัณณ์เป็นคนปลุกให้ตื่น

"เมื่อคืนนี้แกไปทำอะไรกับวายุมา? ฉันรอแกอยู่ในบ้านตั้งนานมาก แต่แกก็ไม่กลับมาสักที"

วิไลพัณณ์นั่งอยู่บนเตียง พร้อมทั้งนั่งขัดสมาธิ พร้อมทั้งใช้ทั้งสองข้างยันคาง และจ้องมองมณิกาเหมือนกับเด็กขี้สงสัย เพื่อต้องการรอคำตอบของเธออยู่ตรงนี้

"ไปดูพระจันทร์มา"

เธอหลับตาลงพร้อมทั้งบ่นประโยคหนึ่งออกไป

"อะไรนะ? แกไปดูพระจันทร์กับวายุสองต่อสองเหรอ?"

วิไลพัณณ์อดทำเสียงดังไม่ไหว ด้วยเหตุความอิจฉาริษยาโกรธเกลียดมันตีขึ้นมาพร้อมกัน

เสียงกรีดร้อง จนทำให้มณิกาที่นั่งสัปหงกอยู่ถึงกลับตกใจจนขวัญหนีไป มณิกานั่งอยู่บนเตียง พร้อมทั้งจ้องวิไลพัณณ์ตาเขม็ง "นี่แกพูดเรื่องไร้สาระอะไรออกมา? ก็แกให้ฉันไปช่วยนัดเขาให้ ฉันก็นัดเขาให้แล้ว ถ้าไม่หาข้ออ้างให้เขาเชื่อได้ว่าฉันไปหาเขาจริงๆ งั้นต่อไปจะนัดเขาออกมาได้ยังไงล่ะ?"

"อ้อ พูดอีกก็ถูกอีก เอ่อ...เอ่อ...งั้นทำไมเขาถึงได้ยอมทำตามแกทุกอย่างซะขนาดนั้น พี่พวกชายฉันต่างพูดว่าวายุเขาเป็นคนเย็นชาไร้ความรู้สึก แถมยังเป็นคนเด็ดขาด แต่ฉันรู้สึกว่าเขาปฏิบัติต่อแกไม่เหมือนกัน?"

วิไลพัณณ์พูดความในใจออกมาตรงๆ โดยไม่มีอะไรกักไว้เลย

"เพราะว่าย่าของเขาชอบฉัน ฉันคือน้องสาวของเขาในภายภาคหน้า แกพูดสิว่าทำไมเขาถึงดีกับฉัน"

มณิกายื่นมืออกไปแขกหัววิไลพัณณ์อย่างแรง พร้อมทั้งพูดกำชับไปอีกประโยค "ยังมี ตาข้างไหนที่แกเห็นว่าเขาทำตามใจฉันทุกอย่าง? ตาบอดจริงๆ แล้วแหละ"

"โอ๊ย เจ็บชะมัด...."

วิไลพัณณ์เอามือลูบศีรษะของตนเองจากการโดนเคาะหัวจนเจ็บ พร้อมบ่นพึมพำ "ฉันเห็นว่าเขาก็ปฏิบัติตัวกับแกดีมากนะ"

"ตาไม่ดีก็ไปหาหมอตาซะนะ!"

มณิกาที่นอนดึกเหลือบมองว่าเป็นเวลาตีห้ากว่าเอง จึงโมโหมาก

พลันเปิดผ้าห่มบางๆ ออก และลุกเดินออกไปข้างนอกทันที

ครอบครัวของผู้ใหญ่บ้านกำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว มณิกาวิ่งไปทักทายพวกเขาทุกคน จากนั้นจึงไปล้างหน้าล้างตา

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย พลันมองเวลาว่ายังเช้ามาก มณิกาจึงเดินออกจากตัวบ้าน

เวลานั้น จึงมองเห็นภาพหมอกเกาะกลุ่มเฉกเช่นทะเลหมอกอยู่กลางอากาศ ผิวน้ำมีไอน้ำลอยอยู่เหนือผิวน้ำ มีเม็ดน้ำค้างเกาะติดบนต้นไม้ใบหญ้าข้างทาง สายลมพัดอ่อนๆ พลันเวลายามวิกาลค่อยๆ ถดถอยไป

ภูเขาเขียวขจีสายน้ำใสสะอาด เสียงนกร่ำร้อง กลิ่นดอกไม้ใบหญ้าหอมฟุ้ง หมอกจางๆ เคลื่อนตัวช้าๆ เฉกเช่นดินแดนสรวงสวรรค์

มณิกาดื่มด่ำไปกับสิ่งมาก พลันใส่รองเท้าและเดินอยู่ในหมู่บ้าน ซึ่งให้ความรู้สึกยามรุ่งอรุณที่ไม่เหมือนเดิม

เมื่อเดินออกมาจากบ้านของผู้ใหญ่บ้านแล้ว จึงมุ่งหน้าเดินไปทางทิศใต้ จนถึงลานตากข้าวทางทิศใต้สุดของหมู่บ้าน บนลานตากข้าวยังมีเครื่องโม่แป้งที่เก่าคร่ำครึมาก

จังหวะที่มณิกากำลังรู้สึกแปลกใจมากอยู่นั้น พลันมีผู้ชายใส่เสื้อผ้าขาดวิ่นเดินยักแย่ยักยัน แถมยังใส่หน้ากากบนใบหน้า และใช้ไม้เท้าพยุงตัวเดินผ่านเธอไป

มณิกาให้ความสนใจกับการแต่งตัวประหลาดของเขา ตอนที่เธอเหล่มองผู้ชายที่ใส่หน้ากากปิดหน้าและรูปร่างหลังค่อมนั้น ผู้ชายคนนั้นก็กำลังมองมาทางเธอเช่นกัน

หน้ากากทองแดง ปิดบังตั้งแต่หน้าผากยาวจรดคาง พลันเผยให้เห็นดวงตาคู่หนึ่ง ซึ่งทำให้คนอื่นมองไม่เห็นหน้าตาอย่างชัดเจน

"คุณลุงคะ สวัสดีตอนเช้า...ค่ะ!"

ตอนที่มณิกากำลังจ้องมองชายใส่หน้ากากคนนั้นอยู่ วิไลพัณณ์ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน พร้อมทั้งทักทายกับผู้ชายใส่หน้ากากนั่นอย่างกระตือรือร้น

ทว่าตอนที่ชายใส่หน้ากากเบนสายตาไปมองวิไลพัณณ์ในชั่ววินาทีนั้น แต่กลับทำให้วิไลพัณณ์ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ

สายตาอันแสนเย็นชาไร้ยากแท้หยั่งถึง ทว่ากลับทำให้มนุษย์สัมผัสได้กลับความสะพรึงกลัว ราวกับ บนตัวเขามีเรื่องราวมากมายที่ซุกซ่อนเอาไว้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า