วิไลพัณณ์ตื่นเต้นอย่างลิงโลด แค่ก็ไม่รู้ว่าจะแสดงเสียงที่อยู่ในหัวใจของตนเองออกไปได้อย่างไรกัน
"โอ้ พระเจ้า วายุ คุณดูนั่นสิ ฝนดาวตกนี่ รีบขอพรเถอะ ได้ยินว่าการขอพรตอนมีฝนดาวตกมันได้ผลชะงัดเลย"
วิไลพัณณ์เห็นดาวตกบนทางช้างเผือก พลันดีใจอย่างลิงโลด จากนั้นจึงพนมมือ พร้อมทั้งก้มศีรษะลง หลับตาพร้อมทั้งเริ่มขอพรทันที
ดาวตกเอ๋ย ดาวตก เจ้าต้องอวยพรฉันนะ อวยพรให้ฉันได้เป็นภรรยาของวายุด้วยเถิด!!
วายุที่อยู่ด้านข้างเมื่อเห็นมณิกาแสดงท่าทางเช่นนั้นแล้ว พลันรู้สึกว่าเธอช่างพูดจาเอะอะมะเทิ่งเหมือนกับมณิกา ใสซื่อและบริสุทธิ์ ไม่ใช่จำพวกทำให้คนขยะแขยงเช่นนั้น
"แล้วทำไมเธอยังไม่ออกสักทีล่ะ?"
วายุยืนอยู่สักพัก พร้อมทั้งรอมณิกาอยู่ และเอ่ยปากถามทันที
"ห๊ะ? อ้อ เอ่อ... คุณรอเดี๋ยวนะ ฉันจะไปเรียกเธอมาให้"
วิไลพัณณ์ได้อยู่กับวายุสองต่อสองกันสักพักจนรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก ไม่เพียงแค่สบายใจมากแค่นั้น แต่กลับตื่นเต้น ตื่นเต้นขนาดที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ดังนั้นจึงรีบหันตัวและวิ่งหนีกลับทันที
หลังจากวิ่งเหยาะๆ กลับมาถึงห้องแล้ว เธอผลักประตูและเดินเข้ามา จึงเห็นมณิกานั่งนับเงินธนบัตรอยู่บนเตียงนั้น ด้วยท่าทางขึงขังเป็นจริงเป็นจัง
"โอ้โห มณิกา คุณนี่สุดยอดจริงๆ เลย"
วิไลพัณณ์ถึงกลับกอดมณิกาทันที พลันกดตัวเธอลงบนเตียงนอน และจัดการหอมแก้มเธอไปฟอดหนึ่งด้วยอาการดีใจ "มณิกา คุณฉลาดมาก วันนี้คุณหนูอย่างฉันดีใจมากๆ เลย เอ้านี่..."
เธอดีใจจนเริ่มเอาเงินอีกฟ่อนหนึ่งยัดใส่ในมือของมณิกา "ให้คุณนะ ถือว่าเป็นรางวัลในการร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างเราทั้งสองคน!"
"แหวะ คุณนี่น่าขยะแขยงไหมเนี่ย? มีแต่น้ำ... ฮ่าๆๆ จริงเหรอ?"
มณิกาผลักตัววิไลพัณณ์ออกทันที และเอาแขนเสื้อเช็ดน้ำลายที่เปรอะอยู่บนแก้ม พร้อมทั้งแสดงอาการรังเกียจพอดี พริบตาเดียวเห็นวิไลพัณณ์เอาธนบัตรอีกปึกมายัดใส่มือเธอทันที
จนเธอค้างเติ่งทันที และยิ้มปากไม่หุบ "ได้สิ วิไลพัณณ์คุณช่างมีคุณธรรมมาก เหมือนพี่ชายคุณเลย ทำให้คนชอบจริงๆ"
ไม่เสียแรงที่เป็นพี่น้องกัน ถึงได้มีเสน่ห์ทำให้คนรักคนหลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านเหมาเป็นฟ่อนๆ จนสร้างความภาคภูมิใจ จนเธออารมณ์ดีมาก
"แน่นอนสิ พี่ชายฉันชอบแกนี่ ฉันก็ต้องชอบแกด้วยสิ ตอนนี้แกก็ชอบฉันแล้ว พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันแล้วนะ!"
เธอนั่งลงบนเตียงอย่างดีใจ พลันถลำลึกอยู่ในความสวยงามจนดึงตัวเองออกไม่ได้
สักพักเธอถึงนึกขึ้นได้ถึงคำพูดของวายุ เลยพูดกับมณิกาทันที "แกรีบออกไปเถอะ วายุรอแกอยู่นะ ขืนชักช้าอยู่เดี๋ยวเกิดข้อสงสัย"
"อ้อ ใช่สิ"
มณิกาได้สติทันที พร้อมทั้งเอาเงินสี่หมื่นหยวนเก็บอย่างเรียบร้อย ในกระเป๋า
ก่อนออกไปก็ไม่ลืมพูดเตือนวิไลพัณณ์เอาไว้ด้วย "เงินของฉันสวรรค์รู้พวกเราต่างรู้กัน ถ้าเกิดมันหายขึ้นมา ฉันจะให้แกชดใช้คืน"
คำพูดนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นแล้วมาพูดกับวิไลพัณณ์ เธอต้องระเบิดอารมณ์ใส่ดังสายฟ้าระเบิดแน่
ทว่าตอนนี้วิไลพัณณ์อารมณ์ดีมาก จึงพูดว่า "วางใจเถอะ คุณหนูอย่างฉันจะช่วยดูให้แกเอง ถ้าหาย ฉันจะใช้คืนแกเอง"
"คริๆๆ ดีจังเลย ฉันแหละชอบแกแบบนี้จัง"
มณิกาเลิกคิ้วให้เธอ พร้อมทั้งวิ่งอย่างกับจรวดออกมาจากห้อง และเดินออกจากบ้าน
ด้านนอกตัวบ้าน แม้ว่าด้านนอกจะมืดสนิท แต่มณิกามองแวบเดียวก็เห็นวายุที่กำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้
โชคดีที่รู้ว่าตรงนั้นคือคน มิเช่นนั้นเวลากลางดึกท่ามกลางป่าเขา ยังเริ่มทำให้คนสยดสยองอยู่หน่อยๆ
เธอกระโดดเข้าไปหา "ทำไมคุณถึงมารออยู่ตรงนี้?"
"รอคุณไง"
มณิกาได้ยินน้ำเสียงวายุ พลันหันมามองเธอ และพูดด้วย
มณิกาฉุกคิดเรื่องวิไลพัณณ์ที่กำชับเอาไว้ เพื่อไม่ให้เธอถูกเปิดเผย ดังนั้นเธอจึงต้องปกปิดความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ มิเช่นนั้นจะเป็นการตัดขาดที่มีของทรัพย์สินไป
"เมื่อกี้คุณพูดว่า มีเรื่องต้องการจะพูดเหรอ?"
วายุเอามือใส่ในกระเป๋ากางเกงสแลคทั้งสองข้าง พร้อมทั้งจ้องมองเธอในค่ำคืนเดือนมืด และถามกลับ
ดวงตาของมณิกาหมุนติ้ว พลันเอามือเกาศีรษะ และคิดเรื่องคำถามของเขา จะตอบว่ายังไงดีนะเนี่ย?
"ฉันก็แค่..."
เธอเงยหน้าจ้องมองพระจันทร์เต็มดวง พลันพูดว่า "แค่อยากดูพระจันทร์ เราไปดูพระจันทร์กันเถอะนะ"
การมองพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
ในวัยเด็กเติบโตในหมู่บนชนบท สิ่งที่ทำเยอะที่สุดคือการได้นั่งดูพระจันทร์ดูดาวกับพ่อแม่บุญธรรมนี่แหละ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า