เธอต้องตากับธนบัตรของวิไลพัณณ์ ที่สามารถทำให้เธอ 'มากความสามารถ' น้อมรับบัญชาในชั่วพริบตา
"ฮ่าๆ มณิกา คุณนี่ช่างแสนดีจริงๆ เลย"
วิไลพัณณ์เอนศีรษะ พลางทำ Mini Heart ให้กับมณิกา
มณิกาโดนเธอทำท่านั้นใส่ถึงกับจะขยะแขยงทันที แค่รู้สึกว่าขนลุกขนชันไปทั่วไป
พลันใส่รองเท้าและเดินออกจากห้องนอน พร้อมทั้งถือไฟฉายเดินไปยังข้างบ้าน และผลักประตูเดินเข้าไป จากนั้นจึงเดินไปยังห้องนอนที่พักของวายุ และเคาะประตูทันที "วายุ?"
ในหมู่บ้านบุริมพิสัยมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นและสนิทสนมกันในหมู่บ้านมาโดยตลอด บวกกับมีคนจากภายนอกเข้ามามากมาย เพื่อการเข้าออกอย่างสะดวก จึงไม่ได้ล็อกประตูใหญ่เอาไว้ มณิกาจึงเข้าไปด้านในได้อย่างอิสระ
การเรียกอย่างแผ่วเบา จึงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับ
มณิการออยู่สักพัก จังหวะที่กำลังรอเรียกซ้ำอีกครั้งนั้น พลันมีเสียงแอ๊ด ประตูห้องนอนเปิดออกแล้ว
ท่ามกลางความมืดมิด วายุยืนอยู่ด้านหน้ามณิกา พร้อมทั้งพูดอย่างเย็นชา "มีเรื่องอะไร?"
น้ำเสียงของเขาเย็นชา พร้อมทั้งมีความเหินห่างเล็กน้อย
ราวกับยังแสดงท่าทางขึงขังกับเรื่องเมื่อตอนกลางวันอยู่
มณิการู้สึกว่าชาติที่แล้ววายุต้องเป็นกระบอกสูบลมแน่นอน ถึงได้ชอบมีอารมณ์มากมายขนาดนี้
"เอ่อ...คือ... ฉันมีเรื่องด่วนต้องการมาหาคุณ ช่วยออกไปกับฉันสักครั้งได้ไหม?"
เธอกระซิบพูด และใช้น้ำเสียงพูดที่มีเพียงสองคนได้ยินพูดกับวายุ
ชายหนุ่มทำหน้าเคร่งขรึมอยู่สักพัก เมื่อทราบเรื่องก็ส่งเสียง "อืม" จากนั้นจึงเดินออกมาพร้อมกับมณิกา
เมื่อเดินมาถึงตรงลาน ฝีเท้าของวายุชะงักทันที พลันหันศีรษะไปมองมณิกา "เรื่องอะไร?"
แม้ว่าจะเป็นคืนเดือนมืดก็ตาม แต่พระจันทร์ที่สว่างไสวลอยอยู่เหนือนภา สาดส่องลงมาบนผืนดิน จนกลับเป็นผ้าบางๆ คลุมลงมา และสามารถเห็นร่างกายระหว่างกันได้อย่างชัดเจน
มณิกากุมท้องทันที "โอ๊ย ปวดท้อง ซี๊ด ...ปวดท้องจัง"
เธอคว้าแขนของวายุตามสัญชาตญาณทันที และร้องไห้คร่ำครวญอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
วายุที่ทำหน้าตาเย็นชาใส่เมื่อครู่ถึงกลับขมวดคิ้วทันที เมื่อเห็นท่าทางของเธอดูทรมานมาก พลันเกิดความรู้สึกกังวลอยู่บ้าง "เป็นอะไร? ไปกินอะไรผิดสำแดงมา?"
"เปล่า ไม่ใช่นะ..."
เธอแสร้งทำท่าทางเจ็บปวด และพูดอย่างลำบาก
"มันเอ่อ...เป็นอะไรล่ะ?"
วายุกำลังเป็นห่วงอยู่
มณิกาทำเสียงโอ๊ยออกมา พลันพูดว่า "ฉันก็แค่..."
"แค่อะไรล่ะ?"
"ฉันก็แค่อยากจะไปขี้ คุณรอฉันอยู่ที่นี่สักพักนะ"
พูดจบ มณิกาก็หันตัววิ่งหนีไปอย่างกับควันไฟ
วินาทีนั้น ในหัวสมองของวายุหวนคิดถึงคำพูดประโยคนั้นของมณิกา แค่รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ช่างหยาบกระด้างเกินเหตุ คำพูดพรรค์นี้ยังกล้าพูดออกจากปากได้
มันน่าไร้....
ต้องแก้อาการนิสัยเสียแล้วแหละ
มิเช่นนั้น ต่อไปจะเข้าไปอยู่ในตระกูลเดชากุลได้ยังไง
จะเข้าไปอยู่ในตระกูลเดชากุลงั้นเหรอ?
คิ้วเข้มดกดำดั่งหมึกของเขาขมวดเข้าหากันทันที ในสมองกลับปรากฏภาพขึ้นมาอย่างกะทันหัน ราวกับเป็นภาพชายหนึ่งถือดอกไม้แดงในพิธีส่งตัวเข้าหอ เธอใส่ชุดผ้าไหมลายปักอันสวยหรู และยิ้มให้เขา
"บ้าชะมัด!"
วายุยกมือขึ้นมานวดหัวคิ้ว และนวดขมับทั้งสองของ แค่รู้สึกว่าตนเองมีอาการผิดปกติไปแล้วเหรอ
ซึ่งแสดงความหมายได้อย่างชัดเจนว่าเธอ 'เข้าไปอยู่ในตระกูลเดชากุล' ก็แสดงความหมายว่าเธอเป็นเพียงหลานบุญธรรมของคุณย่าในอนาคตเท่านั้นเอง
ภายใต้แสงจันทร์นวลผ่องส่องแสงลงมา วายุยืนรออยู่ที่ริมขอบสระน้ำอยู่สักพัก พลันหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน และจุดขึ้น จากนั้นจึงสูบอยู่เช่นนั้น
จนกระทั่งบุหรี่มวนนั้นจุดเสร็จแล้ว ถึงได้มีเสียงกุกกักเล็กน้อยดังขึ้น
วายุหันศีรษะกลับไปมองเงาดำ ซึ่งมีระยะห่างอยู่หลายเมตร จนมองไม่เห็นว่าใครเป็นคนเดินมา
"เป็นไงบ้าง?"
พลันคิดถึงลักษณะการพูดที่หยาบกระด้างร้อนรนของมณิกาเมื่อครู่นี้ จึงหวนคิด เมื่อครู่เธอต้องปวดท้องมากแน่ๆ จึงรู้สึกเป็นห่วงเป็นใย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า