คุณคือของขวัญจากฟ้า นิยาย บท 110

สรุปบท บทที่ 110 แม่มึงเอ่ย ไปตายเถอะ: คุณคือของขวัญจากฟ้า

ตอน บทที่ 110 แม่มึงเอ่ย ไปตายเถอะ จาก คุณคือของขวัญจากฟ้า – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 110 แม่มึงเอ่ย ไปตายเถอะ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ คุณคือของขวัญจากฟ้า ที่เขียนโดย BUNNY เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

วันนี้ตกอยู่ในสภาพนี้ ล้วนก่อเกิดจากชายสวมหน้ากาก

พูดว่าไม่แค้น นั่นก็โกหกแล้ว

แต่ถ้าหากบอกว่าไม่คิดเล็กคิดน้อยสักนิด นั่นก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน

ถึงแม้ชายสวมหน้ากากจะเอามีดสั้นกับไฟแช็กทิ้งไว้ให้กับมณิกา จึงทำให้วายุเห็นควันที่เธอปล่อยออกมาหาเธอเจออย่างราบรื่น แต่เธอวันนี้ตกอยู่ในสภาพนี้ ล้วนเป็นชายสวมหน้ากากก่อขึ้นมากับมือ

ต้นขาของชายสวมหน้ากากได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถเดินได้ ได้เพียงแต่พิงอยู่ข้างต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ข้างๆ นั่งพักอยู่กับพื้น

วายุไม่ได้พูด ย่างเนื้อต่อ

มณิกานั่งอยู่ข้างกายเขา จ้องมองน้ำมันที่ไหลออกจากเนื้อ เสียง ซี๊ดๆ กลิ่นหอมโชยใส่หน้ามา เธออยากกินจนล้วนใกล้จะทนไม่ไหว น้ำลายจะไหลออกมาแล้ว

"ใช่แล้ว พวกเด็กๆที่อยู่ในโรงเรียนล้วนเป็นยังไงบ้างล่ะ?"

ใจของมณิกาห่วงใยสภาพการณ์ของพวกเด็กๆอยู่ เป็นห่วงเหลือเกิน

"ครูทีปได้รับบาดเจ็บแล้ว หมอทำการรักษาให้พวกเขาแล้ว ชาวบ้านในหมู่บ้านพรารักษ์อพยพออกไปหมดแล้ว หลังจากอพยพออกไปไม่นานทางโน้นก็เกิดโคลนถล่มโชคดีไม่มีคนบาดเจ็บ"

วายุเล่าสภาพการณ์ที่เห็นให้มณิกาฟังสักหน่อย

ในที่สุดใจที่กังวลของมณิกาก็โล่งไป "ไม่เป็นอะไรก็พอ ไม่งั้น......ไม่ใช่สิ"

อยู่ดีๆเธอนึกอะไรออก ก็เลยจับแขนของวายุไว้ทันที "งั้นสี่หมื่นหยวนของฉันนั้นล่ะ?"

วันนั้นอยู่บนภูเขาเพิ่งเอาสี่หมื่นหยวนให้กับคุณครูล่ะ จากนั้นก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา มณิกากังวลว่าสี่หมื่นหยวนของเธอจะเสียไปเปล่าๆโดยไม่ได้อะไรกลับมาเลย

วายุเห็นรูปร่างลักษณะที่รักสงสารและรู้สึกผิดเต็มใบหน้าของเธอ ค่อยๆหลับตาลง "หาออกมาแล้ว ก็แค่สกปรกเท่านั้น"

บ้านล้วนถล่มแล้ว สี่หมื่นหยวนของเธอถูกฝังไว้ข้างใน อยากจะหาออกมา ความเป็นไปได้แทบจะไม่ค่อยมี

แต่ถึงแม้เป็นเช่นนี้ วายุก็จะไม่บอกความจริงให้กับมณิกาเช่นกัน

ผู้หญิงที่รักเงินเท่าชีวิตคนหนึ่ง ยากที่จะได้บริจาคสี่หมื่นหยวน ตอนนี้อยู่ดีๆเงินถูกฝังไว้ด้วยภัยธรรมชาติ ในใจเธอย่อมไม่เป็นสุขแน่นอน

"จริงนะ? งั้นดีมากเลย จะไม่เสียแรงเปล่าที่ฉันเอาสี่หมื่นหยวนส่งให้กับพวกเขาเลย"

มณิกาหัวเราะแฮ่ๆหนึ่งที อารมณ์ไม่เลว

เห็นลักษณะท่าทีที่ดีใจของเธอ วายุก็สบายใจไปด้วย

ใครจะรู้หลังจากตอนที่เขารู้ว่ามณิกาหายตัวไป เขาเสียกำลังคนกำลังทรัพย์มากมายจึงไปค้นหาเธอได้

สุดท้ายเขาก็ได้เดินคลาดกันกับทีมค้นหาด้วยเลย จากนั้นมองเห็นควันที่อยู่ฝั่งนี้จึงเข้ามาหาเธอเจอ

"ชาวบ้านที่อยู่ในนี้ลำบากมากจริงๆ วายุ คุณมีเงินมากขนาดนั้นสามารถช่วยพวกเขาหน่อยไหม? ถ้าหากสามารถทำให้พวกเขาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ก็จะสามารถมีโทรศัพท์ถ้าหาก เครื่องสื่อสารพัฒนาแล้ว ก็จะไม่มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นอีกเช่นกัน"

มณิกาขอร้องวายุด้วยความจริงใจ หวังว่าเขาจะสามารถช่วยเด็กๆและชาวบ้านเหล่านั้นได้

ในใจเธอชัดเจนมาก วายุแม้ว่ามีเงิน แต่พูดเช่นนี้มากน้อยล้วนมีความหมายที่จะลักพาตัวด้วยจริยธรรมเล็กน้อย

"อืมมม......ฉันก็พูดเฉยๆเท่านั้น พูดเฉยๆเท่านั้น"

เพียงแค่เรื่องเล็กน้อยนี้ ดูเหมือนง่ายมาก แต่ทุ่มลงไปจะไม่ใช่จำนวนน้อยแน่นอน

สายตาวายุลึกล้ำจ้องมองมณิกาหนึ่งที ริมฝีปากบางยกโค้งขึ้นหนึ่งที จากนั้นจ้องมองไปยังแขนที่ได้รับบาดเจ็บของเธออีก "แขนยังเจ็บอยู่ไหม?"

เห็นสีหน้าเธอยิ่งขาวซีด วายุหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความกังวลเล็กน้อย

มณิกาจ้องมองแขนขวาที่ได้รับบาดเจ็บ สูดลมหายใจหนึ่งที "คุณไม่ใช่พูดไร้สาระอยู่เหรอ?"

เจ็บแน่นอน อีกทั้งเจ็บมาก

ตาหงส์ที่แคบยาวของวายุหย่อนนิดๆ จ้องมองเนื้อย่างที่อยู่ในมือไม่ได้พูดอีก

หลังจากผ่านไปสักพักเนื้อย่างสุกแล้ว เขายื่นเนื้อย่างไม้หนึ่งให้กับมณิกา มณิการับเนื้อย่างมา วางอยู่ที่ปากเป่าไปหลายที ก็รอไม่ไหวจนกัดไปคำหนึ่ง ผลสุดท้ายลวกปากของเธอ "ซู้ด ร้อนมาก"

เธอใจร้อนดั่งไฟอยากจะกินเนื้อย่าง เพราะว่าหิวมากจริงๆ

"ไม่ต้องรีบ ร้อนมาก"

วายุเห็นรูปร่างลักษณะที่รีบเร่งแบบนั้นของเธอ นึกได้ว่าหลายวันที่ผ่านมานี้เธอทนผ่านมาได้ยังไง

ตามความจริง สาเหตุที่ชายสวมหน้ากากจะรีบเร่งเข้ามาในเวลานี้เป็นเพราะว่ามองเห็นควันที่อยู่ในป่า

ควัน เป็นสัญญาณในการขอความช่วยเหลืออย่างหนึ่ง

เขาคิดว่ามณิกาพบเจอกับอันตราย แม้ว่าแต่ละครั้งๆอยากจะอยู่เฉยไม่ไปสนใจแต่กลับจับพลัดจับผลูย้อนกลับมาอีกครั้ง

ผลสุดท้ายก็ได้เห็นฉากที่อยู่ต่อหน้านี้

"ฉันแค่อยากรู้ ผู้จ้างคุณที่อยู่เบื้องหลังเป็นใคร?"

ถึงแม้ว่าให้ชายสวมหน้ากากตาย เขาก็อยากรู้ว่าสถานะของคนที่อยู่เบื้องหลัง ถึงแม้มีการคาดว่าเป็นตระกูลธนัตถ์โชติ แต่มณิการู้สึกว่าเป็นไปไม่ค่อยได้

ถึงยังไงเวลาที่เธอมาถึงอำเภอศิศิรนครมีการปะทะกันกับเวลาที่ชายสวมหน้ากากปรากฏตัวล้วนไม่สมเหตุสมผล

ภายใต้หน้ากากสีบรอนซ์ใบหนึ่ง ตาคู่นั้นของผู้ชายขึงลับลงนิดๆ "ขอโทษ ไม่สามารถบอกให้ทราบ"

"ฉัน......"

มณิกาโมโหจนจับเนื้อที่อยู่ในมืออย่างแน่น กัดฟันไว้อย่างแน่น ตาเฉียบแหลมเย็นชาจ้องมองเขาอย่างโมโห จากนั้นอดไม่ไหวที่จะยกเท้าขึ้นมาเตะที่ไหล่ของเขาอย่างโหดร้าย "แม่มึงเอ่ย!"

เธอพุ่งคำหยาบออกมา!

หนึ่งทีที่ไม่ทันตั้งตัวนั้น ทำให้ชายสวมหน้ากากไม่ทันรับมือ ถูกเธอเตะล้มอยู่กับพื้น

"ให้คุณอดตายสมควรแล้ว!"

เธอถือเนื้อไม้หนึ่งไว้ หมุนตัวไปเลย

ชายสวมหน้ากากล้มลงกับพื้น มือยันที่พื้นนั่งตัวตรงขึ้นมาอีก พิงอยู่ลำต้นไม้ ไม่ได้พูด

ผลสุดท้ายกลับเห็นมณิกาที่เดินไปไม่กี่ก้าวอยู่ดีๆหมุนตัวโยนเนื้อไม้หนึ่งเข้าไปยังเขาตกอยู่ข้างกายเขาอย่างแม่นยำ "ถือว่าเลี้ยงหมาไปเถอะ"

เธอทั้งโมโหทั้งแค้น

แต่ในใจมณิกาชัดเจนว่า เวลาที่ชายสวมหน้ากากอยู่กับเธอไม่ใช่สั้นๆไม่ว่าครั้งก่อนที่อยู่บนภูเขา หรือว่าครั้งนี้ที่ตกน้ำ เขาล้วนมีโอกาสหลายครั้ง ที่สามารถจะฆ่าเธอได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า