คุณคือของขวัญจากฟ้า นิยาย บท 129

"พี่วายุ นอนแล้วหรือยัง?"

วายุเอาโทรศัพท์ไปวางไว้ที่หูข้างซ้าย ได้ยินเสียงทางปลายสาย สายตาของเขาก็ได้มีอาการเหลือทนแวบผ่านออกมาอย่างรวดเร็ว "ยังไม่นอน"

"ฉัน...คิดถึงพี่"

เสียงของธิกานต์อ่อนโยนอย่างมาก ประหนึ่งฝนในฤดูใบไม้ผลิที่เป็นละอองจนแทบมองไม่เห็นออกมา

"รีบนอนพักผ่อน ทางผมยังมีธุระนิดหน่อยขอตัววางสายก่อน..."

"พี่วายุ วันนี้พ่อแม่ของฉันไม่อยู่บ้าน ฉันอยู่คนเดียวรู้สึกกลัวนิดหน่อย พี่ช่วย...ช่วยมาอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยได้มั้ย?"

ธิกานต์หลังจากที่ลังเลอยู่สักพักนึง ก็ได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป

"ตอนนี้มีเรื่องที่ต้องจัดการ กลับไปค่อยว่ากันอีกที"

เขาไม่ได้เลือกไปอยู่เป็นเพื่อนเธอเพียงแค่เพราะคำพูดออดอ้อนเพียงไม่กี่คำของธิกานต์ แต่ได้เอ่ยไปอย่างเย็นชาด้วยประโยคหนึ่ง แล้วก็ได้วางสายไปทันที

มณิกาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงแม้ว่าจะฟังไม่ออกว่าทางปลายสายใครกำลังพูดอยู่ แต่จากคำพูดของวายุแล้ว เธอพอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายคงจะเป็นธิกานต์

ท่าทีต่อภรรยาในอนาคตของตัวเองเย็นชาเสียขนาดนี้ เมื่อวานทะเลาะกันหรือไง?

มณิกาไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่ได้มองไปที่ด้านนอกหน้าต่างตลอดแทน เห็นรถได้ขับจากใจกลางเมืองไปยังสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดของเมืองจันทราไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ

ไม่พูดอะไรมาตลอดทาง บรรยากาศภายในรถมันหนักอึ้งอย่างมาก ให้ความรู้สึกอึดอัดออกมาเล็กน้อย

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป รถก็ได้มาถึงสวนสนุกคาร์นิวัลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองจันทรา

นภัทรจอดรถสนิทแล้ว วายุกับมณิกาทั้งสองคนก็ได้เปิดประตูรถลงจากรถไป

มณิกายืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าสวนสนุก พอเงยหน้าขึ้นไปก็สามารถมองเห็นชิงช้าสวรรค์ที่ส่องไฟนีออนกำลังหมุนอยู่ด้านในสวนสนุก สูงเทียมเมฆ สวยสุด ๆ ไปเลย

"เข้าไปเถอะ"

วายุเห็นมณิกายืนเงยหน้ามองชิงช้าสวรรค์อยู่ตรงที่เดิม แสงสว่างสาดส่องลงมา สีหน้าบนใบหน้าเธอได้ชัดเจนอย่างมาก ถึงขนาดที่ความรู้สึกเศร้าใจนั้นเองก็ได้เผยออกมาชัดเจนเหมือนกัน

นภัทรไปเตรียมจัดแจงพนักงานเอาไว้แล้ว วายุกับมณิกาเข้าไปในสวนสนุกด้วยกัน เครื่องเล่นทั้งหมดได้สตาร์ทเครื่องกันเอาไว้ รอ "การไปเยือน" ของทั้งสองคน

จนกระทั่งเดินเข้ามาในสวนสนุก เห็นโปรแกรมที่น่าเล่นพวกนั้นแล้ว มณิกาจึงได้ร้องอุทานออกมาว่า "สถานภาพทางครอบครัวของฉันไม่ค่อยดีนัก ตั้งแต่เด็กจะมีเพียงแค่สอบได้ที่หนึ่งของชั้นเท่านั้น พ่อแม่ของฉันถึงจะพาฉันไปเล่นที่สวนสาธารณะแถวบ้าน เครื่องเล่นที่สวนสาธารณะเป็นพวกรถบั๊ม รถไฟเหาะของเด็กน้อย ม้าหมุนจำพวกนี้ทั้งนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนี้ แต่ก็ยังคิดว่าตอนเด็ก ๆ มันดีมากเลย"

มาวันนี้โตขึ้นแล้ว ของที่อยากได้ก็สามารถครอบครองมาได้แล้ว แต่ได้ขาดความสุขและความเบิกบานใจของวัยเด็กไป ถึงขนาดที่ยิ่งย้อนกลับไปยังตอนเด็กยิ่งกว่าเดิม

ในคำพูดของเธอได้แสดงอารมณ์โศกเศร้าออกมา วายุรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจนมาก

เขาเอี้ยวหน้าไป สายตาจรดไปที่บนร่างของสาวน้อย พลางเอ่ยออกไปอย่างอ่อนโยน "อยากเล่นเครื่องเล่นอะไรหรือเปล่า? ฉันเล่นเป็นเพื่อนเธอเอง"

มณิกาส่ายหน้าออกมา ถอนหายใจออกมาเงียบ ๆ "ไม่จำเป็น"

ถึงแม้ว่าจะอยากเล่น เธอจะไปมีกะจิตกะใจอะไรอีก?

ทั้งสองคนเดินเข้าไปในสวนสนุกที่กว้างใหญ่ไพศาล มองไฟระยิบระยับพวกนั้น งดงามดึงดูดสายตา ที่หูก็ได้ยินเสียงดนตรี บรรยากาศดีมาก แต่กลับดึงดูดความสนใจของมณิกาไปไม่ได้เลยสักนิดเดียว

เดินเข้ามาถึงหน้าชิงช้าสวรรค์ พนักงานก็เปิดประตูเครื่องเล่นออก มณิกากับวายุทั้งสองคนได้เดินเข้าไป

ปิดประตูกระเช้าไปแล้ว ชิงช้าสวรรค์ก็ยังคงค่อย ๆ เคลื่อนไปช้า ๆ มณิกายืนอยู่ที่หน้าประตูกระจก มองโลกภายนอก แต่กลับดีใจไม่ออก

"ตั้งแต่เด็กก็หวังว่าจะได้นั่งชิงช้าสวรรค์ ตอนนี้ได้ขึ้นมานั่งจริง ๆ พบว่า...มันกลับสู้มองอยู่ไกล ๆ มันยิ่งทำให้รู้สึกงดงามยิ่งกว่าอีก"

มณิกากระซิบเสียงเบาออกมา เหมือนกับพูดกับวายุ และเหมือนกับพูดกับตัวเองไปด้วย

"บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าอยู่ในตอนกลางคืน"

เขายืนอยู่ที่ข้าง ๆ เธอ พลางพูดออกไป

"ก็อาจจะ"

ในระหว่างที่เธอพูดนั้นเอง ก็สังเกตเห็นถึงเสื้อผ้าที่คลุมอยู่บนไหล่ จึงถอดมาคืนให้วายุ "ขอบคุณ เดี๋ยวกลับไปฉันจะเลี้ยงมื้อเช้าคุณเอง"

มณิกาเดินไปที่ตรงหน้าประตูชิงช้าสวรรค์ มองวิวด้านนอก อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาไม่หยุดว่า "สูงมากเลย ให้ความรู้สึก "ขึ้นมาอยู่บนยอดเขา ภูเขาที่อยู่รายรอบก็ดูเล็กไปหมด" ขึ้นมาเลย หุบเขาเต็มไปด้วยหมอก ช่างสวยมากเลยจริง ๆ"

นอนไปตื่นนึง เหมือนกับสิ่งที่อยู่ในใจทั้งหมดของเธอมันได้มลายหายไปจนหมด แม้แต่น้ำเสียงการพูดเองก็สามารถทำให้รู้สึกได้ถึงความรู้สึกผ่อนคลายออกมาได้เลย

นั่งอยู่บนชิงช้าสวรรค์ไปอีกสักพักนึง มณิกากับวายุก็ได้ออกไปจากสวนสนุก แล้วกลับไป

ถึงแม้ว่าสวนสนุกจะน่าเล่นมากแค่ไหน เธอก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะเล่นเลย

ทั้งสองคนขึ้นรถ นภัทรขับรถค่อย ๆ ไปยังใจกลางเมืองไปอย่างช้า ๆ

ระหว่างทาง โทรศัพท์ของมณิกาก็ดังขึ้น เธอควักโทรศัพท์ออกมาดู เป็นนายหญิงเนตรโทรเข้ามา

มณิกามองวายุไปแวบนึง แล้วกดรับ "ฮัลโหล? คุณย่า..."

"หนูณิกา หนูเจอลูกสาวของฉันแล้วหรือยัง ฉันหาลูกสาวคนเล็กของฉันไม่เจอ"

ไม่รอให้มณิกาได้พูดจบ ทางปลายสายก็มีเสียงนายหญิงเนตรดังขึ้นมา

ได้ยินคำพูดของเธอแล้ว คิ้วของมณิกาขมวดออกมา มีความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย

ลูกสาวคนเล็ก?

เมื่อก่อนก็เคยได้ยินนายหญิงเนตรเล่าเรื่องของเธอมาเหมือนกัน และก็รู้ด้วยว่าเธอมีลูกสาวคนสุดท้องคนหนึ่ง แต่ลูกสาวคนเล็กของเธอได้เสียชีวิตไปพร้อมอุบัติเหตุเมื่อสิบปีก่อนแล้ว

ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ถามคำถามนี้กับเธอ?

"คุณย่า คุณ...คุณไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ?" ภายในใจของมณิการู้สึกลังเลขึ้นมา เป็นกังวลกับสถานการณ์ของนายหญิงเนตรอย่างมาก

"อ้อ ฉันไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เมื่อกี้พูดผิดไป ฉันอยากถามว่าหนูรู้หรือเปล่าว่าวายุอยู่ที่ไหน?"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า