บทที่142 แผ่นดินไหว
เมื่อลู่เฉินได้ยินคำพูดของเสี่ยวชัวจุน ก็เข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวังแบบนี้
เนื่องจากเขากลัวว่าลู่เฉินจะไม่พอใจและเอาเรื่องไปถึงเซ่เว่ยเหาได้ เมื่อถึงเวลานั้นเสี่ยวชัวจุนก็จะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อีกต่อไป
ลู่เฉินให้ความสำคัญกับเสี่ยวชัวจุนค่อนข้างมาก จึงไม่ต้องการให้เขาลำบากใจ
บอกตามตรงว่าหากก่อนหน้านี้เขารู้ว่าคนของMoonlight Bathsรู้จักกับเสี่ยวชัวจุนละก็ เขาคงไม่ให้เสี่ยวชัวจุนเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้แน่นอน
แต่ที่เขาทำแบบนี้เพราะหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าผู้ใหญ่เหล่านั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับMoonlight Baths สองเพราะเขาต้องการสั่งสอนจางดาวเรนเท่านั้น
จางดาวเรนต้องการก่อความวุ่นวายให้ร้านค้าเขาไม่ใช่เหรอ! คิดว่าเขาจะนั่งรอให้คนอื่นมารังแกก่อนหรือไง เขาต้องการบอกกับจางดาวเรนว่าการที่จะเป็นศัตรูกับเขาก็ควรรู้ถึงความสามารถของตัวเองเสียก่อน
แม้เขาจะเพิ่งเข้ามามีบทบาทในหยูโจว แต่เขาก็ไม่ได้เกรงกลัวสี่ตระกูลใหญ่แม้แต่น้อย
”เสี่ยวชัวจุนครับ ผมเพียงแค่ต้องการสั่งสอนจางดาวเรนเท่านั้น วันนี้ต้องขอโทษจริงๆและก็ขอบคุณทางเจ้าหน้าที่จำรวจทุกท่านด้วย” ลู่เฉินรู้ดีว่าเสี่ยวชัวจุนต้องการให้เขาพูดอะไรบางอย่าง และเขาเชื่อว่าเสี่ยวชัวจุนคงเข้าใจในความหมายของเขาดี
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ เมื่อได้ยินคำพูดของลู่เฉิน น้ำเสียงของเสี่ยวชัวจุนก็เปลี่ยนไปมาก พวกเขาสองคนคุยกันอยู่สักพักจึงวางสายลง
แม้ว่าเรื่องบางเรื่องลู่เฉินจะไม่ชอบเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ควรเข้าไปเหยียบเส้นใคร อย่างน้อยตอนนี้เขาไม่มีกำลังมากพอจะควบคุมทุกเรื่องได้ เขาจะไม่เสี่ยงไปก้าวก่ายเส้นนั้น
อาจจะพูดว่าลู่เฉินเอาตัวรอดเก่งก็ว่าได้ เพราะเขาก็เป็นแค่นักธุรกิจ ก็มีเพียงจิตวิญญาณของนักธุรกิจเท่านั้น
เรื่องไหนไม่ควรเข้าไปยุ่ง เขาก็จะไม่ยุ่งเด็ดขาด
หลังจากรับฉี๋ฉ์แล้วลู่เฉินก็ไปตลาดซื้อกับข้าวตามเคย เมื่อหลินอี้จุนเลิกงานก็กลับบ้านตรงเวลา เพียงแต่เมื่อลู่เฉินเรียกเธอมากินข้าว เธอกลับไม่กิน ไม่แม้แต่จะพูดอะไรออกมา
ภายในใจลู่เฉินก็ค่อนข้างสับสน เมื่อเห็นหลินอี้จุนงโมโหอยู่แบบนี้ เขาจะบอกความจริงแก่เธอดีไหม!
เมื่อเห็นว่าหลินอี้จุนทำกับข้าวกินเอง ลู่เฉินก็รู้ดีว่าเธออารมณ์ไม่ดีมากแน่ๆ จึงได้เดินตรงเข้าไปในครัวเตรียมจะบอกความจริงกับเธอ แต่หลินอี้จุนหันหลังกลับมามองเขา
ใบหน้าหลินอี้จุนตอนนี้ไม่มีความรู้สึกใดๆ และไม่ได้โกรธเหมือนตอนที่ได้รับโทรศัพท์จากแม่ เธอพูดออกมาอย่างใจเย็นว่า “ผู้ชายทุกคนเมื่อมีเงินก็หนีเรื่องความยั่วยุไม่พ้นอย่างงั้นเหรอ!”
“ยั่วยุอะไร!” ลู่เฉินถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
“โอเค ถ้างั้นฉันขอถามคุณหน่อย นอกจากเรื่องที่คุณปิดบังฉันว่าเป็นทายาทเศรษฐีแล้ว ยังมีเรื่องอะปิดบังฉันอีก!” หลินอี้จุนจ้องไปที่ดวงตาคู่นั้นของเขาอย่างไม่ให้คลาดสายตา แต่ก็หาความผิดปกติไม่เจอ
“นอกจากเรื่องนั้นแล้วผมไม่มีอะไรปิดบังคุณจริงๆ ที่จริงก่อนหน้านี้ผมก็เคยบอกคุณตั้งหลายครั้งแล้วว่าผมเป็นทายาทเศรษฐี แต่คุณก็หาว่าผมบ้า คุณไม่เชื่อผมเอง ผมเลยไม่อยากพูดต่อให้ยืดยาว หลังจากนั้นที่ผมปกปิดต่อมาก็เพราะผมมีเหตุบางอย่าง ที่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่คุณควรรับรู้” ลู่เฉินพูดออกมาโดยไม่ต้องคิด
“อื้ม! เรื่องตัวตนของคุณฉันไม่ว่า จะโทษก็โทษที่ฉันไม่เชื่อคุณแต่แรกเอง แต่คุณแน่ใจนะว่าไม่มีเรื่องอื่นปิดบังฉันอยู่!” หลินอี้จุนมองค้อนลู่เฉิน
“ผมไม่มีอะไรปิดบังคุณอีกแล้วจริงๆ ในเมื่อคุณเดาออกแล้วว่าผมเป็นเจ้าของเทคโนโลยีอี้ฉี ก็น่าจะรู้ว่าผมตั้งใจเลื่อนตำแหน่งให้คุณที่บริษัท โปรเจคทั้งสองอย่างที่คุณทำ ผมก็เป็นคนคอยช่วยอยู่เบื้องหลังเอง ส่วนเรื่องอื่นผมไม่มีจริงๆ” ลู่เฉินพูดยืนยันความบริสุทธิ์ของเขา
หลินอี้จุนไม่พูดอะไร ได้แต่หันหลังกลับไปทำกับข้าวต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์