คุณพ่อสายเปย์ นิยาย บท 232

สรุปบท บทที่ 232 ความตะลึงของครอบครัววัง: คุณพ่อสายเปย์

ตอน บทที่ 232 ความตะลึงของครอบครัววัง จาก คุณพ่อสายเปย์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 232 ความตะลึงของครอบครัววัง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต คุณพ่อสายเปย์ ที่เขียนโดย ลู่ลู่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 232 ความตะลึงของครอบครัววัง

"หมู่บ้านจิงหลงหู บ้านลู่เฉินเป็นคนซื้อ ส่วนแม่ของฉันพวกเขาก็จะย้ายมาอยู่ด้วยกัน” หลินอี้จุนพูด

"พวกเขาก็มาอยู่ด้วยกันเหรอ งั้นไม่อึดอัดแย่ะเหรอ?” เสี่ยวฟางหัวเราะ

ในใจคิดว่าลู่เฉินก็ดูเหมือนจะไม่ได้มีเงินมากมายนัก ถึงแม้จะมีสี่ห้องนอน สองห้องก็คงไม่แพงเท่าไหรหรอก

แต่หลักๆคือลู่เฉินไม่ได้ซื้อบ้านให้กับครอบครัวของวังเสวี่ย ทำให้เธอรู้สึกถึงความแปลใจอย่างบอกไม่ถูก

ลู่เฉินเคยโอ้อวดว่าตัวเองมีเงินมากไม่ใช่เหรอ แต่ตอนนี้เขากลับลังเลที่จะซื้อบ้านให้กับครอบครัวของวังเสวี่ย เขาจะเปรียบเทียบกับลูกเขยของเขา เสี่ยวจี้ ได้อย่างไรกัน

แม้ว่าเสี่ยวฟางและคนอื่น ๆ จะเคยไปยวี่โจวหลายครั้ง แต่พวกเขาก็ไม่ใช้คนเมืองยวี่โจวแน่นอนพวกเขาไม่รู้ว่าหมูบ้านจิงหลงหูเป็นวิลล่าที่มีเงินมากกว่า 50 ล้าน แถมพวกเขายังคิดว่ามันเป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดาๆอีกด้วย

"พี่อี้จุนคะ พวกพี่อยู่ด้วยกันทั้งครอบครัวอย่างนี้ คงไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่ใช่ไหมค่ะ ก่อนหน้านี้ที่เมืองฉีเจียงลู่เฉินใช้เงินหลายล้านเพื่อเหมากระเป๋า LVทั้งร้าน ให้พี่ และยังเอาเงินทั้งงงหมดไปร่วมบริจากอีก ถ้าเขาไม่หุนหันพลันแล่นขนาดนั้นละก็ เขาคงสามารถซื้อบ้านให้ป้าสองได้แล้วละค่ะ อย่างน้อยก็เป็นวิลล่าธรรมดาๆหน่อย” หวังว่านพูดพร้อมหัวเราะออกมา คำพูดดูเหมือนว่าเขาจงใจที่จะพูดดูถูก

วังไกและคนอื่นๆก็พยักหน้าตามๆกัน

ลู่เฉินใช้เงิน 4.5 ล้านเพื่อซื้อเหมาร้าน LV ทั้งหมดและเรื่องเงินบริจาคนั้น พวกเขาก็ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาหมดแล้ว แม้ว่าตอนนั้นพวกเขาจะไม่ได้พูดอะไรเลย แต่พวกเขาทุกคนรู้สึกว่าลู่เฉินเป็นเพียงคนที่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เป็นคนที่หาความสำเร็จไม่ได้

"อี้จุน บางทีลู่เฉินก็หุนหันพลันแล่นเกินไป ถ้าเธอมีเวลาคุณควรคุยกับเขาบ้างนะ แม้ว่าเขาจะมีเงินมาก แต่เขาก็ไม่ควรที่จะใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้ได้” หวังจินอดไม่ได้ที่จะเตือนเธอ

พอหลินอี้จุนได้ฟังดังนั้น เธอก็หัวเราะขึ้นพร้อมกับพยักหน้า “ได้ค่ะน้าสาม ฉันจะเตือนเขาให้ค่ะ”

ลู่เฉินมีเงินมากแค่ไหนนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้จำนวนเงินที่เฉพาะเจาะจง แต่ลู่เฉินต้องใช้เงินลงทุน 5 หมื่นล้านหยวนเพื่อสร้างสวนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรวมถึงเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตและเปิด บริษัท การลงทุนคร่าวๆเหล่านี้ที่เธอรู้ ก็พอเดาได้ว่า เงินของลู่เฉินนั้นมีมากโขแน่นอน

ดังนั้นสำหรับล่เฉินแล้วเงินเพียงไม่กี่ล้าน เหมือนกับคนธรรมดาที่ใช้เงินไม่กี่สิบบาทเท่านั้นเอง

ถ้าหากสามารถใช้เงินไม่กี่หยวนหรือไม่กี่สิบหยวนซื้อความสบายใจได้ คนส่วนใหญ่ก็คงจะเลือกทำเช่นนี้

แต่เงินไม่กี่ล้านสำหรับตระกูลวังแล้ว ก็คงเหมือนตัวเลขทางดาราศาสตร์ ดังนั้นแม้ว่าเธอจะยิ้มอย่างขมขื่นในใจ แต่เธอก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

หลินอี้จุนเคยถามลู่เฉิน เรื่องเงินลงทุนนี้ เขาไม่ได้กู้มาจากธนาคารเลยแม่แต่น้อย และนี้คือเหตุผลที่เซ่เว่ยเหา ยังยืนยัดอยู่ข้างๆเขาเสมอ

เพราะแม้ว่าการลงทุนของลู่เฉินจะล้มเหลว แต่ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของ ยวี่โจว หากประสบความสำเร็จมันจะนำการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้แก่เศรษฐกิจของยวี่โจว

สำหรับซูเปอร์มาร์เก็ตรวมถึงบริษัทหินหยาบของลู่เฉินและสวนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เป็นเพียงความยุ่งเล็ก หลังจากที่ในเมืองรู้ว่าลู่เฉินลงทุนและไม่มีพันธะใดๆ จึงเปิดไฟเขียวให้เขาลงทุนได้สบายๆ

เมื่อพวกเขาเห็นว่ารถของหลินอี้จุนค่อยๆ มีการออกนอกเส้นทาง และขึ้นเขา เสี่ยวฟางและคนอื่น ๆ ก็ยิ่งแน่ใจบ้านที่ ลู่เฉินซื้ออาจเป็นบ้านหลังใหญ่ที่มีสี่ห้องนอนและ 2 ห้องโถงแถวๆชานเมืองแต่ต้องเป็นบ้านราคาถูกอย่างแน่นอน

เสี่ยวฟางและหวังว่าน สองแม่ลูกมองตากันและหัวเราะออกมา

"พี่อี้จุนค่ะ แถวนี้คือชานเมืองแล้วใช่ไหมค่ะ ทำไมถึงซื้อบ้านไกลขนาดนี้ละคะ” หวังว่านถามขึ้นทำท่าทีดูแปลกใจ

"แม้ว่าหม่าอันซานจะอยู่ใกล้กับชานเมือง แต่เทคโนโลยีอี้ฉีก็ถูกสร้างอยู่บนพื้นที่หม่าอันซาน พื้นที่นี้จะค่อยๆพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ หม่าอันซานจะถูกแบ่งออกเป็นอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” หลินอี้จุนพูดอย่างจริงจัง

"ถ้าอย่างนี้หมู่บ้านอะไรนั้นของพวกพี่ก็น่าจะถูกมากเลยใช่ไหมค่ะ” หวังว่านถามอีกครั้ง

"หมู่บ้านจิงหลงหู” เสี่ยวฟางพูดบอก

พี่น้องวังจินและวังไกต่างมองหน้ากันและเห็นความตกใจลึก ๆ ในดวงตาของกันและกัน

ตกลงว่าลู่เฉินมีเงินมากแค่ไหนกัน?

ขนาดต้องซื้อบ้านราคาถึง 50 ล้าน

แม้ว่าเธอจะไม่ได้หันหลังไปมอง แต่หลินอี้จุนก็รู้ว่าพวกเขาหลายๆคนต้องตกตะลึงมากแน่ๆ เธอยิ้มและไม่ได้บอกว่าคฤหาสน์ในตระกูลของเธอคือคฤหาสน์ที่แพงที่สุดและดีที่สุดในหมู่บ้านจิงหลงหู และยังไม่อยากทำให้พวกเขาตกใจไปมากกว่านี้

อีกไม่นานก็จะเข้าสู่เขตประตูคฤหาสน์ของหมู่บ้านจิงหลงหูแล้ว มองไปที่คฤหาสน์ที่เหมือนปราสาททั้งหมดเสี่ยวฟางและคนอื่น ๆ ก็ต้องยอมแพ้ไปในที่สุด

ไม่มีข้อสงสัยใดๆเกี่ยวกับคำพูดของหลินอี้จุนอีก และในใจของพวกเขาดูเหมือนจะอ่อนแรงลงในทันที

โดยเฉพาะหวังว่าน ที่อยู่ต่อหน้าหลินอี้จุนในขณะนี้ เมื่อเธอนึกถึงตอนที่เธอได้คุยโวโอ้อวกกับหลินอี้จุน เธอก็รู้ว่าเธอเป็นเพียงตัวตลกเท่านั้นเอง

ตัวเธอเองได้คุยโวโอ้อวดต่อหน้าหลินอี้จุนและคนอื่น ๆ หลายครั้งต่อหลายครั้ง พยายามจะเหยียบเขาให้ตกต่ำ แต่สุดท้ายตัวเธอเองที่ช่างคนโง่เขลานัก

"พี่อี้จุนค่ะ คฤหาสน์หลังไหนของพี่เหรอค่ะ?” คราวนี้น้ำเสียงของหวังว่านดูไม่มีอะไรแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย

"นั่นไง หลังที่ใหญ่ที่สุดบนนั้น" หลินอี้จุนพูดขึ้นพร้อมชี้ไปที่คฤหาสน์ที่ใหญ่ที่สุดถัดจากทะเลสาบ

ทุกคนมองตามมือของหลินอี้จุน และดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างขึ้นทันที

คฤหาสน์หลังนั้นมองจากระยะไกล ก็เทียบเท่ากับคฤหาสน์อื่น ๆ สี่หรือห้าหลังรวมๆกันแล้ว และดูโดดเด่นมาก

นี่มันเหมือนปราสาทเล็ก ๆดีๆนี่เอง !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์