คุณพ่อสายเปย์ นิยาย บท 271

บทที่ 271 หักขา

หลังวางสายจากหลานหลิน ลู่เฉินก็ตรงไปยังโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมเสี่ยวจิง สภาพร่างกายของเขาค่อนข้างแข็งแรงจึงทำให้ฟื้นฟูได้รวดเร็ว พักผ่อนที่โรงพยาบาลอีกสักสองสามวันก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้

เขาพูดคุยกับเสี่ยวจิงอยู่สักพักก่อนเดินทางกลับ เมื่อออกจากโรงพยาบาลก็ได้รับสายของเฉินจื่อหราน

เฉินจื่อหรานโทรหาลู่เฉินเชิญชวนให้เขาเดินทางไปที่คลับ แต่ถูกเขาปฏิเสธ

ลู่เฉินรู้ดีว่าถึงเฉินจื่อหรานคงจะมีความคิดเดียวกับหลานหลิน

แต่เธอก็เป็นเพียงแค่ลูกสาวของเฉินกวงซิง คำพูดของเธอไม่ได้มีประโยชน์เท่าไหร่นัก

หากเป็นเฉินกวงซิงเชิญเขาด้วยตนเองเขาอาจจะครุ่นคิดอยู่บ้าง

แต่ท่าทางของเฉินจื่อหรานนี้ก็ทำให้เขาวางใจขึ้นมาไม่น้อย เนื่องจากหมายถึงว่าบัดนี้คนในบ้านตระกูลเฉินมิได้เป็นศัตรูกับเขา และไม่ได้เข้าข้างอีกสามตระกูลใหญ่นั้น

ในสี่ตระกูลใหญ่แห่งยวี่โจว บ้านตระกูลเฉินค่อนข้างจะมั่นคงกว่าอีกสามตระกูล ความสัมพันธ์ของพวกเขามีรอบด้าน อีกทั้งหากตระกูลเฉินร่วมมือกับอีกสามตระกูลใหญ่กำจัดเขาแล้ว เซ่ซูเจี๋ยคงจะทนแรงกดดันไม่ไหว

แต่ทำไมลู่เฉินจะต้องใช้กฎหมายพูดคุยกับพวกเขากันล่ะ?

ลู่เฉินยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ บางครั้งหากเขาต้องการที่จะจัดการอะไรสักอย่าง หากมีความสัมพันธ์ที่ดีทุกอย่างก็ง่ายที่จะจัดการ

แต่ในหลายๆเรื่องความสัมพันธ์พวกนี้ก็ไม่สามารถจัดการกับปัญหาได้ทุกอย่าง

กำลังและความสามารถต่างหากที่จะเอาชนะทุกสิ่ง

ขณะนี้ที่คฤหาสน์ตระกูลเฉิน เฉินจื่อหรานเก็บโทรศัพท์ลงไปด้วยความผิดหวัง เธอคิดว่าจะสามารถใช้โอกาสนี้เป็นข้ออ้างในการช่วยเหลือลู่เฉินได้ แต่คิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะไม่ใส่ใจเธอเช่นนี้

“จื่อหราน ถูกปฏิเสธอย่างนั้นหรือ?” นายท่านเฉินหัวเราะและถามขึ้น

“คุณปู่คะ เขาคิดว่าเขาจะสามารถเอาชนะสามตระกูลใหญ่นั้นได้จริงๆเหรอ? ได้ยินมาว่าคนจากเมืองหลวงก็เข้าร่วมแผนการนี้ด้วย ทำไมเขาถึงได้ดื้อแบบนี้กันคะ!” เฉินจื่อหรานพูดออกมาด้วยท่าทางไม่พอใจ

“ความคิดของเขาลึกล้ำเกินกว่าพวกเราจะเข้าใจได้ อย่าได้ไปดูถูกเขาเชียว บางทีเขาอาจจะไม่เห็นสามตระกูลนั้นในสายตาจริงๆก็ได้” นายท่านเฉินพูด

“หนูอุตส่าห์ไปพูดกล่อมคุณพ่อตั้งนานกว่าจะขอร้องให้ท่านสนับสนุนได้ แต่เขาก็ไม่ไยดีในความหวังดีของหนูเลยแม้แต่นิดเดียว น่าโมโหจริงๆ! หนูจะคอยดูว่าเขาจัดการกับสามตระกูลนั้นยังไง หนูจะไปบอกกับพ่อว่าถ้าเขาไม่มาขอร้องด้วยตัวเองก็จะไม่ช่วยเขาเด็ดขาด!” จื่อหรานบ่น

นายท่านเฉินได้แต่ยิ้มในใจ เนื่องจากเขารู้จักกับ1ดี การที่ลู่เฉินปฏิเสธความช่วยเหลือของตระกูลเฉินนั้น เนื่องจากมีความมั่นใจพอว่าจะสามารถเอาชนะปัญหาที่อยู่ตรงหน้านี้ได้ เขาไม่มีทางจะมาร้องขอความช่วยเหลือหรอก

แต่นายท่านเฉินเองก็อยากรอดูว่าลู่เฉินจะจัดการกับปัญหาครั้งใหญ่นี้อย่างไร ทั้งสามตระกูลใหญ่ร่วมมือกันมาเพื่อจัดการเขา Xie Shujiจะยอมแลกอำนาจของตนเพื่อเขาหรือไม่

เนื่องจากทั้งสามตระกูลนั้นไม่ได้พูดเล่นๆ ดีไม่ดีอาจทำให้สภาพการทำงานของเขาใน 2-3 ปีนี้พังลงก็ได้

เนื่องจากทั้งสามตระกูลหากต้องการก่อตั้งอะไรบางอย่าง พวกเขาสามารถไปทำที่เมืองอื่นได้ แต่ยวี่โจวสำหรับเซ่ซูเจี๋ยแล้วนั้นเป็นที่เดียวที่เขาสามารถพึ่งพา

บัดนี้ที่หน้าเซิ่งซื่อ ซูเปอร์มาร์เก็ตมีคนจำนวนมากยืนบังปากทางเข้าไว้ พวกเขาให้คนภายในออกมา แต่ไม่ให้คนภายนอกเข้า ไปซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อซูเปอร์มาร์เก็ต

พนักงานภายในซุปเปอร์มาร์เก็ตเคยชินกับการที่มีผู้คนมาก่อความไม่สงบเช่นนี้ แต่สำหรับการปิดประตูทางเข้าไม่ให้คนเข้ามาซื้อของพวกเขาเพิ่งเจอเป็นครั้งแรก

อู๋เล่ยขมวดคิ้วด้วยความกังวลใจ จากนั้นโทรศัพท์หาลู่เฉิน เขาทำได้เพียงแจ้งตำรวจ หวังว่าตำรวจมาแล้วคนเหล่านี้จะสลายตัว

เหตุการณ์นี้ทำให้เขานึกถึงตอนที่ตระกูลจางมาก่อความไม่สงบที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต และรู้สึกถึงลางไม่ดี

“คุณเป็นผู้รับผิดใช่ไหม? รีบโทรเรียกเจ้านายของคุณมาเร็วๆเข้า ถ้าเจ้านายของคุณไม่มาขอโทษพวกเรา เรื่องนี้ก็อย่าหวังว่าจะจัดการได้ง่ายๆ”

“ต้องให้ลู่เฉินมาคุกเข่าต่อหน้าประชาชนและขอโทษไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ไม่จบแน่!”

“ใช่ๆ! ถ้าเขาไม่มาขอโทษก็อย่าหวังว่าจะได้เปิดทำการอย่างปกติเลย”

เมื่อได้ยินพวกเขาพูดมาเช่นนั้นอู๋เล่ยก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“ผู้จัดการอู๋ ทำยังไงดีคะ?ถ้าพวกเขาทำแบบนี้ต่อไป การที่พวกเราจัดโปรโมชั่นดึงดูดคนเข้ามาต้องล้มเหลวอีกแน่ๆ”พนักงานคนหนึ่งพูดด้วยความกังวล

ในแววตาของคนอื่นๆก็เต็มไปด้วยความกังวลใจเช่นกัน

เจ้านายของพวกเขานั้นดีกับพวกเขามากในทุกๆด้าน เงินเดือนที่ให้ก็สูงกว่าที่อื่นถึงสามส่วน แต่เขามีศัตรูมากมายเหลือเกิน มีคนมาก่อความไม่สงบวันเว้นวัน ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปซุปเปอร์มาร์เก็ตก็คงจะต้องล้มเลิกกิจการในสักวัน

ในขณะที่อู๋เล่ยไม่รู้จะทำอย่างไร ซ่งไห่ก็ได้พาคนจำนวนหนึ่งเดินเข้ามา

ซ่งไห่แทรกฝูงชนเข้าไปจนถึงตัวอู๋เล่ยแล้วพูดที่ข้างหูว่า “ให้พนักงานเข้าไปก่อน จากนั้นปิดประตูใหญ่ แล้วผมจะโทรหาคุณเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย”

อู๋เล่ยรู้ดีว่าลู่เฉินเรียกซ่งไห่มาที่นี่ ดูจากแววตาของซ่งไห่แล้วเขาเข้าใจดีว่าซ่งไห่คิดจะทำอะไร แต่สิ่งเหล่านี้ก็คงเป็นคำสั่งของลู่เฉิน เขาจึงจำเป็นต้องฟัง

“เปิดประตูก่อน จากนั้นทุกคนออกไปทางประตูด้านหลัง วันนี้พักผ่อน 1 วัน!” อู๋เล่ยพูดกับพนักงาน

เมื่อพนักงานทุกคนออกไปจนหมดแล้ว อู๋เยก็ปิดประตูใหญ่ลง

บรรดาผู้คนเห็นว่าวัตถุประสงค์ของพวกเขาได้สำเร็จแล้วจึงทำท่าจะจากไป แต่นักเลงหลายสิบคนได้แทรกเข้ามาในกลุ่มพวกเขา แล้วลงมือจัดการพวกเขาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

เสียงร้องครวญครางก็ดังขึ้น สำหรับคนที่วิ่งช้าก็ถูกทำร้ายจนขาหัก ซ่งไห่เห็นว่าจัดการได้พอสมควรแล้วก็ให้สัญญาณว่าถอยกลับ นักเลงเหล่านั้นจึงวิ่งหายไปโดยไร้ร่องรอย

สุดท้ายเมื่อทางตำรวจมาถึงก็ได้เรียกรถพยาบาลส่งผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล

จางเซิงเฉียวและคนอื่นๆได้ยินดังนั้นก็โมโหมาก แต่พวกเขาก็ได้ตัดสินใจโทรหาทางตำรวจและบอกว่าไม่ต้องจัดการกับเรื่องนี้ พวกเขาทำได้แต่เก็บความคับแค้นไว้ในใจ

“ผู้เฒ่าจางครับ ลู่เฉินเรียกคนพวกนั้นมาแน่ๆ พวกเราต้องไปเก็บค่ารักษาพยาบาลจากเขานะ” จู้เต๋อเจ๋อพูดด้วยสีหน้าไม่ดีนัก

มีผู้ที่ถูกพวกเขาหักขาถึงสิบเจ็ดคน ค่ารักษาพยาบาลไม่ใช่น้อยเลย ดีไม่ดีคาดว่าหลักล้านอาจจะรักษาไม่พอ แม้ว่าในครั้งนี้ลู่เฉินจะได้รับรองชนะเลิศในฐานะตัวแทนของยวี่โจว และสมาคมของพวกเขาก็ได้รับรางวัลไม่น้อย

แต่รายจ่ายของสมาคมก็มากมายเช่นกัน เงินสมาคมมีไม่มากพอสำหรับค่ารักษาพยาบาลคนเหล่านี้

“เรื่องค่ารักษาพยาบาลคุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะจัดการเอง คุณช่วยไปหาคนมาให้เยอะกว่านี้ เรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่างไม่ใช่ปัญหา ภายในวันพรุ่งนี้ผมต้องการจะทำให้คนที่แซ่ลู่นั่นมันเสียใจที่ทำแบบนี้” จางเซิงเฉียวพูด

จู้เต๋อเจ๋อจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในเมื่อจางเซิงเฉียวพูดประโยคนี้ออกมาด้วยตัวเอง เขาก็สบายใจได้ หากมีเงินไม่ว่าจะกำลังคนหรือเรื่องอื่นๆก็สามารถจัดการได้โดยง่าย

เรื่องการไปเรียกค่ารักษาพยาบาลจากลู่เฉินนั้น เขาเพียงพูดออกมาเฉยๆ ในเมื่อลู่เฉินกล้าที่จะทำร้ายคนของตนก็คงจะไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหายแน่นอน

“ผมคิดว่าพวกเราควรจะต้องจัดการกับเทคโนโลยีอี้ฉีของเขาแล้ว” จางเซิงเฉียวปรึกษาหารือกับคนอื่นๆเรื่องของการแก้แค้นบริษัทของลู่เฉินในวันพรุ่งนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์