คุณพ่อสายเปย์ นิยาย บท 274

บทที่ 274 เสี่ยวเบชิงตาย

“แก......ทำไมแกถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?!”

เสี่ยวเบชิงลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น และกระอักเลือดสดออกมาจนหน้าของเธอซีดขาว

“นี่คือสิ่งที่คุณเรียกว่าเป็นศิลปะการต่อสู้ของตระกูลที่ซ่อนเอาไว้อย่างนั้นหรือ? คุณไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลย!คุณเอาความมั่นใจมาจากไหนที่จะฆ่าผม?” ลู่เฉินเดินหน้าขึ้นไปและมองดูเสี่ยวเบชิงที่หมดเรี่ยวแรงนอนอยู่อย่างไร้พลังการต่อสู้ใดๆด้วยสายตาอาฆาต

“หึๆ! ถ้าแกกล้าฆ่าฉัน แกและครอบครัวแกก็จะต้องตายตามฉันไปด้วยเหมือนกัน” เสี่ยวเบชิงขู่

ลู่เฉินตกตะลึง เขาหรี่ตาลงมอง

คำพูดขู่ขวัญของเสี่ยวเบชิงเมื่อครู่ทำให้เขาเริ่มเกิดการลังเล

เนื่องจากเขาไม่รู้จักตระกูลเสี่ยวอย่างเพียงพอ และไม่รู้ว่าเบื้องหลังของตระกูลพวกเขาเป็นอย่างไร

หากเป็นอย่างที่หยุนลาวพูด เขาก็คงไม่สามารถเอาชนะตระกูลเสี่ยวได้

แต่ว่า......

ต่อให้เป็นแบบนั้น เขาก็จะต้องแก้แค้นให้แม่จนได้!!!

“ดูจากสภาพคุณแล้ว ตระกูลเสี่ยวก็ไม่เท่าไหร่สินะ ถ้าพวกเขากล้ามาแก้แค้นกับผมล่ะก็ ผมคงจะส่งพวกเขาลงไปอยู่กับคุณในนรกด้วย ตอนนี้คุณก็เตรียมตัวลงไปคุกเข่าขอโทษแม่ผมซะ!”

ลู่เฉินหัวเราะหึๆและก้มลงไป เอามือบีบคอของเสี่ยวเบชิงไว้ กร๊อบบบบ! เสียงกระดูกที่คอของเธอหักลงในทันที

เสี่ยวเบชิงเบิกตากว้าง กระทั่งวินาทีสุดท้ายเธอเองยังไม่อยากจะเชื่อว่าลู่เฉินจะกล้าลงมือกับตน เธอนอนตายตาไม่หลับ

ลู่เฉินลากศพของเสี่ยวเบชิงเข้าไปในรถแล้วพูดกับตู้เฟยว่า “สั่งให้พวกเขาเข้ามาจัดการกับคนพวกนี้ด้วย”

เขาและตู้เฟยเดินทางมาก่อน แน่นอนว่าคนอื่นๆคงจะมาถึงคฤหาสน์แล้วตอนนี้

ตู้เฟยพยักหน้าและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แค่ไม่กี่นาที ซ่งไห่และคนอื่นก็ตรงเข้ามาด้านใน

พรรคพวกของซ่งไห่ลากบรรดาคนที่ถูกลู่เฉินทำร้ายจนสลบไปขึ้นรถแล้วจากไป ลู่เฉินจึงได้พูดกับตู้เฟยว่า “ไปจับตัวจางดาวเรน จั่วชิงเฉิงและหลิวซานมาให้ผม

ตู้เฟยแววตาเป็นประกาย เขาถามขึ้นว่า “คุณตั้งใจจะใช้พวกเขามาข่มขู่ตาเฒ่าสามคนนั้นหรือ?”

ลู่เฉินพยักหน้าและพูดว่า “ถูกต้อง ในเมื่อพวกเขาไปจัดหาคนสูงอายุมาก่อความวุ่นวายที่บริษัทผม คิดว่าผมจะหมดปัญญาหรือไง? ผมไม่ลงมือกับพวกเขาแน่ แต่กับลูกหลานของพวกเขา ผมอยากจะเห็นจริงๆว่าสามคนนั้นจะไม่สนใจชีวิตของลูกหลานพวกเขาจริงๆหรือเปล่า?”

“ครับ แล้วศพของยายแก่นี่ล่ะ?” ตู้เฟยถาม

“เอ่อ จัดการทิ้งซะ!” ลู่เฉินพยักหน้า เดิมทีเขาต้องการจะตัดหัวเสี่ยวเบชิงไปคารวะแม่ของเขาที่เมืองหลวง แต่เมื่อคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าถ้าเรื่องนี้พ่อของเขารู้เข้า อาจจะทำให้พ่อของเขาไม่สบายใจได้

“ครับ” ตู้เฟยพยักหน้า เนื่องจากเขาไม่ได้ขับรถมาจึงได้ขับรถของลู่เฉินจากไป

เมื่อลู่เฉินกลับเข้ามาในบ้าน หลินอี้จุนและวังเสวี่ยก็รีบถามขึ้นว่า “เธอไปแล้วเหรอ?”

ลู่เฉินอุ้มฉีฉีขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดแล้วพยักหน้าพูดว่า “ไปแล้วครับ ทุกเรื่องในวันนี้จัดการอย่างเรียบร้อย พรุ่งนี้คุณกลับไปทำงานได้ตามปกติ”

หลินอี้จุนพยักหน้า เธอไม่ได้ถามว่าลู่เฉินจัดการกับเสี่ยวเบชิงอย่างไร ส่วนวังเสวี่ยนั้นก็ไม่กล้าพูดมาก แม้เธอจะสงสัยแต่ก็ไม่กล้าถามออกไป

“ที่บริษัทเป็นยังไงบ้างคะ ชายชรากลุ่มนั้นยังอยู่หน้าบริษัทหรือเปล่า?” หลินอี้จุนถามขึ้น

“วันนี้ให้พวกเขาทำตามอำเภอใจไปเถอะ แต่พรุ่งนี้เขาก็ไม่กล้ามาแล้ว” ลู่เฉินพูด

หลังจากรุ่นคิดอยู่สักครู่ หลินอี้จุนก็ถามออกไปด้วยท่าทางกังวลใจว่า “ฉันไม่รู้ว่าคุณจัดการยังไงกับพวกเขา แต่อย่าลงไม้ลงมือกับพวกเขาอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคนอื่นๆก็จะคิดว่าคุณไม่มีคุณธรรม”

เธอรู้สึกว่าอารมณ์ของลู่เฉินค่อนข้างจะรุนแรง และกลัวว่าลู่เฉินจะลงไม้ลงมือกับชายชราพวกนั้น

แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจลงไม้ลงมือโดยตรง แต่หากทำให้พวกเขาบาดเจ็บล่ะก็ คงไม่มีเหตุผลอะไรไปสู้กับพวกเขาแน่

“วางใจได้เลยครับ ผมมีวิธีจัดการกับพวกเขา เรื่องนี้คุณไม่ต้องเอามาใส่ใจหรอก ทำกับข้าวให้กินหน่อยนะ” ลู่เฉินยิ้ม เขามีความมั่นใจเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าคนในครอบครัว

หลินอี้จุนพยักหน้าและเดินตรงไปยังห้องครัวเพื่อทำกับข้าว ลู่เฉินออกไปเล่นกับฉีฉี เนื่องจากวันนี้ฉีฉีได้รับความหวาดกลัวทางจิตใจเป็นอย่างมาก ลู่เฉินรู้สึกเจ็บปวดใจจริงๆ

......

ณ บริษัทเครื่องประดับหยุนเฟยกรุ๊ป

หลังจากการประชุมพึ่งจบสิ้นลง จั่วชิงเฉิงกำลังจะเดินทางออกจากบริษัท ก็มีผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดกับเขาว่า “สองวันมานี้นายท่านและคนอื่นๆได้ล้อมบริษัทลู่เฉินเอาไว้ ท่านฉลาดหลักแหลมเสียจริง”

จั่วชิงเฉิงมองแล้วยิ้มเบาๆ ตอบกลับไปว่า “นายท่านเพียงแค่ไม่มีอะไรทำน่ะครับ แต่อย่าดูถูกลู่เฉินไปเชียว”

เขาเคยต่อกรกับลู่เฉินมาหลายครั้ง และในทุกครั้งก็ถูกลู่เฉินกดดันเสียจนแทบตาย อีกทั้งตอนนี้เขารู้แล้วว่าลู่เฉินเป็นเจ้าของเทคโนโลยี

Yiqi จะให้เขาดูถูกลู่เฉินคงเป็นไปไม่ได้

แต่ในตอนนี้มีคนสนับสนุนจากเมืองหลวง เขาก็ไม่ได้กังวลคุณปู่เท่าไหร่นัก

ในทางกลับกันเขารู้สึกว่าครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีทีเดียว

“ได้ยินว่าก่อนหน้านี้ลู่เฉินก็เป็นแค่คนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นถึงคุณชายจากตระกูลสูง แต่ว่าตอนนี้เขาทำให้พวกคุณทั้งสามตระกูลต้องขัดใจ ต่อให้เขาจะเป็นผู้สร้างเทคโนโลยีอี้ฉี แต่ก็ต้องถูกกดดันจนล้มละลายแน่”เขาคนนั้นพูดขึ้น

จั่วชิงเฉิงขมวดคิ้วขึ้น เนื่องจากครั้งนี้ทั้งสามตระกูลใหญ่ตั้งใจจะทำให้ลู่เฉินล้มละลายและไม่สามารถก่อตั้งเทคโนโลยีอี้ฉีได้

แต่เขารู้สึกว่าลู่เฉินอาจจะไม่แพ้ก็เป็นได้

“ได้ยินมาว่านายท่านกำหนดเวลาไว้แล้ว หากภายในพรุ่งนี้ตอนกลางวันลู่เฉินไม่ไปคุกเข่าขอโทษต่อหน้าสาธารณชน ก็จะทำลายบริษัทของเขาเสีย”

เมื่อจั่วชิงเฉิงได้ยินดังนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องที่จางดาวเรนไปทุบทำลายซุปเปอร์มาเก็ตของลู่เฉินเข้า จากนั้นตระกูลจางก็สูญเสียทรัพย์สินมูลค่ากว่าพันล้าน ในใจเขาก็รู้สึกถึงลางไม่ดีขึ้นมา

หากลู่เฉินร่วมมือกันกับพวกกองกำลังใต้ดินแล้วละก็ พวกเขาคงไม่สามารถต้านทานได้

“ไม่ได้การละ ผมจะต้องไปเตือนคุณปู่เสียก่อน ไม่ให้เขาไปทุบบริษัทลู่เฉิน จั่วชิงเฉิงพูดแล้วรีบก้าวเดินออกไป เขาเชื่อมั่นว่าพรุ่งนี้คุณปู่ของเขาจะต้องไปทุบริษัทลู่เฉินแน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาทั้งสามตระกูลก็ต้องพบเจอกับการแก้แค้นของลู่เฉิน

“หา?” ผู้บริหารระดับสูงคนนั้นมองจั่วชิงเฉิงด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่กล้าถาม

“ผู้บริหารจั่วครับ เกิดเรื่องแล้ว!”

ในขณะนั้นเองชายวัยกลางคนผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องประชุมด้วยท่าทางวิตกกังวล

“เกิดอะไรขึ้น?ท้องฟ้าถล่มลงมาหรือไง!” จั่วชิงเฉิงขมวดคิ้วและมีสีหน้าไม่พอใจนัก

ในใจของชายผู้นั้นนึกไปว่า ถ้าแค่ฟ้าถล่มลงมาก็ดีน่ะสิ นี่มันน่ากลัวกว่าหลายเท่านัก! บริษัทของเขาถูกกองกำลังใต้ดินล้อมไว้หมดแล้ว จะไม่ให้เขาตื่นเต้นตกใจกลัวไปได้อย่างไร?”

“ประทานจั่วครับ ลูกพี่ตู้ต้องการพบคุณ” ชายวัยกลางคนพูดต่อ

“ลูกพี่ตู้คนไหน?ตู้ไฟเหรอ?” จั่วชิงเฉิงพูดชื่อนี้ออกไปด้วยความรู้สึกตกตะลึง หัวใจเขาหล่นลงไปที่ตาตุ่ม

“ถูกต้อง ผมเอง”

เมื่อสิ้นเสียง ตู้เฟยก็พาลูกน้องเดินเข้ามาในห้องประชุม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์