คุณพ่อสายเปย์ นิยาย บท 275

บทที่ 275 การลักพาตัวอย่างโจ่งแจ้ง

จั่วชิงเฉิง นึกไม่ถึงว่าตู้เฟยจะเดินทางมาหาเขาด้วยตนเอง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของตู้เฟยกับลู่เฉินมาก่อน แต่หลังจากที่ลู่เฉินมีปัญหาขัดแย้งกันบ้านจางในตอนนั้น ทำให้ทุกคนต่างทราบดีว่าคนพวกนี้ล้วนเป็นคนของตู้เฟย

“นึกไม่ถึงเลยว่าคุณตู้จะมาถึงที่บริษัทของผม” จั่วชิงเฉิง เอ่ยด้วยความนิ่งเรียบและใช้สายตานิ่งสงบมองไปยังตู้เฟย

ในฐานะผู้ที่สืบต่อตระกูลของบ้านจาง หลังจากที่ จั่วชิงเฉิง จบจากโรงเรียนเขาก็เข้ามาสานต่อกิจการและธุรกิจต่างๆของตระกูลทันที ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าการที่ตู้เฟยย่างก้าวเข้ามาถิ่นของตนนั้นจะต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน แต่เขาก็ไม่แสดงท่าทีเกรงกลัวต่ออีกฝ่ายออกมาเลย

“คุณ จั่ว ผมมีเรื่องที่อยากให้คุณช่วยจัดการให้ผมหน่อย ผมหวังว่าคุณจะให้การช่วยเหลือเรา”ตู้เฟยกล่าวพลางส่งยิ้มเล็กน้อย

สีหน้าของ จั่วชิงเฉิง เปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของตู้เฟย แต่เขาต้องพยายามควบคุมอารมณ์และสีหน้าของตนเองให้กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เพราะเขาเห็นชายชุดดำเป็นจำนวนมากที่ยืนอยู่ข้างหลังของตู้เฟย เขาคิดว่าถ้าวันนี้เขาไม่ตอบรับคำขอของตู้เฟย เขาคงจะมีชะตากรรมที่ไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไหร่

“ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ” จั่วชิงเฉิง ส่งยิ้มตาหยีกลับไป เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าตู้เฟยต้องการให้เขาทำสิ่งใด

ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ตระกูลใหญ่ทั้งสามได้สร้างแรงกดดันให้กับลู่เฉิน และแน่นอนว่าการที่ตู้เฟยมาหาเขาในครั้งนี้ก็เพื่อจัดการเรื่องของลู่เฉิน

ลู่เฉินจะให้เขาจัดการกับเรื่องพวกนี้ยังไงกันนะ?

ข่มขู่เขาหรือจะให้เขาช่วยไปขอร้องคุณปู่ของเขาให้วางมือจากเรื่องนี้งั้นเหรอ?

“งั้นคุณก็ไปกับพวกเราเถอะ วางใจได้แน่นอน ขอแค่คุณ จั่ว ให้ความร่วมมือกับเรา พวกเราจะรับรองและคุ้มครองความปลอดภัยของคุณอย่างแน่นอน” ตู้เฟยพูดด้วยรอยยิ้มและหมุนตัวเดินออกไปด้านนอกทันที

ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าต่างตกใจเป็นอย่างมาก เพราะชื่อเสียงเรียงนามของตู้เฟยใหญ่โตมากและน่าเกรงขาม และการที่ตู้เฟยนำตัวของ จั่วชิงเฉิง ไปนั้นจะไม่ให้พวกเขาเกิดอาการวิตกกังวลได้เช่นไร

“คุณ จั่ว ครับ คุณอย่าไปกับพวกเขาเด็ดขาดนะครับ”

“ใช่ครับ พวกเราจะแจ้งความ ผมเชื่อว่าตำรวจจะไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้แน่นอน”

“ใช่แล้วครับ เพราะสิ่งที่พวกเขาทำอยู่คือการลักพาตัว”

เสียงห้ามด้วยความหวังดีจากคนรอบข้าง ทำให้ จั่วชิงเฉิง ต้องยกมือขึ้นมาห้ามทุกคน

“ตู้เฟยไม่ใช่คนธรรมดา ถึงแจ้งความไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก มิหนำซ้ำยังจะยิ่งทำให้เขาโกรธขึ้นไปอีก ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะไปกับพวกเขา ฉันเชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าทำอะไรฉันแน่นอน”

เมื่อ จั่วชิงเฉิง พูดจบ เขาก็รีบเดินตามตู้เฟยออกไปจากบริษัทของตนเองทันที

กลุ่มตระกูลบ้านจาง

ถึงแม้ว่าจางดาวเหรินจะถูกปลดออกจากการเป็นผู้สืบทอดกิจการคนต่อไป แต่เขาก็ยังรับหน้าที่เป็นประธานดูแลฝ่ายการขายของบริษัทอยู่

“คุณจาง คุณคิดว่าครั้งนี้เราจะจัดการกำจัดลู่เฉินได้ไหม?” รองผู้อำนวยการของบริษัทเอ่ยถามขึ้นในขณะที่กำลังรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน

ความแค้นในครั้งก่อนที่ลู่เฉินจัดการเผาตึกสูงใหญ่ของตน ทำให้บ้านจางและกลุ่มคนหลายๆกลุ่มได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก เมื่อสามตระกูลใหญ่ได้ติดต่อมาเพื่อให้เขาร่วมมือกำจัดลู่เฉิน นอกจากสามตระกูลใหญ่เหล่านั้นจะดีอกดีใจแล้ว พวกเขาบ้านจางก็ดีใจไม่แพ้กัน คงถึงเวลาแห่งการแก้แค้นแล้วสินะ

“เขายังจะสามารถสู้พวกเราได้ยังไงกัน ในที่สุดกลุ่มแกรนด์ไฮแอทก็ต้องสลายตัวไปไม่ใช่หรือ?” จางดาวเหรินกล่าวอย่างเหยียดหยาม

ถ้าพูดถึงความเครียดแค้นเกลียดชังระหว่างเขากับลู่เฉินมันคงจะเป็นขุมความแค้นที่ใหญ่ที่สุดเลยล่ะ

ลู่เฉินเป็นสาเหตุที่ที่ทำให้บ้านจางของเขาสูญเสียทรัพย์สินมากกว่าร้อยล้าน มิหน้ำซ้ำยังทำให้เขาถูกทอดจากการเป็นผู้สืบต่อกิจการของบ้านจาง ถ้าหากมีโอกาสเขาอยากจะลงมือฆ่าลู่เฉินด้วยน้ำมือของตนเองด้วยซ้ำ

“ ใช่ เพราะในเวลานั้นกลุ่มแกรนด์ไฮแอทถูกครอบงำโดยสี่ตระกูลใหญ่ ถึงแม้ว่า เทคโนโลยีอี้ฉีจะลงทุน 50 พันล้านเพื่อสร้างอุทยานเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน แต่พวกเขายังไม่ได้สร้างความแข็งแกร่งและเผยแผ่อิทธิพลให้กว้างไกลเทียบเคียงกับกลุ่มแกรนด์ไฮแอทในตอนนั้น” รองผู้อำนวยการพยักหน้าเห็นด้วยและกล่าว

จางดาวเหรินจิบเหล้าอึกใหญ่จากแก้วของตนแล้วจึงพูดว่า "ไอ้เด็กคนนั้นทำตัววุ่นวายเกินไปเขาคิดว่าเขาเป็นเจ้าของเทคโนโลยีอี้ฉี ดังนั้นเขาจึงสามารถทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ แต่เขาไม่รู้ว่าใน ยวี่โจวนั้นครอบครัวใหญ่สี่ครอบครัวนั้นยิ่งใหญ่เกรียงไกลที่สุด คุณรู้ไหมว่าเบื้องหลังคนที่ช่วยเหลือเด็กคนนั้นคือ เซ่เว่ยเหา แต่ในคราวนี้ครอบครัวของเราสามคนรวมพลังกันต่อต้านและคิดกำจัดมัน เซ่เว่ยเหา กลับนิ่งเฉยและทำอะไรไม่ได้เลย"

ในตอนนี้บ้านจางเองก็มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อ เซ่เว่ยเหา ไม่น้อย

ถ้าไม่ใช่เพราะ เซ่เว่ยเหา ให้ท้ายหรือให้การสนับสนุน ลู่เฉินจะปีกกล้าขาแข็งถึงขนาดทำให้ครอบครัวตระกูลจางของเขาเสียหายมากมายและจะกล้าถึงขนาดเผาตึกใหญ่ของบ้านจางเลยหรือ

ดังนั้นมีการสนทนาได้พาดพิงไปถึงบุคคลที่สามอย่าง เซ่เว่ยเหา ก็ทำให้จางดาวเรนมีความกรุ่นโกรธไม่น้อย

เป็นเพราะไอ้เรื่องบ้าๆพวกนั้น มันทำให้เขาสูญเสียอำนาจในการสืบทอดกิจการของครอบครัว แน่นอนว่าความรู้สึกดีๆของเขาต่อ เซ่เว่ยเหา มันไม่มีเหลืออยู่แน่นอน

“แน่นอน เพราะตระกูลใหญ่ทั้งสี่มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ลึกซึ้งมาก ไม่ว่าใครจะมารับหน้าที่ดูแลยวี่โจว คุณจะต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสี่ตระกูลใหญ่ก่อน เพราะถ้าตระกูลใหญ่ทั้งสี่ไม่ยินยอมแผนงานของเขาก็จะดำเนินไปได้ยากอย่างแน่นอน” รองผู้อำนวยการหัวเราะร่าด้วยความสะใจ

"ในขณะนี้ประชาชนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ เซ่ซูเจี๋ย จางดาวเรน ช่างเก่งกาจยิ่งนักที่ทำให้กระแสพวกนี้รุนแรงขึ้นมาได้ พวกเรานับถือท่านมาก”

และในขณะที่ทุกคนกำลังสนทนากันอย่างออกรสนั้นเอง ก็ได้มีเสียงจากบุคคลปริศนาที่อยู่ทางด้านหลังดังแทรกขึ้นมา เมื่อทั้งสองหันไปพวกเขาจึงพบกับกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ในชุดดำที่ยืนปกคลุมพื้นที่ด้านหลังไว้ และสายตาของทุกๆคนล้วนจ้องเขม็งมายังพวกเขาทั้งสอง

“พวกแกเป็นใคร? ใครอนุญาติให้พวกแกเข้ามาที่นี่?” จางดาวเรนจ้องมองไปยังชายชุดดำจำนวนมากด้วยความโกรธเกรี้ยว

เพราะที่แห่งนี้ถือเป็นห้องโถงส่วนตัวของบริษัท คนนอกจึงไม่สามารถเข้ามายังพื้นที่ส่วนตัวของเขาได้อย่างแน่นอน

และในตอนนั้นเองที่บรรดาผู้รักษาความปลอดภัยของบริษัทต่างพากันเดินคอตกเข้ามายังที่ที่เขาอยู่ เขาไม่แม้แต่จะอยากมองไปที่ซ่งไห่ ในแววตาของกลุ่มผู้รักษาความปลอดภัยของเขานั้นต่างเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“คุณจาง พวกมัน….” ใบหน้าสะบักสะบอมของผู้รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพวกมันคงลงมือทำร้ายคนของเขาอย่างหนักพอสมควร

"ไอ้สวะเอ้ย!" จางดาวเรนตะคอกอย่างเย็นชาและเตะร่างของผู้รักษาความปลอดภัยลงกับพื้น

เป็นถึงหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทที่มีชื่อเสียงอย่างนี้ แต่กลับไม่สามารถหยุดยั้งพวกอันธพาลพวกนี้ได้ จะให้จางดาวเรนไม่หัวเสียได้อย่างไรกัน

"ใครมันกล้ามาวุ่นวายกับพวกแก?" จางดาวเรนเตะผู้รักษาความปลอดภัยและจ้องเขม็งไปยังซ่งไห่

แค่มองเพียงแวบเดียวเขาก็รู้ทันทีว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นกองกำลังใต้ดิน และแน่นอนว่าเขารู้จักเจ้านายของกองกำลังใต้ดินเหล่านั้นในยวี่โจวเกือบทั้งหมด

“คุณจางนี่ขี้ลืมจังเลยนะครับ แม้แต่คนของตระกูลซ่งคุณก็จะไม่ได้แล้วเหรอครับ?” ซ่งไห่ถอดแว่นดำออกพลางส่งยิ้มเย้ยหยันคนตรงหน้า

เมื่อจางดาวเรนได้เห็นคนตรงหน้าชัดๆ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปฉับพลัน

เขารู้ดีว่าซ่งไห่เป็นคนของลู่เฉิน และกลุ่มลูกน้องของซ่งไห่ก็มีกำลังแข็งแกร่งมากมายมหาศาล พวกเขาติดอันดับบุคคลที่มีอำนาจในยวี่โจวและเขาจำได้ชัดเจนว่าคนที่เผาบริษัทของเขาในครั้งนั้นเป็นฝีมือของกลุ่มคนเหล่านี้

“ลู่เฉินส่งพวกแกมาเหรอ?”จางดาวเรนถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางถามด้วยความเคร่งขรึม

“คุณจางฉลาดมากเลยครับ ดีมากเลยครับเพราะผมชอบพูดคุยกับคนฉลาด”ซ่งไห่อมยิ้ม

“พวกแกต้องการทำอะไร?” จางดาวเรนจ้องเขม็งไปยังซ่งไห่อย่างไม่เกรงกลัว เพราะเขาเชื่อว่าซางไห่ไม่กล้าลงมือทำร้ายเขาอย่างแน่นอน

และยิ่งลู่เฉินเป็นแบบนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเขาแทบจะไม่สามารถจับต้องมันได้เลย

“ไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ พวกเราก็แค่อยากจะเชิญคุณจางไปกับพวกเราสักหน่อย” ซ่งไห้ส่งยิ้มเล็กๆไปยังจางดาวเรน

“หมายความว่ายังไง? ลู่เฉินจะลักพาตัวฉันเหรอ?” จางดาวเรนหน้าซีดทันที เขากำลังคาดการณ์ว่าลู่เฉินต้องการจะข่มขู่ให้เขาไปขอร้องคุณปู่ ให้บ้านจางวางมือจากเรื่องนี้ซะ ไม่ เขาจะไม่มีทางไปกับพวกมันอย่างแน่นอน

“ไม่ใช่ครับ คุณลู่แค่อยากจะเลี้ยงอะไรตอบแทนคุณจางนิดหน่อย” ซ่งไห่ยังคงส่งยิ้มให้บุคคลตรงหน้าไม่หยุดหย่อน

“ถ้าฉันไม่ไปล่ะ?” จางดาวเรนส่งยิ้มเยือกเย็นตอบกลับไป เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าซ่งไห่จะกล้าถึงขนาดที่จะมาลักพาตัวเขาในตอนกลางวันแสกๆแบบนี้

“ไม่ไป?”

รอยยิ้มที่เคยปรากฏบนใบหน้าของซ่งไห่หายไปทันที เขาใช้สายตาคมจับจ้องไปยังร่างของจางดาวเรนเพียงชั่วครู่ และจัดการใส่แว่นดำลงอย่างเช่นในตอนแรก

“จะให้ดื่มเหล้าฟรีๆไม่ชอบซะแล้ว ผมจะทำยังไงดีนะ”

เมื่อซ่งไห่พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินออกไปข้างนอกทันที และบรรดาชายชุดดำที่อยู่ที่ด้านหลังต่างก็กันกรูเข้ามาจับตัวจาวดาวเหรินและผลักเขาให้เดินออกไปข้างนอก

ในช่วงเวลาระทึกช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นจางดาวเรนหรือบุคคลที่น่าเคารพนับถือในบริษัทบ้านจางที่เห็นเหตุการณ์ก็ต่างพากันหน้าถอดสี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์