บทที่ 301 กงสุลใหญ่ – ตอนที่ต้องอ่านของ คุณพ่อสายเปย์
ตอนนี้ของ คุณพ่อสายเปย์ โดย ลู่ลู่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 301 กงสุลใหญ่ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 301 กงสุลใหญ่
วันที่สอง ลู่เฉินได้เดินทางมาในเนปิดอคนเดียว ตรงไปที่สถานทูตเลยทีเดียว
"หยุด ทำอะไร?”ยามได้หยุดลู่เฉินไว้ไม่ให้เขาเข้าไป
"ผมหามาท่านกงสุลใหญ่จิง” ถูกยามห้ามไว้ ลู่เฉินได้พูดคนที่เขาต้องการมาหา
ท่านกงสุลใหญ่จิงชื่อจิงจื่อจวิน เป็นกงสุลใหญ่ของ สถานทูตจีนในเมียนมาร์
เมื่อคืนหลังจากที่ลู่เฉินติดต่อกับเซ่ซูเจี๋ยเสร็จ เซ่ซูเจี๋ย ก็ได้ติดไปยังเมืองหลวง แล้วเอาเบอร์จิงจื่อจวินให้เขา ก่อนเขาจะมาเขาก็ได้โทรหาจิงจื่อจวินแล้ว
"คุณคิดว่าใครหน้าไหนก็จะเข้าไปเจอกงสุลใหญ่จิงเหรอไง?” ยามทองดูลู่เฉิน แล้วพูด
ลู่เฉินก็ได้ทองยาม ขี้เกียจคุยกับยาม จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมที่จะโทรหาจิงจื่อจวิน
เขาเพิ่งกดโทรออก ก็ได้ยินเสียงโทรเข้าดังมาแต่ไกล จากนั้นก็ได้มีชายชุดสูทวัยกลางคนเดินออกมาจากข้างใน
"สวัสดีครับท่านกงสุลใหญ่”เมื่อเห็นชายวัยกลางคน ยามทั้งสองก็ทักทายชายวัยกลางคน
"ใช่คุณลู่หรือเปล่า?” ชายวัยกลางคนพยักหน้า จากนั้นก็ถามลู่เฉิน
"ท่านคือกงสุลใหญ่จิง ผมลู่เฉินครับ” ลู่เฉินวางสาย แล้วมองคนวัยกลางคน
ชายวัยกลางคนเก็บโทรศัพท์ รีบยื่นมือออกไป: “ผมเองจิงจื่อจวิน คุณลู่เชิญครับ”
รู้ว่าลู่เฉินเป็นเพื่อนกับเซ่ซูเจี๋ย จิงจื่อจวินจึงกระตือรือร้นต่อลู่เฉินมาก
ถานะตำแหน่งของเขา ดูต่ำต้อยมากเมื่อเทียบกับเซ่ซูเจี๋ย
ลู่เฉินและจิงจื่อจวินจับมือต่อจากนั้นก็เดินเข้าไปข้าใน
ยามทั้งสองเห็นท่าทางของจิงจื่อจวินที่มีต่อลู่เฉินแล้ว สีหน้าดูแย่ทันที
เมื่อกี้พวกเขายังดูถูกลู่เฉิน ยังไม่ถามอะไรให้ชัดเจนก็ห้ามลู่เฉินไว้ หากลู่เฉินไปฟ้องจิงจื่อจวิน พวกเขาตายแน่
แต่ว่าเหมือนพวกเขาจะคิดมากเกินไป
นอกซะจากวันลู่เฉินไม่มีงานไรทำจนเบื่อ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงยังมีเวลามาคุยกับพวกเขา
"ณลู่ คุณก่าว่าจะมาลงทุนในเมียนมาร์เหรอ?” พอถึงห้องทำงาน ในขณะที่จิงจื่อจวินกำลังเทน้ำให้ลู่เฉินเขาก็ถาม
ลู่เฉินรับถ้วยน้ำชาที่ยื่นมา แล้วพยักหน้า: “อืม พูดจริงๆ ผมได้กำจัดกองทัพมังกรดำแล้ว ตอนนี้ผมเป็นคนควบคุมดูแล ผมต้องการพูดคุยกับประธานาธิบดีของพวกเขา”
"หา?”จิงจื่อจวินคกตะลึง ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เมื่อคืนที่กำจัดกองทัพมังกรดำคือคุณลู่เหรอ?”
ลู่เฉินพยักหน้า
เห็นลู่เฉินยืนยันอีกครั้ง หัวใจของจินจื่อจวินสั่นสะท้าน
เขามาเมียนมาร์สี่ปี และเขาเองก็ชัดเจนมากกับสถานการณ์เมียนมาร์ ถึงแม้ว่าขุนศึกตระกูลอังจะรวบรวมเนปิดอเป็นประเทศพม่าแล้ว แต่ในขณะเดียวกันยังมีขุนพลอีกหลายคน ลำพังขุนศึกเหล่านี้ถึงแม้จะแข็งแกร่งเท่าขุนศึกตระกูลอัง แต่หากรวมมือกัน บ้านอังก็ไม่ใช่คู่แข่งแน่นอน*
ดังนั้นตระกูลอังจึงเลือกที่จะร่วมมือกับขุนศึกทั้งหลาย เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน
แม้ว่ากองทัพมังกรดำที่กล้าหาญจะไม่แข็งแกร่ง แต่อาวุธของมันก็ไม่ได้อ่อนแอเมื่อเทียบกับขุนศึกคนอื่น ๆ ฉะนั้นตระกูลอังจึงไม่เคยดูถูกพวกเขา
พูดเส็จอีกฝ่ายก็วางสาย
"คุณลู่ ผมว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก”หลังจากที่อีกฝ่ายวางสาย จิงจื่อจวินก็ได้พูดกับลู่เฉิน
"อืม ขอบคุณมากครับ เออใช่แล้ว วันนี้ท่านกงสุลยุ่งไหม?” ลู่เฉินพยักหน้าถาม
จินจื่อจวินสะดุ้งและยิ้มตอบ: “ผู้คนจากประเทศของเรามาที่นี่ค่อนข้างราบรื่น พวกเราก็สบาย เดือนหึ่งมีข้อพิพาทแค่ไม่กี่ครั้ง”
ลู่เฉินยิ้มตอบ: “งั้นดีเลย ผมขอเชิญชวนทุกท่านร่วมรับประทานอาหาร ท่านจัดการเลย”
หากเขาต้องการมาพัฒนาเมียนมาร์ในอนาคต สิ่งอำนวยความสะดวกมากมายหลายอย่างที่ต้องการความช่วยเหลือจากจินจื่อจวิน ฉะนั้นลู่เฉินจึงเตรียมตัวเข้าใกล้ชิดกับจินจื่อจวินให้มากขึ้น
จิงจื่อจวินยิ้มตอบ: “เกรงใจจริงๆครับ”
ลู่เฉินยิ้ม: “ได้พบเพื่อนร่วมชาติไม่กี่คนในต่างประเทศ นี่มันเป็นเรื่องที่ควรอยู่แล้ว อีกย่างกงสุลใหญ่และคนอื่นๆได้มาทำงานในต่างดินแดน ก็ลำบากเหมือนกันครับ”
จิงจื่อจวินพยักหน้า : “งั้นก็ขอบคุณคุณลู่มากครับ”
พูดเสร็จเขาก็ได้ไปตัดการ อย่างไรก็ตามมีการจัดบุคลากรที่สำคัญเพียงไม่กี่คน มีกงสุลรอง กงสุลเลขานุการ ฯลฯ ซึ่งรวมตัวกันเกือบเต็มโต๊ะหนึ่ง
ในขณะที่ลู่เฉินและเหล่าจิงจื่อจวินไปทานข้าว ทำเนียบประธานาธิบดีเนปิดอว์ ขณะนี้ประธานาธิบดีได้เรียกกลุ่มผู้นำพม่าเพื่อประชุมฉุกเฉิน
เรื่องที่ลู่เฉินได้ฆ่ามังกรดำ ควบคุมกองทัพมังกร ทำให้เหล่าผู้นำอึ้งไปหมด
สิ่งสำคัญที่สุดคือคนที่ควบคุมกองทัพมังกรดำเป็นคนจีน
และตอนนี้ทีลู่เฉินหาพวกเขาเจรจา พวกเขาจะมองข้ามมันไปไม่ได้ จึงได้รีบจัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการรับมือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์