คุณพ่อสายเปย์ นิยาย บท 334

บทที่ 334 ชดเชยสิ่งเสียดายในอดีต

หลังจากกินข้าวเที่ยงกันเสร็จ คนของบริษัทต่างลากลับแล้ว วันนี้พวกเขาไม่เพียงแค่มาคารวะสวัสดีปีใหม่กับลู่เฉินคนเดียว แต่มาสวัสดีปีใหม่กับลู่เฉินก่อน

หลี่ชิงเฉิงก็จากไปเช่นกัน ทั้งกระบวนการไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องการร่วมมือกันแม้แต่นิด

แต่เฉินกวงซิงได้คุยส่วนตัวกับลู่เฉินไปสักพักหนึ่ง เฉินกวงซิงแนะนำให้ลู่เฉินก่อตั้งองค์กรทางธุรกิจขึ้นมาแหล่งหนึ่ง อย่างนี้ก็จะสามารถรวมพลังธุรกิจที่กระจัดกระจายของยวี่โจวมาเป็นหนึ่งเดียวได้ มีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองยวี่โจว

ตระกูลเฉินมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเมืองยวี่โจว ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งเหตุผลที่พวกเขาสามารถดำรงตำแหน่งเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองยวี่โจวได้

เฉินกวงซิงมีความหวังอย่างหนึ่งอยู่ในใจตลอด ก็คือหวังว่ามีสักวันหนึ่งเจ้าของธุรกิจของเมืองยวี่โจวรวมตัวกันสร้างความสามัคคีขึ้นมา อย่างนี้ก็จะสามารถลดอัตราการแข่งขันที่ไม่ยุติธรรมลงไป ให้เศรษฐกิจของเมืองยวี่โจวสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว

แต่ว่าสิบปีที่แล้วมีกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยอยู่เหนือพวกเขา ตอนนี้ยังมีเทคโนโลยีอี้ฉีเป็นกลุ่มมหาอำนาจอีก

แม้ว่าก่อนหน้านี้กลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยมีการลองทำแล้ว เช่นการเข้าหุ้นบริษัทของพวกเขา แต่ความสามารถยังอ่อนไปหน่อย

เทคโนโลยีอี้ฉีในตอนนี้ ได้กำไรหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่เพียงแค่YQ-01และเครื่องบินรบรุ่นที่หกที่พวกเขาเพิ่งผลิตออกมา ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเป็นกลุ่มมหาอำนาจของเมืองยวี่โจวสิบปีขึ้นไป

แถมเทคโนโลยีอี้ฉีสามารถได้รับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ภายในครึ่งปีสั้นๆด้วย เฉินกวงซิงเชื่อว่าเทคโนโลยีอี้ฉีในอนาคต ต้องยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆแน่นอน

และเขาก็เชื่อว่าคนทั้งเมืองยวี่โจว ขอให้คนที่สมองหน่อย แน่นอนต้องเห็นถึงจุดนี้ด้วย

ดังนั้น ถ้าเวลานี้เทคโนโลยีอี้ฉีออกมานำพาเศรษฐกิจของเมืองยวี่โจว จะได้รับความสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่แน่นอน

ขอให้มีคนครึ่งส่วนสนับสนุนและเข้าร่วมมา นั้นการก่อตั้งองค์กรณ์ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว

สำหรับคำแนะนำของเฉินกวงซิง ลู่เฉินบอกว่าพวกเขาจะพิจารณาอย่างจริงจังก่อน

ถ้าพูดตามตรง เวลานี้เขาไม่มีพลังไปบริหารองค์กรณ์แหล่งหนึ่ง เพราะตอนนี้ใจของเขาไม่ได้จำกัดอยู่เพียงกำไรเพียงเล็กน้อย

ในมือของเขามีเทคโนโลยีชั้นนำมากขนาดนั้น เขาต้องการส่งเสริมเทคโนโลยีเหล่านี้โดยเร็วที่สุด จากนั้นให้อารยธรรมโลกก้าวเข้าสู่อารยธรรมระดับ1.0ล่วงหน้า

ถ้าแบ่งตามระดับความเจริญก้าวหน้าทางอารยธรรมของคาร์ดาเชฟ สเกล ตอนนี้อารยธรรมของโลกเรายังอยู่ระดับ0.7 แม้กระทั่งดาวเคราะห์ดาวอังคารที่อยู่ใกล้โลกยังไปไม่ถึงเลย

ลู่เฉินก็อยากจะดูว่า โลดที่เข้าสู่อารยธรรม1.0 จะสามารถเดินออกไปสู่ระบบสุริยะ

แต่ในเมื่อเฉินกวงซิงเสนอออกมาอย่างจริงจังแล้ว เขาก็จะลองพิจารณาดูก่อน

พอคนพวกเฉินกวงซิงจากไปหมดแล้ว ครอบครัวของลู่เฉินก็ออกเดินทางต่อ เป้าหมายคือไปเที่ยวที่เมืองต้าหลี่

หลังจากเขาแต่งงานกับหลินอี้จุนแล้ว ยังไม่เคยพาเธออกไปเที่ยวที่ไหนเลย พอดีฉวยโอกาสวันหยุดปีใหม่นี้ ออกไปเที่ยวให้สนุก

จากเมืองยวี่โจวไปที่เมืองต้าหลี่ไม่ค่อยไกล ดังนั้นลู่เฉินเลือกที่จะขับรถไปเที่ยวเอง

ยังสามารถรับชมทิวทัศน์ระหว่างทางได้ด้วย

แน่นอนว่าเขามีเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวอยู่แล้ว เขาก็ขับเป็นด้วย แต่เขาเลือกที่จะขีบรถดีกว่า

เพราะยังไงปีใหม่นี้เขาหยุดให้ตัวเองเจ็ดวัน พอดีสามารถใช้เจ็ดวันนี้มาอยู่กับลูกสาวและภรรยา

ตอนถึงเมืองต้าหลี่ ก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว เลยต้องจองโรงแรมพักผ่อนก่อน

"สถานที่ที่น่าท่องเที่ยวในต้าหลี่มีที่ไหนบ้าง คุณได้ตรวจค้นมาก่อนหรือยัง?"ภายในโรงแรม หลินอี้จุนถามลู่เฉิน

ลู่เฉินกำลังเอาโทรศัพท์มาตรวจค้นอยู่

เขาก็เป็นครั้งแรกที่มาเมืองต้าหลี่เช่นกัน เลยไม่รู้ว่าที่นี่มีอะไรน่าเที่ยว แต่รู้ว่าที่นี่เป็นสถานที่น่าท่องเที่ยวติดอันดับต้นของประเทศ

"พรุ่งนี้เราไปภูเขาชางซานชมทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ก่อน ได้ข่าวว่าภายในทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ยังมีเกาะเฟินฉินอยู่ด้วย สนุกดีนะ"ลู่เฉินพิงอยู่บนเตียง ฉีฉีนอนหลับไปในอ้อมอกของเขาตั้งนานแล้ว

"เออ"หลินอี้จุนพยักหน้า เธอก็เป็นครั้งแรกที่มาเมืองต้าหลี่

วันที่สอง ทั้งสองคนออกจากบ้าน เตรียมขับรถไปที่ภูเขาชางซาน ในขณะที่หยุดรอไฟแดงอยู่ สติของหลินอี้จุนลอยไปกับภาพพรีเวดดิ้งที่อยู่ข้างหน้า

ลู่เฉินเผลอไปเห็นสายตาของหลินอี้จุน ยิ้มออกมา หลังจากผ่านจากไฟแดง ก็ขับรถไปที่ตึกจำหน่ายชุดแต่งงาน

"คุณมาทำอะไรที่นี่?"หลินอี้จุนตะลึงเล็กน้อย และถาม

ตามจริงเธอก็เดาความในใจของลู่เฉินออกแล้ว

ปีนั้นที่แต่งงานกับลู่เฉิน เนื่องจากแม่เธอปฏิเสธ ไม่ให้เธออยู่กับลู่เฉิน เธอเลยขโมยทะเบียนบ้านออกมา และไปจดทะเบียนสมรสกับลู่เฉินที่สำนักงานเขต จากนั้นทั้งสองคนก็แต่งงานกัน

ไม่ได้ทำพิธีแต่งใดๆ และช่วงหลายปีนี้ก็ไม่เคยได้ถ่ายภาพพรีเวดดิ้งทีหลังด้วย

บางครั้งที่หลินอี้จุนเดินผ่านร้านจำหน่ายชุดแต่งงาน ใจก็ลอยไปด้วย

การที่ใส่ชุดแต่งงานเดินในหอประชุมคือการแต่งงานที่มีความสุขที่ผู้หญิงทุกคคล้วนใฝ่ฝัน หลินอี้จุนก็ไม่แตกต่างไปด้วย

"วันนี้เราไปถ่ายภาพพรีเวดดิ้งกัน"พอลู่เฉินจอดรถเสร็จก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

"โอเค"หลินอี้จุนยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก ก็พยักหน้ายินยอม

"สองท่านมาถ่ายภาพพรีเวดดิ้งหรอคะ"พอทั้งสองคนเพิ่งเดินเข้ามาในร้านชั้นห้า เจ้าของร้านก็ขึ้นมาต้อนรับ

เจ้าของร้านเป็นผู้หญิงอายุสามสิบกว่า แต่งกายได้ทันสมัย เสน่ห์ยังคงอยู่

แต่พอเขาเห็นถึงฉีฉีที่อยู่ในอ้อมแขนของลู่เฉิน ก็รู้แล้วว่าสองคนนี้คือมาถ่ายภาพพรีเวดดิ้งทีหลีง

สถานการณ์แบบนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ยากจน แม้กระทั่งโต๊ะจีนยังไม่มีเงินจัดเลย ตอนนี้พอมีเงินหน่อยจึงมาถ่ายภาพพรีเวดดิ้งทีหลัง

ดังนั้นเพียงแค่ตาเดียวเธอก็รู้อยู่แล้วว่าคนอย่างลู่เฉินคงไม่มีเงินเลือกชุดแต่งงานที่สวยๆหรอก

โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าแม้หน้าตาของลู่เฉินหล่อมาก แต่เสื้อผ้าที่ใส่ก็ไม่ใช่ยี่ห้อหรูอะไร ความกระตือรือร้นในตัวของเธอก็น้อยลงเยอะมาก

"เออ"หลินอี้จุนพยักหน้า สายตาถูกชุดแต่งงานที่สวยมากชุดหนึ่งดึงดูด โดยเฉพาะเมื่อสายตาของเขาเห็นถึงชุดที่สวยงามที่สุดในร้าน ก็ยิ่งไม่ยอมจะย้ายออกไปที่อื่น

"คนสวย สายตาของคุณนี่ช่างสุดยอดหรือเกิน ชุดแต่งงานชุดนี้เป็นชุดที่มีค่าที่สุดในร้าน คุณสนใจหรือ?"เจ้าของร้านเดินมาถึงข้างหลินอี้จุนและถาม

ลูกค้่ที่มาที่ร้านทุกคน ส่วนใหญ่จะถูกความสวยงามของชุดแต่งงานชุดนี้ดึวดูด แต่เมื่อได้ยินราคาของมัน ล้วนต้องละทิ้งมันไป

ดังนั้นเจ้าของร้านจึงคิดว่าหลินอี้จุนไม่มีเงินจะซื้อไหว

"ไม่น่าทำไมสวยขนาดนี้"หลินอี้จุนทอดถอนใจออกมา

"แน่นอนอยู่แล้ว ชุดแต่งงานชุดนี้เป็นชุดที่ออกแบบขึ้นมาโดยปรมาจารย์ชั้นนำในประเทศ ทั้งมณฑลมีแค่ชุดเดียว ใช้เวลาทำหนึ่งปีเต็มๆ เย็บทีละเข็มทีละเส้น แต่ว่าราคาค่อนข้างแพง ถ้าคุณชอบสไตล์แบบนี้ ฉันสามารถแนะนำให้คุณชุดอื่นที่มีสไตล์คล้ายกันกับชุดนี้"

เจ้าของร้านไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกหลินอี้จุน แต่เป็นเพราะเธอได้ผ่านประสบการณ์แบบนี้มามากมาย พอพูดราคาออกมาแล้ว ลูกค้าจะละทิ้งมันเอง ดังนั้นเธอเลยขี้เกียดอธิบายชุดนี้มาก

ประสบการณ์ในการมองคนของเธอนั้น โดนทั่วไปแล้วจะแม่นยำมาก

"เช่ามาถ่ายครั้งหนึ่งต้องใช้เงินเท่าไหร่?"หลินอี้จุนพยักหน้า และถาม

"ขอโทษจริงๆค่ะ ชุดนี้ขายอย่างเดียวค่ะไม่เช่า เพราะราคาแพงมาก ถ้าทำขาดทำเสียหายฉันก็รับผิดชอบไม่ได้"เจ้าของร้านส่ายหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม

"ราคาเท่าไหร่?"พอดีในเวลานี้ ลู่เฉินถามขึ้นมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์