คุณพ่อสายเปย์ นิยาย บท 372

บทที่ 372 เกมที่พลิกผัน

การแข่งขันเริ่มขึ้นในไม่ช้า ทีมซือเวยเต็มไปด้วยความมั่นใจกับการจัดการบอลในรูปแบบต่างๆ ทั้งการรุก การป้องกันและทั้งหมดนี้ก็ทำได้อย่างดียิ่ง

ในทางกลับกันทีมจงไห่เนื่องจากถูกทีมซือเวยเอาชนะไปได้ 2 ประตู จึงทำให้ผู้เล่นทุกคนรู้สึกหดหู่และหมดความหวัง อีกทั้งยังมีความขัดแย้งกันภายในด้วย

ทั้งกองหลังและผู้รักษาประตูต่างตำหนิกองกลางว่าไม่มีประโยชน์ และทำให้บอลถูกทีมซือเวยสกัดไว้จึงทำให้เกิดผลตามหลังมา

ผลที่ตามมาก็คือทีมจงไห่เสียเกมอย่างสิ้นเชิง กองหลังเองก็ไม่ส่งบอลให้กองกลาง แต่กลับส่งบอลไปให้กองหน้า

กองหน้าของพวกเขาถูกล้อมรอบไปด้วยทีมซือเวย พวกเขาจะมีโอกาสได้บอลได้ยังไงกัน?

สถานการณ์ใน ตอนนี้ก็คล้ายกับครึ่งแรกที่ทีมจงไห่ล้อมทีมซือเวยเอาไว้

ทีมซือเวยทุกคนกดดันทีมจงไห่ และพวกเขาพยายามมองหาโอกาสอยู่เสมอ

ในการแข่งขันนาทีที่ 87 หลังการพยายามยิงประตูอยู่ 10 กว่าครั้ง ในที่สุดทีมซือเวยก็ได้ยิงจากจุดลูกโทษทะลุประตูเข้าไป

“เข้าแล้ว!!!”

ทันใดนั้นแฟนๆก็กรีดร้องกันขึ้นมาอีกครั้ง

คราวนี้ลู่เฉินไม่ได้นั่งนิ่งอีกต่อไป เขากระโดดขึ้นมาและตะโกนด้วยความดีใจ

ในครั้งนี้ลู่เฉินไม่ได้สร้างความกดดันให้กับสมาชิกทีมซือเวย เขากำมือแล้วชูขึ้นตะโกนออกไป

สมาชิกทีมซือเวยได้ฉลองกันอย่างสนุกสนานสักที ผู้ที่ทำประตูได้วิ่งไปรอบสนามและส่งเสียงตะโกนออกมาด้วยความดีใจ แฟนๆทุกคนก็โห่ร้องเสียงอึกทึก

ครั้งนี้หัวหน้าโค้ชไม่สนใจอะไรอีกต่อไปเขาวิ่งลงไปที่ในสนามและกอดกับผู้เล่นด้วยความดีใจ ผู้เล่นสำรองและผู้เล่นคนที่ บาดเจ็บก็เดินเข้าไปฉลองกับเพื่อน

พวกเขาพลิกสถานการณ์ได้แล้ว!!!

พวกเขาโต้ตอบกลับไปสำเร็จ!!!

แม้ว่าการแข่งขันจะยังเหลือเวลาอยู่อีกหลายนาที แต่ ณ บัดนี้ใครๆก็คิดว่าทีมจงไห่ไม่อาจทำแต้มให้เสมอกันได้

ตอนนี้สีหน้าของหูชอนมืดลงในทันที เขาขาอ่อนนั่งลงไปที่เก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรง

ทีมฟุตบอลของเขา......

ทีมที่มีมูลค่าทางตลาดกว่า 2 ร้อยล้าน......!

ต้องพ่ายแพ้มอบให้แก่ลู่เฉินอย่างนี้หรือ?

เขาไม่ยอม!

นี่มันไม่ต่างอะไรกับการล้มละลายเลย!!!

ในครั้งนี้สมาชิกในทีมซือเวยดีใจฉลองกันอยู่ 3 นาทีเต็ม กระทั่งกรรมการเป่านกหวีดเรียกพวกเขาไป พวกเขาจึงได้หยุดลง

ยังเหลือเวลาอยู่อีกในช่วงท้ายแม้เพียงแค่ไม่กี่นาที แฟนๆทุกคนก็ยังมีความกังวลอยู่เล็กน้อย

หากเวลาที่เหลืออยู่ถูกทีมจงไห่ทำประตูได้ ถ้าอย่างนั้นที่พวกเขาพยายามมาก็ล้มเหลว

ทุกคนยืนดูการแข่งขันนั้น ลู่เฉินเองก็ยืนดูอย่างนั่งไม่ติด จนกระทั่งการแข่งขันจบลง

เนื่องจากทีมซือเวยเฉลิมฉลองอยู่หลายนาที ดังนั้นผู้ตัดสินจึงได้เพิ่มเวลาอีก 5 นาที ซึ่งทำให้แฟนของทีมซือเวยรู้สึกไม่พอใจและทั้งสนามก็โห่ไล่ผู้ตัดสิน

แต่นี่ไม่ได้เป็นโอกาสที่ให้ทีมจงไห่กลับมาพลิกผันสถานการณ์ได้แม้แต่น้อย เนื่องจากพวกเขาได้ใช้แรงและกำลังทั้งหมดที่มีในการเล่นที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว พวกเขารู้สึกไม่พอใจมากและเตะกองหน้าของทีมซือเวยเสียจนล้ม จึงทำให้ทีมซือเวยได้รับการเตะจุดลูกโทษ

ทีมซือเวยเพียงเตะบอลเบาๆก็สามารถเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ผู้ตัดสินไม่รอรี รีบเป่านกหวีดเพื่อทำการจบเกม

ณ วินาทีนั้น ผู้แข่งขันทุกคนลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น พวกเขาหมดแรงแล้วจริงๆ หลายคนที่ขาเป็นตะคริว มีเพียงนักกีฬาไม่กี่คนที่ยืนหยัดจนวินาทีสุดท้าย

เสียงนกหวีดดังขึ้น พวกเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงล้มลงไปกองที่พื้น

คนที่ลงไปกองอยู่ที่พื้นยังรวมถึงหูชอนอีกด้วย

ทีมฟุตบอลของเขาแพ้แล้วจริงๆ......

ทีมของพวกเขาเสียประตูติดๆกัน นี่มันยิ่งกว่าหายนะเสียอีก!

เมื่อการแข่งขันจบลงแต่แฟนๆทุกคนยังไม่ได้จากไป

ลู่เฉินเดินเข้าไปยังห้องล็อกเกอร์เพื่อแสดงความยินดีกับผู้เล่นทุกคนที่พวกเขาสามารถทำให้เกิดปาฏิหาริย์ได้ และบอกกับพวกเขาว่าหลังจากนี้ 1 ชั่วโมงให้ไปกินอาหารเย็นด้วยกัน

ลู่เฉินโทรศัพท์ไปหาผู้จัดการร้านหยก 36 ให้จัดเตรียมห้อง VIP เอาไว้ 2-3 ห้อง จากนั้นเดินออกจากห้องล็อกเกอร์ไป

ในวันนี้สมาชิกของหอการค้าทุกคนมาร่วมเป็นแรงใจสนับสนุนเขา ดังนั้นเขาจึงต้องเชิญทุกคนมากินอาหารด้วย

เมื่อได้ยินว่าลู่เฉินจะเลี้ยงข้าว พวกเขาทุกคนก็ยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่

แม้ว่าหลายๆคนจะไม่ได้ชอบดูฟุตบอล แต่การแข่งขันในวันนี้บอกได้เลยว่าทีมซือเวยเตะออกมาได้ดีมากในครึ่งหลัง และแสดงออกถึงศักดิ์ศรีของชาวยวี่โจวได้อย่างดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งหลัง แฟนเพลงแฟนฟุตบอลทุกๆคนโห่ร้องด้วยความยินดี ทำให้บอสใหญ่เหล่านี้ก็รู้สึกสนุกไปด้วย

หลังจากพวกเขาตะโกนโห่ร้อง จึงได้รู้สึกว่าคล้ายกับได้ระบายความรู้สึกออกมา และช่างสดชื่นจริงๆ ความกดดันที่พวกเขามีมาระหว่างวันได้ถูกปลดปล่อย

อีกทั้งบอสใหญ่หลายๆรายยังคิดที่จะซื้อทีมฟุตบอลอีกด้วย

หลังจากที่ลู่เฉินมาพบกับผู้คนจากหอการค้า เขาก็เห็นว่าหูชอนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปจึงเลิกคิ้วและพูดว่า “คุณหูชอน หวังว่ายังจำการเดิมพันของเราได้นะครับ ภายใน 2 วันนี้ผมจะเดินทางไปหาคนที่จงไห่ด้วยตัวเอง”

เมื่อได้ยินคำพูดของลู่เฉิน หูชอนก็รู้สึกตัวสั่นจนแทบจะลงไปกองอยู่ที่พื้น

“คุณโอนทรัพย์สินทั้งหมดออกไปก่อนก็ได้ ผมเพียงแค่ต้องการทีมฟุตบอลเท่านั้น” ลู่เฉินไม่ได้บีบบังคับเขาเสียจนหมดหนทาง เขาเพียงแค่ต้องการสมาชิกของทีม เมื่อคิดดูแล้วทีมที่มีชื่อเสียงขนาดนี้คาดว่าคงมีมูลค่าทางทรัพย์สินไม่ต่ำกว่าหลายร้อยล้าน ก็ถือว่าเป็นการให้โอกาสหูชอนด้วย

อย่างไรเสียเขาก็ไม่ขาดแคลนเงินจำนวนนั้น

เมื่อได้ยินคำพูดของลู่เฉิน หูชอนก็รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย เนื่องจากทีมฟุตบอลของเขามีมูลค่ากว่า 200 ล้าน ซึ่งเดิมทีเขาเตรียมไว้สำหรับซื้อตัวนักฟุตบอลในฤดูกาลหน้า

หากลู่เฉินไม่ได้พูดออกมาเขาก็คงไม่กล้านำเงินจำนวนนี้ออกไป

แม้ว่าเขาจะต้องสูญเสียทีมฟุตบอลไปทั้งทีม แต่อย่างน้อยเงินทุนกว่า 200 ล้านก็ยังอยู่ เขายังมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นมาใหม่

“ขอบคุณประธานลู่ที่เห็นใจผม ผมรู้สึกซึ้งใจมากจริงๆ” หูชอนทำความเคารพลู่เฉิน

การที่เขายอมก้มหัวโค้งคำนับในครั้งนี้ออกมาจากใจจริง

ถ้าเป็นคนอื่นใครจะมานั่งสนใจการเป็นอยู่ของเขากัน? เกรงว่าเงินแม้แต่บาทเดียวก็คงไม่ให้เขาเอาออกไปจากทีม

ลู่เฉินยักไหล่และไม่ได้พูดอะไรอีก

มิน่าเล่า......เถ้าแก่ทีมฟุตบอลจงไห่ถึงมีท่าทางสลดหดหู่เช่นนั้น

ที่แท้ลู่เฉินต้องการจะซื้อทีมเขานั่นเอง เขาจะกล้าไม่ขายให้เชียวเหรอ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์