คุณพ่อสายเปย์ นิยาย บท 374

บทที่374 สร้างฐานอำนาจในจงไห่

“ได้ค่ะ ฉันจะรีบไปจัดการทันทีค่ะ” เสี่ยวซู่ถิงพยักหน้ารับแล้วพูด

“อืม จริงสิ คุณวางานในมือไว้ก่อน แล้วไปที่จงไห่กับผม หลังจากนี้ผมจะให้คุณเป็นคนรับผิดชอบRare Earth Group คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อม” ลู่เฉินพูด

เสี่ยวซู่ถิงดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะรีบพยักหน้าอย่างแรง

บอกตามตรง ถึงแม้เธอจะเป็นรองประธานของบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉี แต่ตำแหน่งที่สูงกว่าเธอยังมีวังเหว่ยอยู่ ในเรื่องบางอย่างเธอยังตัดสินใจด้วยตัวคนเดียวไม่ได้

ครั้งนี้ลู่เฉินให้เธอเป็นคนรับผิดชอบRare Earth Group นั่นหมายความว่าเธอจะมีอำนาจในการจัดการทุกอย่าง

Rare Earth Groupเป็นถึงบริษัทขนาดใหญ่ที่มีการลงทุนเป็นหมื่นล้าน ถึงแม้จะเทียบกับบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีสาขาใหญ่ไม่ได้ แต่ก็ยังดีกว่าต้องเป็นรองคนอื่นไปตลอด

เดิมทีเสี่ยวซู่ถิงก็เป็นผู้หญิงที่ชอบเอาชนะ การตัดสินใจในครั้งนี้ของลู่เฉิน ทำให้เธอรู้สึกดีใจมาก ตอนที่เครื่องบินส่วนตัวของลู่เฉินมาถึงจงไห่ ก็เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว แต่เขายังไม่คิดจะไปคุยกับหูชอนเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์สโมสรฟุตบอล เขาตั้งใจจะไปคุยกับอีกฝ่ายอีกทีในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้เวลาหูชอนเตรียมตัวก่อนสักเล็กน้อย

การมาที่จงไห่ครั้งนี้ ลู่เฉินได้พาทีมงานมาด้วยหนึ่งกลุ่ม โดยส่วนใหญ่เป็นคนที่เสี่ยวซู่ถิงคัดเลือกด้วยตัวเอง

และคนเหล่านี้ล้วนเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของRare Earth Groupในอนาคต ลู่เฉินเคยบอกไว้ว่าจะยกRare Earth Groupให้เสี่ยวซู่ถิงเป็นคนรับผิดชอบ ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องการเลือกทีมงานของ เสี่ยวซู่ถิงแค่เธอบริหารบริษัทให้เขาให้ดีก็พอแล้ว

เวลาที่นัดกับหลิวจิงคือตอนหนึ่งทุ่ม ทั้งสองคนจึงไปกินข้าวด้วยกันที่โรงแรมจงไห่ เป้าหมายหลักคือคุยกันเรื่องโครงการและแผนงานต่างๆที่เขาจะเข้ามาลงทุนที่จงไห่

สำหรับเรื่องที่ลู่เฉินจะมากระจายธุรกิจที่จงไห่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหลิวจิงดีใจมากแค่ไหนกับเรื่องนี้ ตอนที่ลู่เฉินอยู่ที่ยวี่โจวเพียงแค่ครึ่งปี ก็ทำให้เซ่เว่ยเหา ได้รับความสำเร็จทางการเมืองเป็นอย่างมาก เมื่อก่อนเซ่เว่ยเหาเคยแข่งขันกับเขาเพื่อแย่งพื้นที่บริเวณจงไห่มาก่อน ในเขาเขาเอาชนะเซ่เว่ยเหาในตอนสุดท้าย แต่ถ้าเขากลับไปที่เมืองหลวงด้วยผลงานในตอนนี้ เขารู้ว่าเขาได้ตกเป็นรอง เซ่เว่ยเหาไปแล้วไม่น้อย

เดิมทีในใจเขาเริ่มรู้สึกยอมแพ้ไปแล้ว แต่การมาของลู่เฉินในครั้งนี้ ทำให้ความหวังที่เขาจะสามารถเอาชนะเซ่เว่ยเหากลับขึ้นมาลุกโชนอีกครั้ง

การกินอาหารในมื้อนี้ ทั้งสองใช้เวลาไปถึงสองชั่วโมงกว่า เวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับการคุยกันเรื่องการพัฒนาบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีในเวลาสิบปีต่อจากนี้ และการวางแผนกับโครงสร้างองค์ประกอบทั้งหมด

เสี่ยวซู่ถิงกับเลขาของหลิวจิงคอยนั่งจดบันทึกรายละเอียดทั้งหมดอยู่ด้านข้าง

จนมาถึงช่วงแยกย้าย ทั้ง หลิวจิงกับลู่เฉินต่างก็พึงพอใจกับการคุยกันในวันนี้มาก

ความต้องการของลู่เฉินนั้นหลิวจิงล้วนให้คำสัญญากับเขา และหลิวจิงเองก็หวังว่าจะได้เห็นความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีต่อจากนี้

การลงทุนในครั้งนี้ จากที่เริ่มต้นคุยกันที่หนึ่งหมื่นล้าน จึงเพิ่มมาเป็นหนึ่งหมื่นห้าพันล้าน แน่นอนว่านี่เป็นแผนการที่ตั้งไว้ในระยะเวลาสิบปี ในการพัฒนาในช่วงแรกจะเริ่มลงทุนที่หนึ่งหมื่นล้านก่อน ต่อจากนี้ก็เหลือแต่จัดการรับสมัครพนักงานและวางโครงร่างบริษัทให้เข้าที่แล้ว

ถึงแม้ว่าเรื่องพวกนี้ลู่เฉินจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง แต่ช่วงนี้เขาจะยังอยู่ในจงไห่สักพัก

อย่างน้อยการมีเขาอยู่เป็นเสาหลัก การทำงานของเสี่ยวซู่ถิงก็จะราบรื่นและพัฒนาอย่างรวดเร็ว

วันต่อมา หลังจากที่ลู่เฉินติดต่อไปหาหูชอนแล้ว เขากับหลินตงจึงทำการซื้อรถยนต์เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ครั้งนี้เขาพยายามไม่ให้ออกนอกหน้า จึงซื้อแค่แลนด์โรเวอร์ที่ราคาอยู่ที่ประมาณหนึ่งล้านกว่าหยวน สาเหตุหลักที่เลือกซื้อเพราะรถยนต์รุ่นอื่นไม่สามารถขับได้เลยทันที และพวกเขาเองก็ไม่อยากจะรอด้วย

หลังจากซื้อรถยนต์เสร็จ เขาก็เดินทางไปที่ทีมบอลจงไห่ทันที

ถึงแม้จะไม่ใช่คนในพื้นที่จงไห่ แต่หลินตงก็สามารถหาตำแหน่งที่ตั้งของทีมบอลจงไห่เจออย่างรวดเร็ว ในเวลานี้หูชอนได้นั่งรอการมาเยือนของลู่เฉินมาได้สักพักแล้ว พอเห็นลู่เฉินเดินเข้ามา สีหน้าของหูชอนจึงวางหน้าไม่สนิทคล้ายกินของมีรสเฝื่อนเข้าไป

ในช่วงสองวันมานี้ เขาคิดทบทวนอยู่หลายรอบ สุดท้ายเขาถึงได้พบว่า ที่ตนเองสูญเสียสโมสรฟุตบอลไป ทั้งหมดเป็นเพราะเขาหาเรื่องใส่ตัวเองทั้งนั้น

ถ้าเขาไม่เข้าไปยั่วโมโหลู่เฉินครั้งแล้วครั้งเล่า คงไม่ทำให้ลู่เฉินโมโห ถ้าเขาไม่ทำให้ลู่เฉินโมโห ลู่เฉินคงไม่เสนอการเดิมพันในครั้งนั้นขึ้นมา

เขายิ่งคิดยิ่งเสียใจทีหลัง ทั้งรู้สึกเสียใจและรู้สึกไม่อยากยอมแพ้

แต่พอคิดว่าคนที่เขาจะสู้ด้วยคือลู่เฉินประธานบริษัทบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉี ทีจะเข้ามาลงทุนในจงไห่ถึงหนึ่งหมื่นล้านหยวน เขาก็รู้สึกท้อแท้แล้ว

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับบุคคลที่มีอิทธิพลมากถึงขนาดนี้ เขาพบว่าตัวเขาไม่มีทางต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย

ลู่เฉินพิ่งมาถึงจงไห่ ยังไม่ทันได้ลงทุน หลิวซูเจี๋ยก็ทำการต้อนรับลู่เฉินด้วยตัวเอง ส่วนเขาที่พยายามสร้างฐานะอยู่ในจงไห่มายี่สิบกว่าปี มีทรัพย์สืนส่วนตัวยี่สิบกว่าล้าน ยังไม่มีคุณสมบัติพอจะให้บุคคลที่มีอิทธิพลทำการต้อนรับด้วยตัวเองเลย

นี่สินะที่เขาเรียกว่าความแตกต่าง

“สวัสดีครับประธานลู่”พอเห็นเลขาพาลู่เฉินเดินเข้ามา หูชอนรีบลุกขึ้นมาทักทายทันที

“อืม” ลู่เฉินเดินมาหยุดลงตรงหน้าเขา แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะมองไปรอบห้องทำงานอย่างสังเกตการณ์

“ข้อเสนอที่ผมเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ คุณตัดสินใจได้หรือยัง” ลู่เฉินเก็บสายตากลับมา ก่อนจะหันไปถามหูชอน

ก่อนหน้านี้เขาติดต่อหาหูชอน บอกว่าต้องการให้หูชอนมาเป็นผู้จัดการสโมสรฟุตบอลให้เขา รับผิดชอบการดำเนินงานทั้งหมดของสโมสร แต่หูชอนบอกว่าเขาต้องการเวลาพิจารณาเล็กน้อย

สำหรับข้อเสนอของลู่เฉิน หูชอนเองก็เริ่มหวั่นไหวอยู่บ้างแล้ว

เดิมทีเขาก็เป็นคนที่รักในการเล่นฟุตบอลคนหนึ่ง ถ้าต้องออกจากทีมจงไห่ เขาได้แต่ต้องซื้อทีมฟุตบอลระดับกลาง แต่ตอนนี้เขาเหลือทรัพย์สินส่วนตัวแค่สองร้อยล้าน อีกทั้งยังเป็นเงินที่ลู่เฉินใจอ่อนเหลือไว้ให้เขา ไม่อย่างนั้นเขาคงจะหมดตัวไปแล้ว

ทรัพย์สินส่วนตัวสองร้อยล้านเพียงพอแค่ซื้อทีมฟุตบอลระดับกลางแล้ว แต่ถ้าหากไม่มีงบประมาณที่มากพอ เขาก็จะไม่สามารถซื้อตัวนักฟุตบอลฝีมือดีได้ ถ้าไม่มีนักฟุตบอลฝีมือดี ก็ไม่สามารถอัพระดับขึ้นมาได้

ถ้าไม่สามารถเข้าแข่งขันซูเปอร์ลีกได้ งั้นทีมฟุตบอลของเขาก็ยากที่จะได้รับผลกำไรด้วย

“ผมคิดทบทวนแล้วครับ ถึงยังไงผมก็ทำใจออกจากทีมไม่ได้” หูชอนพูด

ทีมจงไห่เป็นทีมที่เขาสร้างขึ้นมา ตลอดยี่สิบกว่าปีมานี้ จากทีมฟุตบอลระดับกลางจนได้เข้าแข่งขันในระดับซูเปอร์ลีก จนถึงตอนนี้คะแนนความสำเร็จอยู่ระดับที่สาม เพราะความมุ่งมั่นและความพยายามทั้งหมดของเขา เขาไม่อยากจะจากไปทั้งแบบนี้จริงๆ

“ดีมาก ด้านค่าตอบแทนคุณเสนอราคามาได้เลย ความคิดของผมไม่ได้ต้องการหาเงินจากสโมสรฟุตบอล เงินที่ได้จากการแข่งขัน เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ผมจะทุ่มไปกับการก่อสร้างสโมสร ดังนั้น คุณสามารถเรียกร้องค่าตอบแทนสูงเล็กน้อย”ความตั้งใจแรกเริ่มของลู่เฉินคือนำกำไรที่ได้มาทั้งหมดพัฒนาสโมสรฟุตบอล

แต่เฉินจือหรานกลับซื้อหุ้นของทีมซือเวยมาสี่สิบเปอร์เซ็นต์ เขาจึงตั้งใจจะเก็บไว้สักสิบเปอร์เซ็นต์ จะไม่ให้เฉินจือหรานได้กำไรเลยไม่ได้

เพราะถ้าทำอย่างนั้นจะทำให้เฉินจือหรานเริ่มหมดความสนใจจากฟุตบอลไปช้าๆ

ในแผนการที่เขาวางไว้ เขาต้องการให้สโมสรซือเวยกับจงไห่ได้รับการปรับเปลี่ยนให้ดียิ่งขึ้น ถ้าเขาทำการพัฒนานักฟุตบอลฝีมือดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้ทีมฟุตบอลของหัวเซี่ยมีระดับสูงขึ้น

เขาหวังว่าทีมฟุตบอลทั้งสองทีมจะสามารถเป็นตัวอย่างที่ดี ให้ทีมอื่นๆได้ทำตาม รอจนเพาะเลี้ยงให้นักฟุตบอลฝีมือดีทั้งทีมได้ งั้นทีมฟุตบอลของหัวเซี่ยก็จะสามารถพัฒนาก้าวขึ้นไปอีกระดับได้

“นี่มัน...” หูชอนตกใจเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะมีความคิดแบบนี้

เอากำไรทั้งหมดมาใช้ในการพัฒนาทีมฟุตบอล ถ้าเป็นอย่างนี้ ทีมฟุตบอลจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน แต่ว่า เจ้านายที่เป็นแบนี้ เขาได้เจอเป็นครั้งแรกจริงๆ

แต่พอนึกถึงฐานะและความสามารถของลู่เฉิน เขาก็เข้าใจในทันที

ถ้าอีกฝ่ายต้องการจะหาเงิน คงไม่คิดจะมาลงทุนทางด้านฟุตบอลแน่ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์