บทที่382 ยั่วโมโห“ชุยหยุ่งจวี้น
“เพื่อเรื่องเล็กน้อยอย่างการขโมยรถก็ไปที่สถานกงสุล ดูเหมือนว่าจะเอาเรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก ไอ้หัวขี้เลื่อย เรามาคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กันเองดีไหม”ลู่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มขี้เล่น
“แก!”
เมื่อได้ยินลู่เฉินเรียกพวกเขาว่าไอ้หัวขี้เลื่อยชุยหยุ่งจวี้นและคนอื่น ๆ ก็อารมณ์ขึ้นทันที
สิ่งที่พวกเขาไม่ชอบที่สุดก็คือการที่คนจีน เรียกพวกเขาแบบนี้ ในความคิดของพวกเขานี่เป็นการดูถูกพวกเขา นี่เป็นการกระทำที่ทำให้พวกเขาโกรธมาก
ใช่ ลู่เฉินจงใจทำให้ชุยหยุ่งจวี้นและคนอื่น ๆ อารมณ์เสีย
เขาแค่อยากสร้างปัญหาให้รุนแรงที่สุด เพราะเขาเองก็ก็อยากจะรู้ว่าเล่อเทียนกรุ๊ปจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ยังไง
แน่นอนว่าเขารู้จักเล่อเทียนกรุ๊ป มันเป็นบริษัทที่มากอิทธิพล การพัฒนาในอนาคตของเขาก็ต้องขยายไปถึงตลาดเกาหลีแน่นอน ถึงตอนนั้นอาจจะถูกบริษัทใหญ่ 5 แห่งของเกาหลีรวมตัวกันเพื่อขัดขวางเขาก็ได้
ดังนั้นวันนี้เขาจึงอยากถือโอกาสนี้ลองเชิงเล่อเทียนกรุ๊ปเพื่อดูว่าทัศนคติของพวกเขาจะเป็นอย่างไร
“หึๆ คอยดูก็แล้วกัน พรุ่งนี้เจอกันที่สถานกงสุลเมืองหลวงประเทศเจียซือ”ชุยหยุ่งจวี้นตะคอกและขึ้นรถออกไปโดยไม่แม้แต่จะกล่าวลากาซีเกลูข่า
มีชาวเกาหลีอีกคนหนึ่งที่ต้องการขับรถออฟโรดที่พาตัวลู่เฉินมาไปด้วย แต่เสี่ยวจิงตบหน้าไล่ไปซะด่อน
“คุณกำลังรนหาที่ตาย!”ชุยหยุ่งจวี้นถลึงตาจ้องมองไปที่ ลู่เฉินอย่างไม่พอใจ คิดไม่ถึงว่าคนของลู่เฉิน จะลงมือก่อน
แน่นอนว่าเสี่ยวจิงได้รับคำสั่งจากลู่เฉิน ให้จัดการ เพราะเกี่ยวข้องกับสถานกงสุลแบบนี้เสี่ยวจิง ไม่กล้าทำโดยไม่ได้รับอนุญาตแน่นอน
“ทำไม ผมต้องการรถสองคันนี้ คุณไม่เห็นด้วยหรือไง”ลู่เฉินมองไปที่ชุยหยุ่งจวี้นอย่างติดตลก นี่เป็นการยั่วยุอย่างโจ่งแจ้ง เขาไม่ได้ใส่ใจในสายตาของชุยหยุ่งจวี้นที่จ้องกลับมา
ลู่เฉินก็ต้องการรถคันนี้เช่นกัน เพราะไม่อย่างนั้นคงต้องให้กาซีเกลูข่าจัดรถให้พวกเขา
อีกอย่างคนของชุยหยุ่งจวี้นขโมยรถออฟโรดของพวกเขาไป รถทั้งสองคันนี้เทียบเท่ากับทวงคืนรถของตัวเองกลับมา
แน่นอนว่าว่าเรื่องราวจะต้องไม่จบลงง่ายแบบนี้แน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นลู่เฉินหรือชุยหยุ่งจวี้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะจบเรื่องแบบนี้ไปง่ายๆ
“ดีมาก พรุ่งนี้เจอกัน! “ร่างกายของชุยหยุ่งจวี้นสั่นเทาอย่างโกรธเกรี้ยว ก่อนจะขึ้นนั่งรถออกไปทันที
ยืนมองพวกชุยหยุ่งจวี้นจากไปด้วยท่าทางโมโห สีหน้าของกาซีเกลูข่าเองก็ไม่น่าดูมาก แม้ว่าชุยหยุ่งจวี้นและลู่เฉินจะคุยกันด้วยภาษาจีน แต่เขาก็ยังสามารถมองออกได้จากการแสดงออกของทั้งสองว่าชุยหยุ่งจวี้น เสียเปรียบคนจีนตรงหน้าอย่างสิ้นเชิง
“สหายผู้มาจากดินแดนไกลโพ้น ได้โปรดให้ผมต้อนรับพวกคุณดีๆ โอเคไหมครับ?” กาซีเกลูข่า เห็นลู่เฉินมองมา จึงรีบทำหน้ายิ้มและพูดอย่างเป็นมิตร
แม้ว่าเขาจะเป็นกาซีเกที่ได้รับการแต่งตั้งโดยเสด็จท่านซางปา แต่เขาก็เป็นคนขี้ขลาด เมื่อเห็นว่าลู่เฉินและคนอื่น ๆ แข็งแกร่งกว่ากลุ่มคนเกาหลีทัศนคติของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“ต้อนรับไม่ต้องแล้วครับ จากนี้ไปคุมลูกชายของคุณให้ดี ทางที่ดีอย่ามามีปัญหากับผม ไม่อย่างนั้นผมไม่รังเกียจที่จะทำอะไรที่ทำให้คุณเสียใจไปตลอดชีวิต” ลู่เฉินมองหน้ากาซีเกลูข่าด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วเดินไปที่รถออฟโรดทันที
นี่มันไม่มีการรักษาหน้ากาซีเกลูข่า เลยสักนิด
แน่นอนว่ากำลังของกาซีเกลูข่าในตอนนี้ ไม่เข้าตาของลู่เฉิน เลยแม้แต่น้อย
หากเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในพม่า ซางปาก็เทียบเท่ากับขุนพลในพม่าเท่านั้น และ กาซีเกลูข่า ก็เป็นแค่ทหารในกองทัพ ในสายตาของ ลู่เฉิน เขามีเขาเป็นแค่ตัวละครเล็กๆเท่านั้นเอง
ด้วยสถานะในตอนนี้ของเขา แน่นอนว่าเขาไม่จำเป็นต้องไว้หน้าให้กับตัวละครตัวเล็กแบบนี้เท่าไหร่
เมื่อเห็นลู่เฉินและคนอื่น ๆ กำลังขับรถออกไป กาซีเกลูข่าก็มีแววตาสังหารขึ้นมาทันทีสีหน้าของเขาในตอนนี้กำลังโมโหเป็นอย่างมาก
แต่พวกเขากล้าที่จะแสดงความโกรธก็ต่อเมื่อรถของลู่เฉินขับออกไปแล้วเท่านั้น
เมื่อนึกถึงตอนที่ลู่เฉินจับคอเขาไว้ นึกถึงพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดของลู่เฉินเขายังใจสั่นหวาดกลัวเล็กน้อย
“พ่อ จะปล่อยให้จบแบบนี้จริงๆเหรอ พวกเขาทำลายปืนของพวกเราหมดเลยนะ” ลูข่าน้อยพูดอย่างไม่พอใจ
พวกเขาใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะซื้อปืนพวกนี้มาได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาสูญเงินไปกับการขอซื้อมาจากชาวเกาหลีในราคาสูง แต่ตอนนี้พวกมันทั้งหมดกลายเป็นเศษเหล็กไร้ประโยชน์กองกันอยู่บนพื้น จะให้เขายอมรับได้ยังไงกัน
“แน่นอนว่าว่จะปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้ ไอ้พวกคนจีนกล้าที่จะมีปัญหากับชุยหยุ่งจวี้น เขาจะต้องไม่ปล่อยพวกนั้นไปอย่างแน่นอน และที่พวกนั้นมาที่นี่ก็น่าจะมาเพราะอยากร่วมธุรกิจกับเสด็จท่านซางปา พรุ่งนี้พ่อจะเข้าไปในเมือง ถ้าบอกเล่ารายละเอียดให้ราชาเจ้าของที่ดินฟัง ท่านจะต้องไม่ให้ความร่วมมือกับพวกนั้นอย่างแน่นอน” ดวงตาของกาซีเกลูข่าฉายแววชั่วร้าย สิ่งที่ลู่เฉินทำกับเขาในวันนี้ ทำให้เขารู้สึกอับอายมาก เขาจะทำให้ลู่เฉินและคนอื่น ๆ รู้สึกเหมือนเขาบ้าง
“ใช่ค่ะใช่ ฉันคิดว่าเราควรขอให้ราชาเจ้าของที่จับพวกมันเข้าคุก คุณเป็นหัวหน้าที่ได้รับการแต่งตั้งจากราชาแห่งเจ้าของที่ดิน เขาไม่เห็นคุณอยู่ในสายตาก็หมายความว่าไม่เห็นท่านอยู่ในสายตา ราชาของเราเป็นพวกรักชื่อเสียงหน้าตาของตัวเอง ฉันเชื่อว่า เสด็จท่านซางปาต้องจับกุมพวกเขาอย่างแน่นอน” ภรรยาของกาซีเกลูข่าพูดขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ลู่เฉินแข็งแกร่งจนสามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดไว้ได้ พวกเธอตกใจกลัวจนไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว
ในเวลานี้พอลู่เฉินและคนอื่น ๆ จากไปแล้ว พวกเธอถึงกล้าที่จะพูด
ดวงตาของกาซีเกลูข่า เป็นประกายขึ้นมาทันที เขารู้สึกว่าที่ภรรยาของเขาเสนอมาเป็นข้อเสนอที่ดีมาก
“อืม เตรียมของให้พร้อม พรุ่งนี้ฉันเข้าไปในเมืองเพื่อพบกับ เสด็จท่านซางปา ” กาซีเกลูข่า พยักหน้า เขารู้จักนิสัยของราชาเจ้าของที่ดินเป็นอย่างดี ถ้าใครต้องการขอความช่วยเหลือ ให้ราชาเจ้าของที่ดินทำอะไรให้ คุณต้องมีอะไรตอบแทนให้เขาไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ และต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดด้วย
แต่เสด็จท่านซางปา เป็นที่มักง่ายมากคนหนึ่งเท่านั้นเอง
ระหว่างทางกลับ แม้ว่าคืนนี้เหตุการณ์จะเป็นไปอย่างราบรื่น แต่เฉินจิงก็รู้สึกกังวลใจมาก
ฟังจากความหมายชุยหยุ่งจวี้นพวกเขาจะต้องขอให้สถานกงสุลเกาหลีมาแก้ไขปัญหาในวันพรุ่งนี้แน่ๆ ถึงตอนนั้นพวกเธอจะต้องจะต้องไปที่สถานกงสุลเพื่อใช้เส้นดำเนินขั้นตอนต่างๆอีก
ในฐานะผู้จัดการโครงการเธอตระหนักถึงความสำคัญของเส้นสายทางราชการมากและยังกังวลเกี่ยวกับความยากลำบากในการก้าวผ่านความสัมพันธ์ เธอรู้ดีว่าประเทศเจียซือกับพวกเธอไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ เลยเมื่อพวกเขาต้องเปรียบเทียบกับเล่อเทียนกรุ๊ป มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเปิดความสัมพันธ์อีกครั้ง
ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาไม่มีหลักฐานว่าชาวเกาหลีขโมยรถของพวกเขาไป แต่เจ้านายของพวกเธอ กลับปล้นรถออฟโรดของเกาหลีกลับมาอีกคันอย่างเปิดเผย ไม่ว่าในกรณีใดพวกเขาจะมีแต่เสียหาย
“คุณชายคะ หลังจากกลับถึงเมืองแล้ว เรารถควรจะคืนให้ชาวเกาหลี ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะบอกว่าพวกเราปล้นรถของพวกเขามา พวกเรายากที่จะจัดการนะคะ”เฉินจิงกล่าวเตือนลู่เฉิน
“ ถ้าพวกเขาต้องการฟ้องก็ให้ฟ้องเถอะ” ลู่เฉินยิ้มเบา ๆ โดยไม่จริงจัง
“โอเคค่ะ” ในเมื่อเจ้านายพูดเช่นนั้นเฉินจิงก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีก สิ่งที่เธอต้องทำคือทำธุระทั้งหมดให้เสร็จ พยายามวิ่งไปยังเมืองหลวงมากขึ้นเพื่อติดต่อกับผู้มีอิทธิพลในประเทศนี้ให้มากที่สุด
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงตัวเมือง เมื่อรถของพวกเขากำลังจะเข้าที่จอดรถชั้นใต้ดินที่ทางเข้าของโรงแรมพวกเขาก็เห็นรถคันหนึ่งขับออกมาจากที่จอดรถชั้นใต้ดินลู่เฉินเหลือบไปเห็นถึงได้รู้ว่าคนในรถคือโจวเจินเฟ่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์