คุณพ่อสายเปย์ นิยาย บท 386

บทที่ 386 เสด็จท่านจำยอม

ลู่เฉินมองไปยังบัลลังก์สีทองที่คลุมด้วยหนังเสือดาวและปฏิเสธซางปาไปแล้ว

อันที่จริงเขาแค่อยากจะร่วมมือ ก่อนหน้านี้ที่เขาเปิดการสังหาร หนึ่งเป็นเพราะซางปาเป็นผู้ลงมือก่อน สอง เขาต้องการให้ซางปาหวาดกลัว

ดังนั้นบัลลังก์นี้จึงไม่อยู่ในสายตาของเขา

เมื่อเห็นว่าลู่เฉินปฏิเสธ ซางปาก็ไม่รู้ว่าลู่เฉินปฏิเสธจริงๆหรือว่าแสร้งทำเป็นปฏิเสธกันแน่ เมื่อเห็นว่าลู่เฉินนั่งบนบัลลังก์ซึ่งเป็นตำแหน่งขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ใต้อำนาจของเขา เขาก็ไม่กล้าเดินขึ้นบันไดไปนั่งบนบัลลังก์ เขาจึงได้แต่นั่งเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับลู่เฉิน

ไม่กี่นาทีต่อมา พวกสาวใช้ก็มาพร้อมกับชาร้อน

ลู่เฉินไม่ได้สะเพร่าดื่มชาไปเรื่อย แม้ว่าจะเห็นซางปาดื่มก่อนตัวเอง พวกเขาก็ไม่ได้ดื่มโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ

ที่แน่ๆในเวลานี้เขาไม่เชื่อในตัวซางปา หากซางปาวางยา นั่นก็ไม่เท่ากับว่าพวกเขารนหาที่ตายหรอกหรือ?

“มาแนะนำตัวกันก่อนดีกว่า ผมคือลู่เฉิน เป็นเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีอี๋ฉี ซึ่งเป็นอุทยานวิทยาศาสตร์แห่งแรกของหัวเซี่ย MIE-100ที่โด่งดังในหัวเซี่ยก็พัฒนาโดยบริษัทเทคโนโลยีอี๋ฉีของพวกเรา...” ลู่เฉินพูดมาถึงตรงนี้ก็ชะงักชั่วคราว สายตาชำเลืองมองไปที่ซางปาและคนอื่นๆ

เขาอยากจะเห็นว่าซางปาและคนอื่นๆเคยได้ยินบริษัทเทคโนโลยีอี๋ฉีหรือไม่

จริงๆแล้วเกาะเจียซือแห่งนี้ล้าหลังไปมาก

ทว่าในขณะนี้ท่าทีของซางปาและคนอื่นๆหลับทำให้เขาพอใจเป็นอย่างมาก

เมื่อซางปาและคนอื่นได้ยินที่ลู่เฉินแนะนำตัว สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป

แน่นอนว่าพวกเขารู้จักบริษัทเทคโนโลยีอี๋ฉี ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ชื่อเสียงของบริษัทเทคโนโลยีอี๋ฉีได้แพร่กระจายไปทั่วโลก มีเพียงประเทศชั้นสูงเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ จึงไม่มีใครไม่รู้จักบริษัทเทคโนโลยีอี๋ฉี

บริษัทเทคโนโลยีอี๋ฉีได้พัฒนาเทคโนโลยีชั้นยอดหลายอย่างมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้แต่ประเทศ M ก็ยังไม่มีการพัฒนาออกมา โดยเฉพาะเครื่องบินรบรุ่นหก ชิปซูเปอร์AIและรวมไปถึงขีปนาวุธแม่เหล็กไฟฟ้าความเร็วเหนือแสงเพื่อเป็นการระงับประเทศMไม่ให้กล้ามีข้อพิพาทกับหัวเซี่ยอีก

บริษัทเทคโนโลยีอี๋ฉีเป็นเพียงฝันร้ายของประเทศMและประเทศอื่นๆ เป็นที่แน่นอนว่าพวกเขารู้ว่าบริษัทเทคโนโลยีอี๋ฉีนั้นน่ากลัวขนาดไหน

และกลับกลายเป็นว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าก็คือเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีอี๋ฉี นี่จะไม่ให้พวกเขาตกใจได้อย่างไร

“เขาเป็นเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีอี๋ฉีจริงๆหรือนี่?”

แม้ในเวลานี้ซางปาและคนอื่นๆจะมีท่าทีตกตะลึง แต่ก็ยังสงสัยในตัวลู่เฉิน

พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหัวหน้าใหญ่ของบริษัทระดับซูเปอร์อย่างบริษัทเทคโนโลยีอี๋ฉีจะเดินทางมายังประเทศเล็กๆที่มีสงครามไม่หยุดหย่อนของพวกเขาด้วยตัวเอง

"เหตุผลที่ผมมาที่นี่ก็เพราะสัญญาความร่วมมือของคุณกับตระกูลโจวอยู่ในมือผม แต่พวกคุณกลับฉีกสัญญาและปฏิเสธที่จะร่วมมือกับบริษัทหินธรรมชาติคัยเทียนกรุ๊ปที่อยู่ภายใต้การบริหารของผม สำหรับเรื่องนี้เสด็จท่านซางปาได้โปรดชี้แจงให้กระผมฟังด้วย” ลู่เฉินพูดอีกครั้ง

เขาพูดเรียบๆ แต่คำพูดที่เขาพูดเข้าหูซางปาและคนอื่นๆ ทำให้ใจของพวกเขาสั่นสะท้าน

นี่คือพลังอำนาจที่มองไม่เห็น ความกดดันที่มองไม่เห็น

“ด้วยความเคารพสหายจากหัวเซี่ย เราคิดว่านี่เป็นการเข้าใจผิด เนื่องจากพวกเราไม่ทราบว่าบริษัทหินธรรมชาติคัยเทียนกรุ๊ปเกิดอะไรขึ้น และตระกูลโจวก็มาหาพวกเราเอง โดยพวกเขาบอกว่าบริษัทหินธรรมชาติคัยเทียนกรุ๊ปเป็นบริษัทต้มตุ๋นและไม่อยากให้พวกเราเชื่อถือ อย่างที่ท่านทราบกันดี มีผู้คนมากมายมาที่เจียซือของพวกเราก็เพื่อมาลงทุน พอทำเงินไม่ได้ก็ถอนทุนออกไป ดังนั้นพวกเราจึงไม่ค่อยเชื่อถือบริษัทที่ไม่คุ้นเคย แต่ท่านวางใจได้ว่าเราจะเซ็นสัญญากับท่านอีกครั้ง ซึ่งราคาต่อหน่วยจะได้สิทธิประโยชน์มากกว่าสัญญาชุดก่อนหน้านั้นของตระกูลโจวเสียอีก”

เมื่อได้ยินการซักถามข้อสงสัยของลู่เฉิน ซางปาก็รีบอธิบาย

เขาหวาดกลัวกับออร่าในตัวลู่เฉิน ถึงขนาดใช้คำเรียกให้เกียรติอย่างคำว่า “ท่าน”

จะเห็นได้ว่าการแนะนำตัวเองของลู่เฉินเมื่อกี้ยังพอมีประโยชน์

ไม่ว่าลู่เฉินจะเป็นเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีอี๋ฉีตัวจริงหรือไม่ ซางปาก็รู้สึกกลัวแล้ว

“ดีมากที่คุณเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันดี ทหารองครักษ์กว่ายี่สิบนายของคุณจะได้ไม่เสียสละโดยเปล่าประโยชน์” ลู่เฉินยิ้มจางๆ

เขาพอใจกับการปฏิบัติตัวของซางปา

สีหน้าซางปาเปลี่ยนไปเล็กน้อย การฉีกหน้าของลู่เฉินทำให้เขาอับอาย

อย่างไรก็ตามที่ลู่เฉินพูดมาก็ถูก ถ้าเขาไม่ปล่อยให้ทหารองครักษ์เหล่านั้นลงมือ พวกเขาก็คงไม่ตาย

ทหารองครักษ์ผู้เกรียงไกรกว่ายี่สิบนาย พอคิดๆดูแล้วซางปาก็ปวดใจอยู่บ้าง

การบ่มเพาะเลี้ยงดูทหารแต่ละคนไม่ใช่เงินน้อยๆ

และที่สำคัญก็คือไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะสามารถบ่มเพาะทหารให้เก่งได้เลย

“งั้นก็มาลงนามข้อตกลงคร่าวๆหินธรรมชาติกันใหม่เถอะ” ลู่เฉินให้เฉินจิงเดินไปข้างหน้า และทำการลงนามกับซางปาอีกครั้ง

ทางด้านซางปาก็มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งเดินออกมาจากแถว ทั้งสองฝ่ายทำการเจรจากันอีกครั้ง โดยท้ายที่สุดซางปาก็ให้ราคา 10% ต่อหน่วย

สำหรับการเจรจานี้ ลู่เฉินเห็นด้วยทันที

หลังจากที่ได้มีการลงนามข้อตกลงคร่าวๆหินธรรมชาติเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดซางปาและคนอื่นๆก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

พวกเขาเชื่ออย่างสนิทใจว่าลู่เฉินและคนอื่นๆก็แค่อยากร่วมมือกับพวกเขาจริงๆ

“เสด็จท่านซางปา ได้ยินมาว่าเจ้าผู้ครองนครปาเอ่อซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของคุณกำลังจะก่อกบฏ เกรงว่าการก่อกบฏของเขาคงไม่ปล่อยคุณไปแน่ คุณวางแผนจะจัดการอย่างไร?” ลู่เฉินหยิบบุหรี่ออกมาจุดหนึ่งมวน เขาไม่สนว่าที่นี่จะเป็นพระราชวังของเจ้าผู้ครองนคร

สีหน้าของซางปาเปลี่ยนไปพลางมองไปทางลู่เฉินด้วยความงุนงง เขาไม่รู้ว่าลู่เฉินหมายถึงอะไร

“กองกำลังสองหมื่นนายของเราเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว หากปาเอ่อกล้าก่อกบฏจริงๆ มณฑลวันทองของพวกเราก็สามารถสกัดกลุ่มกบฏออกจากมณฑลวันทองได้อย่างแน่นอน” ซางปาพูดด้วยความมั่นใจ

“เถอะน่า คุณไม่รู้เหรอว่าปาเอ่อได้ร่วมมือกับนายพลหมี่เล่อจากภาคตะวันออกกลาง คุณน่าจะรู้นะว่านายพลหมี่เล่อนั่นเป็นราชาทหารรับจ้างแห่งภาคตะวันออกกลาง เขามีทหารรับจ้างหลายหมื่นนายอยู่ภายใต้การบัญชาของเขา ทั้งยังมีอาวุธล้ำสมัย แค่ทหารไก่กาพวกนี้ของคุณ คุณคิดว่าจะเอาชนะทหารรับจ้างของนายพลหมี่เล่อได้เหรอ?” ลู่เฉินสูบบุหรี่พลางพูดเย้ยหยัน

“เจียซือของพวกเรามีหกมณฑลใหญ่และมีเจ้าผู้ครองนครอีกห้าคนผู้ยิ่งใหญ่ ถึงแม้ปาเอ่อจะก่อกบฏ แต่ก็ยังมีเจ้าผู้ครองนครที่ภักดีต่อราชวงศ์ ซึ่งราชวงศ์มีกองกำลังหลายแสนนาย ถึงนายพลหมี่เล่อจะมีทหารรับจ้างสองหมื่นนาย อย่างไรก็ต้องถูกพวกเราทำลายล้างจนได้!” ซางปากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

อันที่จริงในใจเขาก็ไม่ได้ประมาท

เนื่องจากประการแรก ราชวงศ์ไม่มีกองกำลังทหารมากนัก ประการที่สอง ได้ยินมาว่ามีเจ้าผู้ครองนครบางคนแอบเป็นพันธมิตรกับปาเอ่อ หากทหารพื้นเมืองของปาเอ่อบุกโจมตีเขา เขาก็ยังพอมีกำลังที่จะต่อสู้ แต่ถ้าหากเป็นทหารรับจ้างของหมี่เล่อจริงๆ เขาก็ไม่อาจต้านทานได้

ช่องว่างทางศักยภาพระหว่างทั้งสองฝ่ายมีมากเกินไป เนื่องจากพวกเขายังคงใช้อาวุธตกยุคเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน จะต่อสู้กับพวกนั้นได้อย่างไร?

สงครามสมัยใหม่ไม่ได้ชนะด้วยตัวเลขอีกต่อไป

“ดูเหมือนเสด็จท่าซางปาจะมั่นใจมาก งั้นผมพูดไปก็ไร้ประโยชน์ หวังว่าเมื่อเกิดสงครามกลางเมือง คุณจะสามารถปกป้องมณฑลวันทองของคุณได้ อย่าปล่อยให้ข้อตกลงของเราลงนามโดยเปล่าประโยชน์” ลู่เฉินยักไหล่ยิ้ม

ซางปาและคนอื่นๆมีสีหน้าย่ำแย่ ส่วนใหญ่เป็นเพราะพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลู่เฉินต้องการทำอะไรกันแน่

“หรือเขาต้องการขายอาวุธให้พวกเขา?”

ซางปาคิดแบบนี้แล้วแอบส่ายหัว

ถึงลู่เฉินจะอยากขายอาวุธให้พวกเขา แต่ก็สายไปเสียแล้ว

“ไปกันเถอะ สุดท้ายแล้วก็ขอให้ความร่วมมือของพวกเราเป็นไปด้วยดี” ในขณะที่พูดลู่เฉินก็ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินออกจากพระราชวัง

“แขกผู้ทรงเกียรติ ได้โปรดรอเดี๋ยว”

ท้ายที่สุดซางปาก็เอ่ยปากเรียกในเวลานี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์