บทที่40 การเปลี่ยนแปลงของบ้านตระกูลลู่
เสี่ยวจิงประหลาดใจและซาบซึ้งในเวลาเดียวกัน
เขาคิดไม่ถึงมาก่อนว่าลูกพี่เฉินจะแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้จัดการเช่นนี้
มันทำให้เขามีความรู้สึกสามารถตายแทนเพื่อนที่รู้ใจได้เหมือนในสำนวน
เมื่อหลินอี้จุนเดินทางกลับมาจากการเจรจากับวังเหว่ย เห็นฟ่านหมิงและหยูไห่คุกเข่าอยู่ข้างหน้าบริษัท อีกทั้งมีป้ายสุนัขแขวนคอ ก็ตกใจจนเอามือขึ้นมาปิดปากไว้ แม้แต่เธอโดนไปชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ายังไม่รู้ตัว
“ยังไม่รีบเอารถผู้จัดการหลินไปจอดอีก มัวทำอะไรอยู่?” เสี่ยวจิงพูดขึ้นกับยามคนที่หลินอี้จุนเดินชน
เมื่อยามคนนั้นได้สติกลับมาก็รีบเดินมาทำความเคารพหลินอี้จุนที่รถแล้วพูดขึ้นว่า “ผู้จัดการหลิน ให้ผมช่วยจอดรถให้นะครับ”
“คะ เรียกฉันว่าอะไรนะ?” หลินอี้จุนอยู่ในอาการงุนงง เธอเป็นเพียงหัวหน้าธรรมดาคนหนึ่ง ใช่ผู้จัดการเสียที่ไหนเล่า?
“ผู้จัดการหลินไงครับ?” ยามคนนั้นพูดต่อ
หลินอี้จุนงงหนักกว่าเดิม
“ผู้จัดการน่าจะยังไม่ทราบข่าว ระหว่างที่ผู้จัดการเดินทางกลับมา ผู้ถือหุ้นรายใหม่ได้เลื่อนตำแหน่งให้คุณเป็นผู้จัดการฝ่ายขายแล้วครับ” เสี่ยวจิงเดินมาแล้วยิ้มให้
ก่อนหน้านี้เสี้ยจุนกำชับเขาไม่ให้พูดเรื่องผู้ถือหุ้นรายใหม่แก่หลินอี้จุน เขาก็ไม่เข้าใจเท่าไรนัก แต่เมื่อเสี้ยจุนบอกว่านี่เป็นวัตถุประสงค์ของลู่เฉิน เขาก็ไม่กล้าเอ่ยถึงตัวตนที่แท้จริงของลู่เฉินออกมาต่อหน้าหลินอี้จุน
“ฉัน......ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย?” หลินอี้จุนเดินลงจากรถแล้วถามเสี่ยวจิงด้วยความสงสัย
“เป็นเรื่องจริงครับผู้จัดการหลิน หัวหน้าเสี่ยวจิงก็ได้รับการเลื่อนขั้นจากผู้ถือหุ้นรายใหม่เหมือนกัน ไม่เชื่อลองไปถามสองคนนั้นดู” ยามคนนั้นชี้นิ้วไปทางฟ่านหมิงและหยูไห่ที่คุกเขาอยู่ข้างๆ จากนั้นขึ้นรถนำไปเข้าจอด
หลินอี้จุนเดินไปทางทั้งสองด้วยความสงสัย เห็นว่าป้ายห้อยคอนั้นมีข้อความอยู่ว่า “ผมมันเลว ไม่ใช่คน ไม่ควรปล่อยข่าวลือเสียหายของผู้จัดการหลิน ขอให้ผู้จัดการหลินให้อภัยผมด้วย” เมื่อเห็นข้อความบนป้ายนั้นหลินอี้จุนก็รู้สึกโกรธมาก “ผู้จัดการฟ่านคะ พวกคุณปล่อยข่าวลือนั้นลับหลังฉันจริงๆเหรอ?”
ฟ่านหมิงตัวสั่นสะท้าน แม้ในใจจะไม่อยากทำเช่นนี้แต่เขาก็ได้แสดงท่าทีขอร้องแล้วพูดว่า “ผู้จัดการหลิน ขอโทษครับ พวกเรามันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ขอให้เห็นแก่ที่เราร่วมงานกันมาหลายปี โปรดยกโทษให้ผมด้วย”
หลินอี้จุนสูดหายใจเข้าแล้วหันไปถามหยูไห่ว่า “หัวหน้าหยู คุณละคะ?ฉันจำได้ว่าไม่เคยทำอะไรให้คุณเดือดร้อนเลย ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้?”
หยูไห่ตกใจกลัวจนตัวสั่น “ผู้จัดการหลินครับ ผม......ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว วันนี้ที่พวกเรามาคุกเข่าอยู่ที่นี่ก็เพื่อหวังว่าคุณจะให้อภัยพวกเรา ขอร้องเถอะครับ ให้โอกาสพวกเราอีกสักครั้ง!”
เมื่อนึกถึงตัวตนที่แท้จริงของลู่เฉิน เมื่อคิดไปว่าหากไม่ได้รับการอภัยเขาจะเป็นอย่างไร หยูไห่เกิดอาการกลัวมาจนแทบร้องไห้ออกมา
“ใครเป็นคนบังคับให้พวกคุณทำแบบนี้?” หลินอี้จุนรวบรวมสติแล้วถามขึ้น
“ลู่......ผู้บริหารลู่ ผู้ถือหุ้นรายใหม่” เมื่อนึกขึ้นได้ถึงคำพูดของเสี้ยจุน เขารีบเปลี่ยนจากลู่เฉินเป็นผู้บริหารลู่ในทันที
“เหอะๆ งั้นเชิญพวกคุณคุกเข่าต่อไปเถอะนะคะ” หลินอี้จุนโมโหแล้วเดินออกจากบริษัทไป
หลายวันมานี้ที่เธอผู้คนนินทาต่างๆนานา ทำให้เธอรู้สึกอับอายยิ่งนักและยังไม่สามารถให้อภัยพวกเขาได้ในเวลานี้
เมื่อหลินอี้จุนจากไป ฟ่านหมิงและหยูไห่ก็ถอดหายใจอย่างโล่งอก
ลู่เฉินบอกให้พวกเขาทำอย่างนี้สองวัน คาดว่าสองวันนี้หลินอี้จุนคงให้อภัยพวกเขาบ้างแล้ว
เมื่อหลินอี้จุนมาถึงฝ่ายขายก็พบว่าผู้บริหารเสี้ยนั้นยืนรอเธออยู่ที่โต๊ะทำงาน
“ผู้จัดการหลิน กลับมาแล้วเหรอครับ โครงการทะเลสาบจิงหลงเป็นอย่างไรบ้าง” เลขาของเขาเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ราบรื่นดีทุกอย่างค่ะ จะเริ่มมีการทยอยส่งสินค้าในเดือนหน้า และส่งเสร็จภายในสองครั้ง” หลินอี้จุนกล่าว
“ผู้จัดการหลินก็คือผู้จัดการหลิน เก่งมากจริงๆ อ้อใช่ ผู้บริหารลู่ได้ยินว่าคุณทำโครงการวิลล่าทะเลสาบจิงหลงได้สำเร็จจึงได้เลื่อนขั้นให้คุณด้วยตัวเอง นี่เป็นหนังสือคำสั่งครับ” เลขาพูดขึ้นพร้อมกับยื่นเอกสารในมือให้หลินอี้จุน
“ขอบคุณผู้บริหารลู่มากๆค่ะ” หลินอี้จุนพยายามเก็บความดีใจไว้แล้วยิ้มออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์