บทที่ 410 คนตระกูลลู่ผู้มาเยือน
คนที่มาบ้านของลู่เฉินอ้างว่าเป็นตระกูลลู่จากประเทศพรูลันเซียและเคยเป็นครอบครัวที่ซ่อนอยู่อันดับหนึ่งของหัวเซี่ย
นับตั้งแต่พูดคุยกับท่านหยุนครั้งล่าสุด ลู่เฉินก็รู้แล้วว่าเรื่องภายในตระกูลลู่นั้นมีความซับซ้อนมาก ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่พ่อของเขาไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของเขา
แต่เพราะลู่เฉินต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับตระกูลของเขามากขึ้น เขาจึงให้พวกเขาเข้ามาในคฤหาสน์
คนตระกูลลู่ที่มาเยือนนั้นมีทีท่าทางน่าเกรงขาม แม้จะมีเพียงไม่กี่คน ทว่าแต่ละคนต่างก็เป็นประเภทไม่เห็นใครอยู่ในสายตา
พอเข้ามาในบ้านลู่เฉิน พวกเขาก็ไม่ได้ปฏิบัติตัวเหมือนคนนอกเลย
กลุ่มตระกูลลู่ที่มามีทั้งหมดสามคน คนหนึ่งชื่อลู่จือสิงมีสถานะเป็นอาสามของลู่เฉิน ส่วนอีกสองคนชื่อลู่เห้ากับลู่หมิง ทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกับลู่เฉิน
ลู่เห้าเป็นลูกชายของลู่จือสิง ส่วนลู่หมิงเป็นลูกชายของอาสองของลู่เฉิน
“เสี่ยวเฉิน แกไปอยู่ข้างนอกมาตั้งหลายปี ควรจะกลับไปเคารพบรรพบุรุษได้แล้ว” ลู่จือสิงนั่งอยู่ข้ามลู่เฉินอย่างไม่ยี่หระพร้อมกับรอยยิ้มสนิทสนม
ลู่เฉินเลิกคิ้ว “ผมจะไปเคารพบรรพบุรุษเมื่อไหร่ก็ต้องแล้วแต่พ่อของผมเป็นคนตัดสิน ทำไมล่ะ พ่อผมให้อาสามมาเหรอ?”
ลู่เฉินรู้ว่าลู่จือสิงเป็นอาสามของเขา แต่ถึงจะรู้ว่าลู่จือสิงเป็นอาสาม เขาก็ไม่ได้ไว้หน้าลู่จือสิงสักเท่าไหร่
เขาเดาได้มาบ้างแล้วว่าจุดประสงค์ในการมาของลู่จือสิงคืออะไร แต่เขากังวลเกี่ยวกับข่าวคราวของพ่อเขามากกว่า
เขาโทรศัพท์ติดต่อพ่อเขาไม่ได้เลย ในเมื่อลู่จือสิงพูดมาแบบนี้ เขาก็สอบถามได้พอดี
“ใช่แล้ว แน่นอนว่าพี่ใหญ่เป็นคนให้ฉันมา พี่ใหญ่กำลังยุ่งอยู่กับการรับตำแหน่งผู้นำครอบครัว เขาจึงไม่มีเวลามาหาแกที่ยวี่โจวด้วยตัวเอง” ลู่จือสิงผงะเล็กน้อย จากนั้นก็พูดยิ้มๆ
ลู่เฉินเผยสีหน้ายิ้มเยาะพลางพยักหน้า “ก็ใช่ ตำแหน่งผู้นำครอบครัวก็ต้องสำคัญกว่าลูกชายอยู่แล้ว อาสาม คุณโทรศัพท์ไปบอกเขาได้เลยว่าถ้าเขาอยากให้ผมกลับไปเคารพบรรพบุรุษ ก็ให้เขาโทรศัพท์มาบอกผมเอง”
เขาทำหน้าตาเศร้าใจในขณะที่พูดออกมา ทันทีที่ลู่จือสิงและคนอื่นเห็นก็เกือบจะเชื่อไปแล้วจริงๆ
“อาสาม พี่ใหญ่ทั้งสอง วันนี้เป็นวันงานนิทรรศการสินค้าใหม่ของบริษัทผม ผมจะต้องออกไปรับรองแขก คงอยู่กับพวกคุณไม่ได้แล้ว” ลู่เฉินลุกขึ้นพร้อมกับส่งแขกโดยไม่ให้โอกาสทั้งสามคนเอ่ยถึงเป้าหมาย
เขาเชื่อว่าตราบใดที่เขาไม่ให้โอกาสทั้งสามคน พวกเขาก็จะหาทางให้เขาติดต่อกับพ่อของเขาได้อย่างแน่นอน
แต่ท่าทีของทั้งสามค่อนข้างเกินความคาดหมายของลู่เฉิน
“เสี่ยวเฉิน ฉันจะบอกแกให้ก็ได้ ในฐานะที่แกเป็นเชื้อสายตรง ไม่ว่าแกจะมีประสบการณ์โชกโชนมาจากข้างนอกหรือไม่ก็ตาม หลังจากเป็นผู้ใหญ่แล้ว แกจะต้องกลับตระกูลเดิมไปเคารพบรรพบุรุษ เพราะฉะนั้นวันนี้แกจะต้องกลับประเทศพรูลันเซียกับพวกเรา” เมื่อเห็นว่าลู่เฉินจะเดินออกไป ลู่จือสิงก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาในทันใด
ลู่เห้ากับลู่หมิงเองก็มองลู่เฉินด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
ลู่เฉินจ้องลู่จือสิง ลู่จือสิงก็จ้องลู่เฉิน นัยน์ตาทั้งสองมีแสงสว่างไสวที่ต่างกันออกไป
“ถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะ?” ลู่เฉินเอ่ยมาช้าๆ บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นเริ่มตึงเครียด
“ไม่งั้นเหรอ?” ลู่เห้ายิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ลู่เฉิน นี่คือกฎของตระกูล เว้นแต่ว่าที่ไหลเวียนอยู่ในตัวนายไม่ใช่เลือดตระกูลลู่ของเรา ในฐานะลูกหลานตระกูลลู่ นายจะต้องกลับไปยังตระกูลเดิม ไม่อย่างนั้นนายจะต้องถูกลงโทษตามกฏของตระกูลขั้นรุนแรง”
ลู่เฉินหันไปมองลู่เห้าที่กำลังมองเขาอย่างน่าเกรงขาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์