ตอน บทที่452 ยานอวกาศเทียนกงเดินทางจากไปแล้ว จาก คุณพ่อสายเปย์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่452 ยานอวกาศเทียนกงเดินทางจากไปแล้ว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต คุณพ่อสายเปย์ ที่เขียนโดย ลู่ลู่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่452 ยานอวกาศเทียนกงเดินทางจากไปแล้ว
ในห้องควบคุม ติงต้าเฉิงและคนอื่นๆกำลังควบคุมโดรนที่กำลังถ่ายทอดภาพเหตุการณ์อยู่ตรงหน้าจอ เทคโนโลยีโดรนของบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีติดอันดับสูงสุดของโลก โดยเฉพาะเทคนิคการแฝงตัว ในปัจจุบันยังไม่มีเรดาร์ของประเทศไหนจับได้
อีกอย่างในเวลานี้บรรดาผู้นำของแต่ละประเทศต่างก็พุ่งความสนใจไปที่ยานอวกาศเทียนกง คงไม่มีใครมาสนใจว่ามีโดรนเครื่องหนึ่งที่กำลังจับตามองความเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งหมด
ในตอนนี้ภาพเหตุการณ์ถูกถ่ายทอดมาตรงหน้าจอ เห็นแค่ส่วนบนของยานอวกาศเทียนกงถูกเปิดออก ทำให้เห็นรูปร่างของยานอวกาศทั้งลำ
สถิติแสดงให้เห็นว่า ยานอวกาศเทียนกงมีทั้งหมดสองชั้นความยาวรวม สองพันหนึ่งร้อยเมตรกว้าง ห้าร้อยยี่สิบสี่เมตรและสูงยี่สิบ เมตรเป็นยานอวกาศที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างมาได้
ยานอวกาศลำนี้ รวบรวมคนและทรัพยากรที่มีค่าของทั้งหนึ่งร้อยกว่าประเทศ ที่จะเป็นความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติ
ลู่เฉินพาอวู๋กวางเจิ้งเดินเข้ามา แล้วชี้ไปที่หน้าจอ ให้อวู๋กวางเจิ้งดูไปก่อน
“นี่มัน”อวู๋กวางเจิ้งมองเห็นยานอวกาศเทียนกงที่กำลังเดินเครื่องเตรียมพุ่ทยานสู่ท้องฟ้า จึงถามขึ้นมาอย่างตกใจ
ไม่มีใครตอบคำถามเขา เพราะในเวลานี้ทุกคนกำลังจดจ้องอยู่ที่ภาพบนหน้าจอ
ภาพบนหน้าจอ เกิดเสียงดังขึ้นมากะทันหัน นั่นเป็นสัญญาณของการจุดระเบิดของเครื่องยนต์นิวเคลียร์ฟิวชัน
ยานอวกาศลำใหญ่ขนาดนี้ ถ้าคิดจะขับเคลื่อนผ่านแรงโน้มถ่วงของโลก ต้องใช้พลังงานที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นถึงจะทำได้
ไม่กี่วินาทีต่อมา ทุกคนเห็นแค่ว่ามีวัตถุบางอย่างพุ่งตัวจากพื้นดินอย่างแรง เกิดแรงกระตุ้นพลังงานที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่น ทำให้ยานอวกาศพุ่งขึ้นจากพื้นดิน แล้วลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานภาพตรงหน้าก็เหลือแค่ประกายไฟจุดเล็กๆ ที่กำลังเคลื่อนตัวออกจากโลกอย่างรวดเร็ว
“นี่เป็นยานอวกาศใช่ไหม”อวู๋กวางเจิ้งเอ่ยถามด้วยท่าทางตกใจ
“ใช่ครับ มันเป็นความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติ มีชื่อว่ายานอวกาศเทียนกง บรรดาผู้นำของร้อยกว่าประเทศทั่วโลกนั่งอยู่ในยานอวกาศลำนั้น พวกเขากำลังพาความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติเดินทางออกจากโลก”ลู่เฉินเอ่ยพูด
“นี่ นี่มัน...”อวู๋กวางเจิ้งเหมือนไม่ค่อยเชื่อ เขารีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรหาคนรู้จักที่อยู่ในเมืองหลวง แต่เขาพยายามโทรหาอยู่หลายคน ล้วนแต่ปิดเครื่อง
เขาเซถอยหลังอย่างหมดแรง ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเริ่มโมโหเดือดดาล
เห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้ารู้ว่าตัวเองถูกเบื้องบนทอดทิ้ง ก็ล้วนแต่ยอมรับไม่ได้
“ประ ประธานลู่ พวกคุณสามารถกำจัดไวรัสDได้แล้วใช่ไหมครับ”อวู๋กวางเจิ้งเงยหน้าขึ้นมามองลู่เฉิน
ลู่เฉินส่ายหน้า
“นี่มนุษยชาติจะต้องสูญสิ้นแล้วจริงๆเหรอเนี่ย”สีหน้าของอวู๋กวางเจิ้งดูไม่อยากยอมรับความจริง
ลู่เฉินยังคงส่ายหน้า ก่อนจะพูด “ผมเองก็ไม่รู้ครับ แต่ก่อนที่ปริมาณออกซิเจนในอากาศจะลดลงถึงสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ ยานอวกาศของผมเองก็น่าจะบินออกจากพื้นโลกได้แล้วเหมือนกัน ไม่ว่าในอนาคตจะเป็นยังไง ไม่ว่าออกจากพื้นโลกแล้วมนุษยชาติจะมีโอกาสรอดหรือเปล่า แต่สามารถมีชีวิตรอดไปช่วงหนึ่ง ก็ยังดีกว่าต้องนั่งรอความตายกันที่นี่ไม่ใช่เหรอครับ”
“ใช่ ใช่ครับ ไม่ว่าจะยังไง พวกเราก็ควรจะไปผจญภัยในอวกาศดู ถึงแม้ว่าสุดท้ายทุกคนจะต้องตายกลางอวกาศ ก็ยังดีกว่าอยู่ที่นี่รอขาดอากาศหายใจเป็นหลายเท่า”อวู๋กวางเจิ้งพูด แล้วรีบพยักหน้าอย่างร้อนใจ
“ถ้าอย่างนั้น ผู้บัญชาการทหารอวู๋เข้าใจจุดประสงค์ที่ผมเรียกคุณมาที่นี่แล้วใช่ไหมครับ”ลู่เฉินเอ่ยพูด
“อืม ตอนนี้สถานการณ์ทั่วโลกสูญเสียการควบคุมแล้ว ขอแค่ข่าวที่บรรดาผู้นำของแต่ละประเทศทอดทิ้งคนในปกครองหนีไปจากโลกถูกปล่อยออกไป ขอแค่ข่าวที่ว่าหาวิธีกำจัดไวรัสDไม่ได้ถูกปล่อยออกไป ทั่วทั้งโลก จะเกิดการจลาจลครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการจลาจลของบรรดาทหาร ที่น่ากลัวที่สุด” อวู๋กวางเจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม
“ถูกต้องครับ กระดาษดับไฟไม่ได้ อีกไม่นาน อาจจะเป็นคืนนี้ หรือไม่ก็พรุ่งนี้ ข่าวนี้จะถูกปล่อยออกไป อย่างช้าที่สุดก็พรุ่งนี้ หายนะของมวลมนุษยชาติจะเกิดขึ้นแน่นอน ดังนั้นผมต้องการผู้บัญชาการอวู๋ เพื่อขนส่งอาวุธหนักและขีปนาวุธทุกชนิดจากเขตทหารตะวันตกเฉียงใต้มายังศูนย์วิจัยภายในคืนนี้ครับ”
“ทีมทหารบวกกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีทั้งหมดสองหมื่นหนึ่งพันหนึ่งร้อยยี่สิบห้าคนครับ พนักงานและคนในครอบครัวรวมทั้งหมดสามหมื่นสองร้อยแปดสิบเจ็ดคน ยังเหลือจำนวนที่นั่งอยู่ประมาณครึ่งลำครับ”วังเหว่ยพูดรายงาน
พนักงานของบริษัทเขา รวมถึงคณะกรรมการของบริษัทและคนในครอบครัว รวมถึงนักฟุตบอลในสโมสรกับครอบครัว นั่นก็หมายความว่า ตอนนี้ทั้งจำนวนคนทั้งศูนย์วิจัยรวมกันแล้ว มีประมาณห้าหมื่นหนึ่งพันกว่าคน
ยานอวกาศของลู่เฉินสามารถบรรจุคนได้ประมาณหนึ่งแสนสามหมื่นคน แต่เขาคิดจะพาไปด้วยแค่หนึ่งแสนคนเท่านั้น
เพราะพลังงานของยานอวกาศมีจำกัด ถ้าเพิ่มจำนวนคนเข้าไปหนึ่งพันคน ก็จะต้องใช้สิ่งของและพลังงานมากขึ้นซึ่งยากต่อการคำนวณ
“ถ้าอย่างนั้น ที่เหลืออีกห้าหมื่นคน พวกนายมีความคิดเห็นอะไรไหม”ลู่เฉินเอ่ยถาม
“ประธานลู่ครับ ที่เหลืออีกห้าหมื่นที่นั่ง ผมคิดว่าพวกเราคงต้องให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคครับ คุณต้องเข้าใจ ว่าการลอยตัวอยู่ในอวกาศ คนธรรมดาทั่วไปเป็นแค่ภาระ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคสามารถช่วยเหลือพวกเราได้ในยามฉุกเฉิน สำหรับพวกเราแล้ว เราไม่รู้ว่าในอวกาศเป็นยังไง พวกเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหาดาวเคราะห์ดวงไหนที่สามารถย้ายถิ่นฐานไปอยู่ได้ และความสามารถทางเทคนิคของพวกเราในตอนนี้ รุ่นของพวกเราคงจะอยู่จนถึงวันที่สามารถหาดาวเคราะห์ที่สามารถลงไปใช้ชีวิตอยู่ได้แล้ว”ติงต้าเฉิงเอ่ยพูด
“อืม ผมเห็นด้วยกับความคิดของประธานติงครับ”ลู่เฉินพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะพูด
“ผมเองก็เห็นด้วย”
“ผมเองก็เห็นด้วย”
คนอื่นๆพากันพยักหน้าเห็นด้วย
“ประธานลู่คะ ผมมีความคิดเห็นในเรื่องการคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคจะขอเสนอค่ะ”
ในขณะนั้นเอง เฉินชูหรันก็พูดขึ้นมากะทันหัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์