บทที่ 64 คุณเลือกมาได้เลย
ลู่เฉินมองไปที่ชายผู้นั้น เขามีชื่อว่าเกาหู แต่ก่อนนี้นะทางบ้านเขาค่อนข้างดี แต่อู๋เล่ยเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขา แบบที่เรียกว่าไม่มีใครยอมใครก็ว่าได้
อู๋เล่ยจ้องมองไปที่เกาหู เนื่องจากเขาโกรธแค้นแบบสุดขีดจึงทำให้หน้าแดงและตัวสั่น
“พวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ไม่ได้เจอกันก็ตั้งหลายปีแล้ว ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน?” ลู่เฉินไม่สามารถทนดูได้เขาจึงพูดขึ้น
“เป็นเพื่อนที่ถูกคอกันซะจริงๆนะ รีบร้อนออกตัวแทนขนาดนี้” เกาหูมองไปที่ลู่เฉินแล้วพูดอย่างประชดประชัน
“ผมหมายถึง ถ้าพวกคุณสองคนมีเรื่องโกรธแค้นกันก็ไปจัดการเอาหลังจากนี้ วันนี้เป็นงานเลี้ยงรุ่น ไม่ใช่วันที่ให้พวกคุณมาทะเลาะกัน แน่นอนว่าผมก็เข้าข้างอู๋เล่ย ถ้าคุณไม่พอใจจะหาผมเป็นการส่วนตัวก็ได้” ลู่เฉินตอบอย่างเจ้าเล่ห์ เพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีต่อเกาหูเท่าไหร่นัก
บรรดาเพื่อนๆต่างพยักหน้า เห็นด้วยกับความคิดของลู่เฉิน
อย่างไรเสียก็เคยเป็นเพื่อนร่วมกันมา ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี วันนี้มีโอกาสมารวมตัวกัน ถึงแม้ในใจลึกๆแล้วจะมารวมตัวเพื่อต้องการโอ้อวดความสำเร็จของตนเอง แต่หากมีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นก็คงไม่สนุกแน่
โตๆกันแล้วเรื่องแค่นี้คิดไม่ได้หรือไงนะ?
“ลู่เฉิน นี่แกท้าฉันอยู่เหรอ? ขอถามหน่อยตอนนี้ทำงานที่ไหน?ตำแหน่งอะไรแล้วล่ะ?” เกาหูใช้สายตามองไปยังลู่เฉินที่แต่งตัวแสนธรรมดาแล้วถามด้วยอารมณ์ไม่พอใจ
“ไม่ได้ท้า ส่วนเรื่องตำแหน่งคงไม่มี แต่ถ้าคุณติดขัดอะไรกับผมแล้วละก็ คุณเลือกมาได้เลย จะแข่งด้านความรู้หรือใช้กำลังหรือทั้งสองอย่างก็ได้ เวลาและสถานที่คุณเป็นคนกำหนดได้เลย” ลู่เฉินขำเบาๆ
คำพูดของเขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย แต่ประโยคนี้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามที่ฟังหวาดกลัว
บรรดาเพื่อนๆต่างตกใจแล้วมองลู่เฉิน ไม่รู้ว่าเขาเอาความมั่นใจมาจากไหนในการท้าดวลกับเกาหูในครั้งนี้
สีหน้าของเกาหูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจน นี่หมายความว่าลู่เฉินไม่เห็นเขาในสายตาแม้แต่น้อย
ในขณะที่เกาหูกำลังจะเอ่ยอะไรออกไป จ่าวเทียนหยู่เดินเข้ามาพอดี เขาสังเกตได้ว่าภายในห้องนี้บรรยากาศเปลี่ยนไปจึงเข้าใจถึงอะไรบางอย่าง
“วันนี้เป็นวันที่หัวหน้าหลี่จัดงานเลี้ยงรุ่นขึ้น พวกเราล้วนแต่เป็นเพื่อนที่เคยเรียนร่วมกัน ถ้ามีอะไรโกรธแค้นก็วางลงไว้ก่อน วันนี้ไม่ใช่วันที่จะมาแก้แค้น แต่วันที่พวกเราจะมารวมตัวกันเพื่อหวนรำลึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา”จ่าวเทียนหยู่ มองแล้วพูดขึ้น
“ใช่ๆ ไหนๆเรื่องราวก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่โกรธแค้นถึงขนาดวางไม่ลงอีกกัน”
“ก็นั่นน่ะสิ ไม่ได้มีใครไปรบราฆ่าฟันครอบครัวใคร หรือไม่ได้ไปแย่งภรรยาใครมา ทำไมต้องโกรธกันถึงขนาดนี้?”
คำพูดของจ่าวเทียนหยู่ มีน้ำหนักเพียงพอ คนส่วนมากจึงได้ออกเสียงเป็นความเห็นเดียวกับเขา
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกจ่าวเทียนหยู่เป็นทายาทเศรษฐีของแท้ และไม่ใช่ระดับเดียวกับเกาหู ที่เก่งแต่คุยโวโอ้อวด
และทุกคนเข้าใจดีว่าจ่าวเทียนหยู่นั้นเป็นเพื่อนสนิทของหลี่เหวินกวง ในวันนี้หลี่เหวินกวง เป็นตัวเอก ทุกคนจึงเห็นแก่หน้าจ่าวเทียนหยู่
“ฮ่าๆ ไอ้พวกกระจอกทั้งสองคนเราจะได้เห็นดีกัน” เกาหูหัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วใช้สายตาอันอาฆาตแค้นมองมาที่ลู่เฉินกับอู่แล่ย จากนั้นหันหลังเดินไป
เมื่อเกาหูเดินออกไปคนอื่นๆก็เดินจากออกไปด้วยเช่นกัน
ถึงแม้พวกเขาจะเห็นด้วยกับคำพูดของจ่าวเทียนหยู่ แต่ไม่ได้หมายความว่าลึกๆในใจแล้วจะยอมรับลู่เฉินและอู๋เล่ยได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์