ตอนที่ 11 ไม่มีพรนั้น
โศภิตาเพียงนั่งรถไปกับแทนไทย พวกเขาไม่ได้พูดคุยกันเลยตลอดทาง ไม่นานคนทั้งคู่ก็ไปถึงคฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลฟากฟ้า รสสุคนธ์ ฟากฟ้า อาศัยอยู่ในแถบชานเมือง เธอชอบความเงียบสงบ เธอมักจะนั่งสมาธิและสวดภาวนา มีผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่คอยอยู่เคียงข้างเธอ โศภิตาได้ยินเสียงไอของหญิงชราจากระยะไกล ใบหน้าของรสสุคนธ์ซีดเซียว เธอดูสุขภาพไม่ค่อยดีนัก เธอพูดกับแทนไทยอย่างเย็นชาว่า “รออยู่ที่ประตู” จากนั้นจึงพาโศภิตาเข้าไปข้างงใน “ใครจะไปคิดว่าหลังจากฉันไปได้ไม่นาน จะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ครั้งนี้เธออกจะหุนหันพลันแล่นเกินไปนะ” โศภิตารู้ว่าหญิงชรากำลังพูดถึงการหย่าร้างระหว่างเธอกับแทนไทย เธอค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า เธอกุมมือที่เย็นเฉียบเป็นปกติของหญิงชราก่อนจะยิ้มเล็กน้อย “คุณรสสุคนธ์คะ คุณน่าจะยินดีกับฉันนะคะ ในที่สุดฉันก็ได้เป็นตัวของตัวเองแล้ว จริงไหมคะ” หญิงชราเหลือบมองแทนไทยซึ่งอยู่ข้างนอกด้วยสายตาตำหนิเล็กน้อย เธอหันกลับมาพร้อมด้วยใบหน้าเศร้าเล็กน้อย “เจ้าแทนไทย เด็กโง่คนนั้น เจ้านั่นปล่อยภรรยาดี ๆ อย่างเธอไปได้ยังไง และเธอยังเรียกฉันว่า 'คุณรสสุคนธ์'!” โศภิตาตกตะลึง เธอรู้สึกว่าน้ำตากำลังจะไหล “คุณย่า” รสสุคนธ์ตบหลังมือของโศภิตา “โศภิตา ฉันเป็นพยานได้ถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อแทนไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอจะปล่อยความรู้สึกเหล่านั้นทิ้งไปได้จริง ๆ เหรอ” “หนูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปล่อยไป” โศภิตารู้สึกขมขื่นในใจ แล้วถ้าฉันปล่อยไปไม่ได้ล่ะ พอก็คือพอ หญิงชรากอดและตบหลังเธอเบา ๆ เพื่อเป็นการปลอบโยน “ฉันจะไม่โทษเธอที่หย่ากับแทนไทย ฉันรู้ว่าวันนี้จะต้องมาถึงไม่ช้าก็เร็ว เป็นแทนไทยเองที่โชคไม่ดีพอจะจะได้อยู่กับเธอ” โศภิตาทิ้งตัวตัวเงียบ ๆ อยู่ในอ้อมแขนของรสสุคนธ์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สำหรับครอบครัวฟากฟ้าแล้ว มีเพียงรสสุคนธ์ที่เคยแสดงความเมตตาต่อเธอ จารุณีและทินกรจะไม่กล้ายุ่งกับเธอเมื่อมีรสสุคนธ์อยู่ใกล้ ๆ และคนเหล่านั้นก็ต้องระมัดระวังเมื่ออยู่ใกล้ ๆ เธอ ดังนั้นโศภิตาจึงถือว่ารสสุคนธ์เป็นครอบครัวของเธอมานานแล้ว โศภิตาไม่เสียใจกับการหย่าร้างในครั้งนี้ แต่น่าเสียดายที่เธอจะไม่สามารถทำหน้าที่อย่างกตัญญูอยู่เคียงข้างรสสุคนธ์ได้ “โศภิตา ฉันเฝ้าดูแทนไทยเติบโตขึ้น ฉันเข้าใจบุคลิกของเขาดี ถ้าวันหนึ่งเขาต้องการเธอกลับมา เธอยังจะกลับมาหาเขาไหม” หญิงชรารู้สึกลังเลที่จะปล่อยหลานสะใภ้ที่ดีเช่นนี้ไป และเธอเองก็หวังว่าทั้งสองจะได้อยู่ด้วยกันในอนาคต แต่โศภิตาไม่ใช่คนโง่ เธอรู้ว่าคนที่สามารถทำให้แทนไทยอ่อนลงได้มีเพียงทักษอรเท่านั้น ไม่ใช่เธอ โศภิตาริมฝีปากกระตุก “แต่คุณย่าคะ แทนไทยไม่ได้รักหนู หนูน่าจะเข้าใจเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อหกปีก่อนแล้ว” รสสุคนธ์เหมือนจะรับรู้อะไรบางอย่าง สีหน้าของเธอจึงดูเศร้าหมองลง “คุณย่าคะ ไม่ว่าหนูจะยังเป็นหลานสะใภ้ของคุณย่าหรือเปล่า หนูก็ยังเป็นโศภิตาคนเก่าที่จะเคารพคุณย่าตลอดไป” เธอยื่นมือไปลูบผมของรสสุคนธ์ด้วยรอยยิ้ม “ขอให้คุณย่ามีความสุขและแข็งแรงอยู่เสมอ ตกลงไหมคะ ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่น ๆ นะคะ” แทนไทยเพียงยืนเงียบ ๆ อยู่ข้างนอก เขารู้ดีถึงความสัมพันธ์ระหว่างโศภิตาและรสสุคนธ์ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยรักโศภิตาเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอปฏิบัติต่อหญิงชราเป็นอย่างดี อาจจะดีกว่าลูก ๆ ของเธอเองเสียอีก และถึงแม้ว่าจารุณีและทินกรจะทำไม่ดีต่อเธอ แต่เธอก็ดูแลพวกเขาเช่นกัน หลังจากได้รู้ว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ของทักษอรมีสาเหตุมาจากโศภิตา ในใจของแทนก็มีแต่ความรังเกียจต่อโศภิตา แต่เขาเลือกที่จะปล่อยเธอไปเพราะเธอปฏิบัติต่อรสสุคนธ์อย่างจริงใจ ถือได้ว่าเป็นการแสดงความเมตตาครั้งสุดท้ายที่เขามีต่อเธอ หลังเวลาผ่านไปสักพัก คนทั้งคู่ก็ออกมาจากบ้าน “โศภิตา มาหาฉันได้ตลอดเวลาที่เธอต้องการเลยนะ ฉันเกรงว่าตัวฉันคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ไม่กี่ปี” “อย่าพูดแบบนั้นสิคะ! คุณย่าต้องอยู่ได้ถึงร้อยปีแน่นอน หนูสัญญาว่าจะมาหาบ่อย ๆ นะคะ” ในตอนนี้เอง แทนไทยก้าวมาข้างหน้าและเสนอว่า “ฉันจะไปส่ง” โศภิตาปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา “ไม่จำเป็น เดี๋ยวจะมีคนมารับฉัน” เมื่อหันหลัง โศภิตาจึงเดินไปที่รถมายบัคสีดำที่มาถึงพอดี เมื่อเห็นว่าเป็นฌามและคราม ดวงตาของแทนไทยจึงกลายเป็นอึมครึม ฉากอันแสนอบอุ่นของทั้งสามคนที่กำลังพูดคุยและหัวเราะนั้นช่างยากเย็นต่อการทนมอง รสสุคนธ์ไอออกมาสองสามครั้งก่อนจะหอบเล็กน้อย “ฉันแก่แล้ว ไม่มีแรงจะเข้าไปยุ่งเรื่องของหลานได้อีก แต่แทนไทย… ย่าหวังว่าหลานจะไม่เสียใจในสักวันหนึ่ง” รสสุคนธ์ผู้ซึ่งเคยสนใจเขามาโดยตลอด เธอรู้สึกผิดหวังในตัวเขาเป็นอย่างมากและไม่อยากมองหน้าเขาอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้เธอจึงกลับเข้าไปในบ้านด้วยความช่วยเหลือจากคนใช้ แทนไทยยืนอยู่คนเดียวที่ประตูขณะที่ท่าทางของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาอีกครั้ง เสียใจงั้นเหรอ ไม่มีวัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณสามี ครั้งนี้ฉันต้องหย่าให้ได้