ตอนที่ 12 ทุกคนต่างก็มีความลับของตัวเอง
วันรุ่งขึ้น แทนไทยนั่งอยู่ข้างโต๊ะที่มีใบหย่าสีแดงวางอยู่ข้างบน หลังจากมองดูใบหย่าสักพัก เขาก็โยนมันลงถังขยะ ทันใดนั้น ธนากรเดินตรงมาที่เขาและกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “คุณแทนไทยครับ คุณทวีรัชต์ ประธานไตรฟอร์ส เอ็นเตอร์ไพรส์ขอเรียนสายกับคุณครับ” พ่อของทักษอรงั้นเหรอ แทนไทยจัดการกับความรู้สึกของตัวเองและรับสายทันที “คุณลุงทวีรัชต์” ชายวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “แทนไทย ช่วงนี้ทักษอรอยู่บ้านหลาน เธอสบายดีไหม ลุงไม่มีเวลาไปเจอเธอเลย ทุกวันนี้ มีแต่ภรรยาของฉันที่คอยพาทักษอรไปหาอะไรทำแก้เบื่อ ฉันยังกลัวอยู่ว่าเธอจะบ่นอีก” น้ำเสียงของแทนไทยมั่นคง “คุณลุงสบายใจได้ครับ ทักษอรดีขึ้นแล้ว แม่ของผมเองก็คอยอยู่เป็นเพื่อเธอบ่อย ๆ เหมือนกันครับ” “งั้นก็ดีแล้ว” ทวีรัชต์ลองถามอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันได้ยินข่าวมาว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ของทักษอรเมื่อหกปีที่แล้วเกี่ยวข้องกับอดีตภรรยาของหลาน เมื่อวานแม่ของทักษอรไปเยี่ยมเธอและเกี่ยวกับเรื่องนี้นิดหน่อย แต่ทักษอรก็เอาแต่หลีกเลี่ยงหัวข้อนี้มาตลอด หลานรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” แทนไทยตกใจที่ได้ยินทวีรัชต์ถามเช่นนี้ เขาเม้มริมฝีปากแน่นและไม่ได้ตอบออกไปทันที “แทนไทย หลานฟังอยู่หรือเปล่า” หลังจากผ่านไปสักพัก แทนไทยขมวดคิ้ว “อุบัติเหตุในตอนนั้น... มีส่วนเกี่ยวข้องกับโศภิตาครับ” ทวีรัชต์พูดต่อ “หลานเองก็รู้ว่าทักษอรเป็นลูก เพียงคนเดียว ของลุง อุบัติเหตุเมื่อหกปีก่อนเกือบจะทำให้ลุงกับภรรยาต้องใจสลาย หลังจากทักษอรฟื้นขึ้นมา หลานคือคน ๆ แรกที่เธออยากเจอ ลุงเชื่อว่าหลานน่าจะรู้ว่าทักษอรรักหลานมากแค่ไหน ลุงรู้ว่าหลานคงจะสามารถแยกแยะได้ว่าใครสำคัญกว่ากันระหว่างอดีตภรรยากับทักษอร” แทนไทยหลุบตาลง “ครับ ผมรู้” ทวีรัชต์ดูจะพออกพอใจกับคำตอบของเขาเป็นอย่างมาก “แทนไทย ลุงเชื่อว่าหลานจะเป็นคนที่คู่ควรที่สุดสำหรับทักษอร” หลังวางสาย แทนไทยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังผ่านไปพักใหญ่ เขาจึงโทรหาธนากร “ช่วยอะไรฉันหน่อย” …… ในขณะเดียวกัน โศภิตา ครามและฌานก็เดินเคียงข้างกันออกมาจากอาคารสำนักงานของพาราไดม์ ฌานยิ้มและจับไหล่ของครามพร้อมยกนิ้วโป้งให้เขา “เมื่อกี้สุดยอดไปเลย นายเห็นสีหน้าของตาแก่พวกนั้นไหม ทุกคนหน้าแดงเพราะความโกรธ! ฉันรู้ว่านายต้องทำแบบนี้ ฮ่าฮ่า!” โศภิตาเองก็ยกยิ้มเยาะที่มุมปาก “คนพวกนั้นมีอคติกับฉันตั้งแต่มีคดีขโมยเงินเมื่อหกปีก่อน เป็นธรรมดาที่พวกเขาคงไม่อาจยอมรับความจริงได้ง่าย ๆ ว่าฉันกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รายคนใหม่ แต่วิธีการของครามได้ผลมากจริง ๆ เล่นเอาซะคนพวกนั้นพูดไม่ออกเลย!” โศภิตาไม่เคยถามว่าครามและคุณปู่ของเธอพบกันได้อย่างไร และไม่เคยถามว่าทำไมเขาถึงรู้ทุกเรื่องของพาราไดม์ ถึงแม้ตอนนี้ครามจะเป็นนายแบบ แต่ทุกคนก็มีความลับเป็นของตัวเอง การไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นถือเป็นความเคารพขั้นพื้นฐานที่สุด คุณปู่ยอมไปมากมายเพื่อให้ได้หุ้น 51% มา ดังนั้นฉันจะต้องใช้มันมาหนุนตำแหน่งของฉันใน พาราไดม์ และค้นหาความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหกปีก่อนอย่างถี่ถ้วน ส่วนตระกูลกิตติพงศ์... ดวงตาของเธอสั่นไหว เราไม่ได้รีบร้อน เราจะจัดการไปทีละอย่าง โศภิตาคิด “เอาล่ะ ที่รัก ตอนนี้เธอเป็นคนมีตำแหน่งแล้ว จะมาแต่งตัวไม่เรียบร้อยแบบนี้ไม่ได้ และแน่นอนว่าเธอจะปล่อยให้คนอื่นมาดูถูกเธอไม่ได้เช่นกัน ไปหาซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับกันเถอะ!” ฌานจึงขับรถพาพวกเขาไปที่ร้านแบรนด์เนม ที่นี่คือสวรรค์สำหรับพวกผู้หญิงไฮโซ เป็นที่ที่ขายของราคาแพง เช่น เสื้อผ้าจากเหล่าดีไซเนอร์ เครื่องประดับ และอื่น ๆ แต่อารมณ์ดี ๆ ของพวกเขาทั้งสามคนก็ถูกทำลายลงทันทีด้วยเสียงแหลม ๆ และหยาบคาย “หยุดอยู่ตรงนั้นนะ นังแพศยา!” คำสบถที่คุ้นเคยที่มาพร้อมกับน้ำเสียงที่คุ้นเคย เมื่อได้ยินแบบนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของโศภิตาก็หายไปเกือบจะในทันที หลังจากที่พวกเขาหันกลับมา พวกเขาเห็นจารุณีกำลังยืนเท้าเอวจ้องพวกเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง จารุณีพุ่งเข้าหาโศภิตา ชี้นิ้วไปที่ปลายจมูกของโศภิตาและเริ่มพ่นถ้อยคำระคายหู “นังแพศยา นอกจากแกจะมีชู้แล้ว แกยังเอาเงินของลูกชายฉันมาซื้อของให้ชู้ทั้งสองคนของแกด้วยงั้นเหรอ แกมันผู้หญิงน่ารังเกียจ หรือไม่จริงล่ะ โศภิตา รัตนธร!” ใบหน้าของครามเย็นชา เขาขยับมายืนตรงหน้าโศภิตา “ถ้าไม่มีอะไรดี ๆ จะพูดก็หุบปากซะ” จารุณีกลอกตา เสียงอันดังของเธอดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้มามุงดู “ทุกคนดูไว้นะ! ผู้หญิงคนนี้เป็นนังแพศยาไร้ยางอาย เธอใช้เงินที่หามาอย่างยากลำบากของลูกชายฉันไปกับชู้ของเธอ! ดูไว้ให้ดีนะ! ผู้หญิงหนึ่งคนกับผู้ชายสองคน นี่มัน Scarlet Letter ในชีวิตจริงชัด ๆ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณสามี ครั้งนี้ฉันต้องหย่าให้ได้