คืนวิวาห์ไร้ใจ นิยาย บท 36

Chapter 36 พรหมจรรย์กลางสายฝน

เสียงร้องโหยหวนค่อยๆ เงียบลงไปแล้ว แทนที่ด้วยเสียงคำรามแผ่วกัดข่มความเจ็บปวดจนสันกรามปูดโปน โจวจือหยวนค่อยๆ เดินขึ้นจากบ่อน้ำ

ยามนี้เนื้อตัวของเขาไม่ได้โป่งพองราวกับเนื้อหนังจะปริแตก มันค่อยๆ ยุบลงจนกลับกลายเป็นปกติ ยังคงเหลือไว้เพียงเส้นเลือดที่ปูนโปนเท่านั้น

จือหยวนทิ้งตัวลงนอนหอบหายใจรวยรินบนผืนดิน ก่อนจะปิดเปลือกตาลงช้าๆ ราวเพิ่งผ่านความเป็นความตายมาหมาดๆ

ฉานอิงเห็นดังนั้นจึงค่อยๆ ย่องออกจากห้องลับอย่างเงียบเชียบ ยื่นมือไปหมุนหัวกะโหลกไปทางขวาเพื่อให้ผนังด้านหลังโต๊ะอ่านตำราปิดลง

นางก้าวเท้าออกจากเรือนป่าไผ่ด้วยความรู้สึกหวิวโหวง ความเครียดส่งผลให้นางรู้สึกมือสั่น คลื่นไส้ ริมฝีปากสั่นระริกจนท้ายที่สุดนางต้องทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้หินขัดภายในสวนกลางเรือนที่จัดไว้อย่างร่มรื่น

ยามนี้ทุกคนในเรือนล้วนหลับสนิท มีเพียงเวรยามที่ออกเดินตรวจตราอยู่ด้านนอกประตูเท่านั้น อีกไม่กี่ชั่วยามก็จะรุ่งสางแล้ว เวลาเช่นนี้สินะที่เขาเดินกลับเรือนนอนด้วยเนื้อตัวเย็นเฉียบ โอบกอดซุกกายหาไออุ่นจากร่างกายของนางแล้วหลับไปโดยไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลย

เขาไม่ได้โกหกที่บอกว่านอนไม่หลับจึงไปแช่น้ำมา ก็แล้วเขาจะหลับตาได้อย่างไรกันเล่า!

“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ท่านพี่ต้องทนทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้ ข้าไม่เคยรู้เลย”

นางปล่อยให้น้ำตาร่วงรินเป็นสาย แหงนหน้ามองขึ้นไปยังท้องฟ้าอีกครั้ง พระจันทร์ที่นางเคยชื่นชอบทว่าวันนี้นางกลับรู้สึกชิงชังอย่างไร้เหตุผล

ครืน!

พลันฟ้าก็ร้องคำรามราวกับพิโรธ เพียงไม่ถึงสามลมหายใจหยาดฝนเม็ดเล็กๆ ก็เริ่มโปรยปราย ทว่าฉานอิงกลับไม่มีแก่จิตแก่ใจจะวิ่งหลบฝน นางยังคงนั่งอยู่แบบนั้นปล่อยให้หยาดฝนกลบหยาดน้ำตาที่พรั่งพรูเป็นสาย ปล่อยให้เสียงฟ้าร้องกลบเสียงสะอื้นไห้ด้วยความเสียใจ

ซ่า ซ่า ซ่า

เสียงฝนตกกระทบหลังคา ใบไม้ และผืนดินทำให้หัวใจที่ร้อนรุ่มของอู่ฉานอิงค่อยๆ สงบลงไปกว่าสามในสี่ส่วน นางนั่งนิ่งราวกับกำลังกลั่นกรองความคิดและความรู้สึกของตนเองโดยไม่รู้เลยว่ามีฝีเท้าที่เงียบกริบย่างก้าวเข้ามาใกล้

“อิงเอ๋อร์เหตุใดเจ้าจึงมานั่งตากฝนเช่นนี้”

เสียงทุ้มคุ้นเคยทำให้นางรีบหันไปฉีกยิ้มกว้างราวกับกำลังอารมณ์ดี

“ข้านอนไม่หลับ พอได้ยินเสียงฝนตกเลยคิดถึงตอนเป็นเด็กเจ้าค่ะ อยากจะออกมานั่งตากฝนเย็นๆ”

โกหกออกไปคำโตพลางยิ้มหยีจนหยาดน้ำฝนที่เกาะแพขนตาร่วงหล่น นางแสร้งหัวเราะออกมาแหงนหน้าขึ้นรับหยาดน้ำฝน แล้วชูมือทั้งสองโบกไปมาราวกับกำลังสนุกสนานเหลือกำลัง

โชคดีเหลือเกินที่ฝนตกเขาจึงไม่เห็นหยาดน้ำตาที่หลั่งรินไม่หยุด

โชคดีเหลือเกินที่ฟ้ายังไม่สว่างเขาจึงไม่เห็นว่าใบหน้าของนางแดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คืนวิวาห์ไร้ใจ