หลิน เสวียจีที่กังวลว่าสองพี่น้องจะพูดอะไรแปลก ๆ ใส่ชายแก่ เธอจึงรีบเดินตามคนทั้งสองขึ้นไปด้านบน เธอหลบและแอบฟังสิ่งที่เกิดขึ้นด้านใน
พอได้ยินว่าลู ชินจินจะออกจากตระกูลลู หญิงสาวก็ดีใจจนเนื้อเต้น มากกว่าตกใจเสียอีก
ส่วนชินจินที่เดินออกมาจากห้องทำงานของพ่อ ก็เหลือบเห็นหลิน เสวียจีทางหางตา ใบหน้าหล่อแสยะยิ้มใส่หล่อนแล้วเดินต่อ
ถึงจะไม่พอใจการกระทำของลู ชินจิน ทว่าพอนึกถึงเรื่องที่เด็กนั่นยอมถอนตัวเองออกจากตระกูลด้วยความยินยอมของตัวเอง เธอก็มีความสุขจนลืมความโกรธเคืองก่อนหน้านี้ไปเลย
เสวียจีอดทนรอจนกระทั่งเซียวเหยาเดินออกมาจากห้อง ค่อยแอบย่องเข้าไปในห้องทำงานของลู ติงแบง พลันเบิกตากว้างเมื่อเห็นชายแก่กำลังกวาดโยนทุกอย่างลงบนพื้นด้วยแรงโกรธที่กำลังครุกกรุ่น
หลิน เสวียจีเริ่มกลัวจนตัวสั่น “ทำอะไรของคุณเนี่ยติงแบง?!”
สายตาของลู ติงแบงที่เต็มไปด้วยความโกรธเคืองจ้องเขม็งมาที่เธอราวกับจะฆ่าแกง “ช่วยติดต่อหานักข่าวให้ฉัน ฉันจะปล่อยข่าวเรื่องตัดหางปล่อยวัดลู ชินจินกับลู เซียวเหยาออกจากตระกูลลู”
“ติงแบง นี่คุณกำลังคิดจะทำอะไร?” หลิน เสวียจีแสร้งไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่ในใจกำลังเต้นพ่านอย่างดีใจ
ดูท่า ครั้งนี้คงจะเป็นการตัดขาดระหว่างพ่อลูกจริง ๆ แล้วสิ
“ถามอะไรมากมาย? ทำตามที่ฉันบอกก็พอ!” ลู ติงแบงตวาดลั่น
หญิงสาวสั่นกลัว แต่ก็ตั้งสติเอ่ยเสียงนุ่มนวล “โอเค โอเค อย่าเพิ่งโมโหเลยนะคะ เดี๋ยวฉันติดต่อนักข่าวให้เดี๋ยวนี้แหละ”
พอจบประโยค เธอก็รีบออกจากห้องทำงานไปติดต่อสื่อบันเทิงทันที
ลู ติงแบงทิ้งตังลงบนเก้าอี้อย่างเหน็ดเหนื่อย สีหน้าของผู้นำตระกูลลูเต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
เขาจะทำให้ไอ้เด็กหัวดื้อจอมหยิ่งยโสนั่นรู้ว่า พวกมันจะไร้ค่าขนาดไหนหากไร้ซึ่งตระกูลลู
…
“พี่ครับ นั่นมันใจร้อนเกินไปหรือเปล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่รักสายฟ้าแลบ: เจ้าสาว ของ คุณ พอจะเป็น ฉันได้ไหม