“เรื่องเข้าใจผิดเหรอ” คำพูดของวิเวียนมีแต่ทำให้ฟาเบียนโกรธจัด เขาขึ้นเสียงแล้วบีบคางเธอ
เขาออกแรงบีบมากจนใบหน้าของวิเวียนเริ่มเหยเกด้วยความเจ็บปวด
“เข้าใจอะไรผิดเหรอ ที่ผมคิดคือคุณคงเห็นแล้วว่าไอ้หนุ่มถังแตกเมื่อสองปีก่อนอยู่ๆ ก็มีเงินถุงเงินถังจนกลายมาเป็นหัวหน้าบรรณาธิการ คุณรู้สึกว่าตัวเองคิดผิด ก็เลยมาอ้างว่าทั้งหมดนี้เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ถูกไหม”
เมื่อเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้ออกมา ความดุร้ายฉายผ่านดวงตาของฟาเบียน เขาดึงใบหน้าของวิเวียนให้หันมาหาเขาขณะเตือนเธอว่า “วิเวียน จะบอกให้นะ ผมไม่ได้เชื่อคนง่ายเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว”
เมื่อมองดูใบหน้าที่คุ้นเคยของเขาซึ่งเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความเกลียดชัง ทั้งหมดที่วิเวียนรู้สึกได้คือความตกใจและปวดใจ
เธออยากอธิบายเพื่อแก้ตัว แต่พบว่าเธอไม่สามารถฝืนพูดอะไรได้อีกแม้แต่คำเดียวเพื่อปกป้องตัวเอง
จะอธิบายอะไรได้อีก
ถ้าเขาเต็มใจที่จะเชื่อฉันจริง ๆ ทำไมตอนนั้นเขาถึงจากไปโดยไม่แม้แต่จะบอกอะไรฉันเลย
แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาเชื่อไปแล้วว่าฉันเป็นแค่พวกตกทอง คนที่พร้อมจะทรยศเขาเพื่อเงิน ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม
และต่อให้เขาเชื่อคำอธิบายของฉัน แล้วยังไงล่ะ
ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของคนอื่นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็ไม่ใช่เป็นคนเหมือนในอดีตอีกต่อไป เราไม่อาจย้อนเวลากลับคืนมาได้...
พอคิดได้ วิเวียนจึงพยายามอย่างที่สุดเพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เธอจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่เงยหน้าขึ้นทันที
“ฟาเบียน” เธอเอ่ยเบาๆ น้ำเสียงของเธอราบเรียบอย่างน่าแปลกใจ “คุณพูดถูก สิ่งที่เกิดขึ้นในปีนั้นเป็นอย่างที่คุณคิด แต่คุณเข้าใจผิดบางอย่าง ตอนนี้ฉันไม่อยากคบกับคุณ การที่คุณได้ตำแหน่งหัวหน้าบ.ก. หรือต่อให้เป็นซีอีโอ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”
เมื่อเธอพูดจบประโยคสุดท้าย วิเวียนรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่เจ็บแปลบที่คางของเธอ เห็นได้ชัดว่าฟาเบียนบีบคางเธออย่างแรง มือของเขากำแน่น
แต่เธอต้องแปลกใจเป็นที่สุดที่เขาตัดสินใจเหวี่ยงเธอออกไปในเวลาต่อมา
วิเวียนเดินซวนเซถอยหลัง เธอรีบใช้แขนพิงผนังเพื่อไม่ให้ล้ม เมื่อเธอเงยหน้ามองเขา เธอเห็นฟาเบียนจ้องมาที่เธออย่างเย็นชา ความเหยียดหยามและความชิงชังในดวงตาของเขาเหมือนกับกริชที่แทงทะลุหัวใจของเธอ
ฉันควรยอมเจ็บ มันจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการเอาตัวเข้าไปพัวพันกับเขาอย่างแน่นอน
ดังนั้น เธอจึงมีเหตุผลที่จะกลั้นน้ำตาของเธอไว้ขณะที่เธอรีบบอกออกมาว่า “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนล่ะ”
พูดจบเธอจึงรีบออกจากห้องทำงานนั้นไปโดยไม่กล้าแม้แต่จะแอบมองฟาเบียนแม้สักครั้ง
หลังจากเผ่นแน่บออกมาจากบริษัทนิตยสารแล้ว ในไม่ช้าวิเวียนก็มาถึงชั้นล่าง แต่เธอเพิ่งมารู้ว่าข้างนอกฝนกำลังเทลงมาอย่างหนัก โชคร้ายที่สุดของเธอที่พบว่าเธอทิ้งร่มไว้ในที่ทำงาน
แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ วิเวียนพบว่าเธอไม่กล้าพอที่จะกลับไปหยิบร่มของเธอ เพราะเธอรู้ว่าฟาเบียนอาจจะยังอยู่ในห้องทำงานของเขา เธอจึงไม่กล้ากลับเข้าไป
ฉันช่างเป็นคนขี้ขลาด
ขณะมองดูสายฝนเทลงมา วิเวียนมองหารถแท็กซี่ โชคไม่ดีที่เป็นช่วงฝนฟ้าคะนองอย่างรุนแรง วิเวียนพบว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาแท็กซี่สักคัน แอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่ก็ล่ม ในที่สุดเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแข็งใจแก้ปัญหาขณะที่เธอเอากระเป๋าถือป้องหัวแล้ววิ่งอย่างเร็วไปที่สถานีรถไฟ
แม้ว่าเธอจะเปียกโชกไปทั้งตัว เธอยังต้องเบียดเสียดเยียดยัดอยู่กับผู้โดยสารคนอื่นๆ บนรถไฟ ตอนนั้นเธอได้แต่หวังให้ฝนหยุดตก แต่ดูเหมือนพระเจ้ากำลังพยายามทรมานเธอเช่นกัน พายุฝนฟ้าคะนองด้านนอกส่งเสียงคำรามโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ความพยายามของวิเวียนในการเรียกรถแท็กซี่ยังคงเปล่าประโยชน์ วิเวียนไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องรอที่สถานีรถไฟ
ในไม่ช้าเธอก็หวนนึกถึงความทรงจำในอดีตเมื่อสองปีที่แล้วในคืนที่มีพายุฝนฟ้าคะนองแบบนี้ เป็นค่ำคืนที่เธอสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดของเธอไป...
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็สูญเสียฟาเบียน ชายที่เธอคิดว่าจะอยู่เคียงข้างเธอไปตลอดชีวิต
ความสิ้นหวังที่เธอเคยรู้สึกเมื่อสองปีก่อนเหมือนหนอนที่ชอนไชหัวใจที่ด้านชาของเธอในตอนแรก
หนาว...
มันหนาวเหลือเกิน...
ฟินนิคเหรอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ความรักสีคราม