"ได้สิ" นั่นเป็นครั้งแรกที่ฟินนิคได้ยินคนให้สัญญาว่าจะปกป้องเขา และนั่นก็คือลูกชายของเขาเอง ทันใดนั้นจิตใจของเขาก็เบ่งบานด้วยความสุข
“แต่ว่าพ่อจะต้องรักผมให้มาก พ่อต้องรักผมมากกว่าที่พ่อรักแม่ด้วยนะฮะ” แลร์รี่โพล่งออกมาอย่างเป็นกังวล ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างรบกวนจิตใจเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ในตอนนั้น ฟินนิคคิดว่าเขาอิจฉาวิเวียน แต่ในทางกลับกัน วิเวียนรู้เหตุผลที่แท้จริงเบื้องหลังคำขอของเขา
"ทำไมล่ะครับ?" ฟินนิคอดไม่ได้ที่จะถาม
“เพราะที่ผ่านมาพ่อเคยหลงรักแม่มามากแล้ว ดังนั้นพ่อต้องชดเชยให้ผมน่ะสิฮะ”
แลร์รี่รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาพูดผิด แต่เนื่องจากคำพูดนั้นออกจากปากของเขาไปแล้ว เขาจึงไม่คิดที่จะเปลี่ยนคำพูด เขาได้แต่ยอมรับมันและพูดต่อด้วยเสียงหัวเราะ
มันอาจจะฟังดูเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่ในที่สุด ฟินนิคก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกอิจฉาวิเวียน แต่เขาขาดความรักจากผู้เป็นพ่อต่างหากล่ะ
เป็นเพราะฉันไม่ได้อยู่เคียงข้างเขาตั้งแต่เขายังเล็ก เขาจึงไม่เคยได้รับความรักจากพ่อเลย และแม้ว่าเขาจะพูดในลักษณะเป็นเชิงล้อเล่น แต่มันจะฟังดูน่าวิตกน้อยกว่าหากเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวัง เขาผ่านอะไรมาบ้างถึงได้พูดเรื่องที่น่าเศร้าใจด้วยรอยยิ้มแบบนี้?
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดเกินจะบรรยาย เขาไม่รู้จะพูดอะไรเพื่อปลอบใจแลร์รี่
ในขณะเดียวกัน วิเวียนซึ่งนั่งข้างๆ แลร์รี่ก็พูดขึ้น
“แม่ขอโทษนะจ๊ะฟักทองน้อย แม่เองที่เป็นคนพรากลูกจากเวลาห้าปีที่ลูกควรจะได้อยู่กับพ่อ ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ ตอนนี้ลูกคงจะมีความสุขไปแล้ว”
เธอรู้ว่าเธอมีส่วนผิดในเรื่องนี้ แต่เธอคิดไปเองมาตลอดว่าแลร์รี่ไม่ได้สนใจเรื่องพ่อที่เขาไม่รู้จักด้วยซ้ำ เธอไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะโหยหาพ่อมาขนาดนี้
ดังนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เธอได้รับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของเขา
“ไม่ คุณอย่าโทษตัวเองแบบนั้นสิ และไม่ต้องกังวลไปนะแลร์รี่ พ่อจะไม่มีวันทอดทิ้งลูกไปไหนอีกแล้ว”
ความเจ็บปวดรวดร้าวกระแทกใจของฟินนิคเมื่อเขาได้ยินวิเวียนแบกรับความผิดทั้งหมดเอาไว้คนเดียว เขาจึงพูดแทรกขึ้นมาและให้คำมั่นสัญญากับแลร์รี่
“มันถือเป็นสัญญาแล้ว แม่และพ่อต้องรักษาคำพูดนะฮะ ตกลงไหม?” แลร์รี่แสดงท่าทางน่าเอ็นดูหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ทำให้พวกเขาทั้งคู่หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ความรักสีคราม
สนุกมาก...