เพราะตอนที่เธออายุห้าขวบก็ยังไม่เคยเห็นคนตาย
“เป็นเด็กดีนะเจ้าเด็กน้อยของแม่ อย่าร้องไห้” สภาพของเด็กชายทำให้วิเวียนสะเทือนใจ
มีแต่วิเวียนเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองต้องอดทนแค่ไหนในช่วงเวลาแบบนี้ แม้เธอจะไม่ใช่คนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่พวกเขาก็ล้วนเป็นคนที่เธอรัก
เธอได้เห็นว่าพวกเขาเจ็บปวดมากและไม่อาจผ่านมันไปได้โดยง่าย
บางครั้ง การต้องเห็นผู้อื่นทนทุกข์กลับสร้างความโศกเศร้าได้มากกว่าเสียอีก
วิเวียนลูบหลังแลร์รี่เพื่อปลอบโยน หวังว่าลูกชายของเธอจะลืมความทรงจำเลวร้ายครั้งนี้ได้ มันจะกลายเป็นความบอบช้ำวัยเด็กของเขาถ้าเด็กชายลืมไม่ลง
วิเวียนไม่อยากให้แลร์รี่ต้องรับมือกับชีวิตวัยเด็กที่นึกถึงทีไรก็ต้องหวาดกลัว เธออยากให้เขาเติบโตขึ้นมาอย่างสงบสุข
เธอปลอบประโลมแลร์รี่ แล้วค่อยๆ ผล็อยหลับไปพร้อมกัน
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนั้นหนักหนาสาหัสเกินกว่าวิเวียนจะรับไหว
เธอกำลังทำอาหารให้ฟินนิคตอนที่ได้รับโทรศัพท์ จากนั้นก็ผลุนผลันออกไป ได้เห็นศพกลาดเกลื่อนอยู่ที่พื้นเหมือนกับแลร์รี่
วิเวียนยังได้เห็นซามูเอลนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นด้วย แม้จะสิ้นหวัง แต่ก็ร้องไห้ออกมาตอนนั้นไม่ได้
เธอปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเมื่อแลร์รี่หลับไป
วิเวียนลูบหลังแลร์รี่พร้อมกับร่ำไห้และพยายามปลอบโยนตัวเองไปด้วย
ขณะที่สองแม่ลูกหลับไหล ฟินนิคยังอยู่บนเนินเขา คุกเข่าต่อหน้าหลุมฝังศพของซามูเอล
เขาคุกเข่านิ่งอยู่อย่างนั้น
เช้าวันต่อมา วิเวียนทำอาหารเช้าให้แลร์รี่และพบว่าฟินนิคยังไม่กลับบ้าน หลังจากรออยู่ครู่ใหญ่ เธอกับแลร์รี่ก็กลับไปที่เนินเขาเพื่อตามหาฟินนิค
เส้นทางบนเขาใช้สัญจรลำบากเพราะยังเช้าตรู่ ต้นไม้ใบหญ้าสองข้างทางยังมีน้ำค้างยามเช้าเกาะพราว
ทิวทัศน์บนยอดเขาดูงดงาม แต่วิเวียนไม่มีอารมณ์จะชื่นชม เธอเป็นห่วงฟินนิคมาก
สองแม่ลูกเดินขึ้นเขา ยิ่งใกล้ถึงยอดเขา วิเวียนก็ยิ่งกังวล
แต่เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองกังวลเรื่องอะไร
สิ่งที่วิเวียนต้องการคือไปถึงยอดเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฟินนิคและดูว่าเขาโอเคหรือไม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ความรักสีคราม
สนุกมาก...