เพราะอันที่จริงวิเวียนไม่ได้ทำอะไรนอกจากแบ่งปันความคิดเห็นของเธอกับอัลเบิร์ตและวินนี่
ในครั้งนั้น ฟินนิคเต็มใจแต่งงานกับเธอทั้งที่เธอยังไม่มีสถานภาพพลเมืองด้วยซ้ำ ดังนั้น จึงเป็นความรักที่นำพาคนสองคนมาเจอกัน และจะไม่มีใครพรากพวกเขาจากกันได้ตราบใดที่ทั้งคู่ยังรักกันอยู่
เมื่อวิเวียนบอกปารีสเรื่องนี้ หญิงสาวก็ได้แต่ยิ้มให้ อันที่จริงเธอรู้สึกขอบคุณวิเวียนมากจนไม่รู้จะพูดอะไร ทั้งคู่เลิกคุยกันและรีบกลับไปทำงาน
เมื่อหัวหน้าบรรณาธิการมาถึงก็เรียกวิเวียนกับปารีสให้ไปพบในออฟฟิศของเธอ บรรยากาศในห้องดูอึมครึมเพราะเธอเอาแต่จ้องทั้งคู่โดยไม่พูดสักคำ
ขณะที่วิเวียนกำลังคิดว่าหัวหน้าบรรณาธิการคงจะจ้องเธอไปตลอดชาติ อีกฝ่ายก็โพล่งออกมา “บอกฉันสิ ทำไมเมื่อวานเธอสองคนถึงโดดงาน?”
แม้เมื่อวานเธอจะได้รับข้อความของวิเวียน แต่ก็โมโหอยู่ดี
หลังจากทำงานมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นลูกน้องโดดงานแบบโจ่งแจ้ง ถึงวิเวียนจะเป็นภรรยาของท่านประธาน แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลอันชอบธรรมที่เธอจะฝ่าฝืนกฏของบริษัทอย่างร้ายแรง
วิเวียนก้มหน้าเมื่อได้ยินคำถามนั้น ครู่ต่อมาก็เงยหน้ามองอีกฝ่ายและยอมรับความผิดของเธอกับปารีส “เมื่อวานเรามีเหตุฉุกเฉิน เราเสียใจที่ฝ่าฝืนกฏของบริษัทและจะยอมรับบทลงโทษของการโดดงานค่ะ”
“ก็ดี ฉันต้องการให้เธอสองคนส่งรายงานการพิจารณาตัวเอง ความยาวหนึ่งหมื่นคำ” แล้วหัวหน้าบรรณาธิการก็ให้ทั้งคู่ออกไป ปารีสเพิ่งจะตั้งสติได้ การถูกหัวหน้าบรรณาธิการตำหนิเป็นประสบการณ์ที่น่าพรั่นพรึง “วิเวียน ฉันเสียใจ ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของฉันเอง ฉัน…”
วิเวียนยับยั้งปารีสจากการพร่ำขอโทษขอโพย “ไม่หรอกน่ะ ฉันก็มีส่วนรับผิดชอบเหมือนกัน เราเริ่มเขียนรายงานกันเถอะ”
วิเวียนตั้งต้นเขียนรายงาน ส่วนปารีสต้องเขียนทีหลังเพราะมีงานอื่นค้างอยู่
ทั้งคู่ต้องเขียนรายงานให้เสร็จถึงจะออกจากออฟฟิศได้ ซึ่งหากไม่เสร็จก็จะถูกหักเงินเดือน สำหรับหัวหน้าบรรณาธิการ การโดดงานเป็นการฝ่าฝืนกฏอย่างร้ายแรง
ใครก็คงนึกภาพออกว่าจะบ้าบอขนาดไหนถ้าจู่ๆ ผู้สัมภาษณ์ก็หายตัวไปขณะกำลังสัมภาษณ์บุคคลที่มีชื่อเสียง
เพราะฉะนั้น หัวหน้าบรรณาธิการจะไม่อดทนกับใครก็ตามที่กล้าโดดงาน พฤติกรรมไม่พึงประสงค์เช่นนี้สมควรได้รับโทษหนัก
เมื่อเบเนดิกต์มารับปารีสหลังเลิกงาน ก็เห็นสองสาวกำลังง่วนกับการเขียนรายงานการพิจารณาตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ความรักสีคราม
สนุกมาก...