หลินไป๋หลัน นิยาย บท 102

ไป๋หลันเงยหน้ามองเฟยเฟยที่ตอนนี้กำลังโรมรันกันอย่างดุเดือดด้วยพลังที่อยู่ในระดับเท่าเทียมกันจึงตรึงมืออยู่พอสมควร ไป๋หลันลุกยืนหาจังหวะเข้าช่วยเหลือเฟยเฟย ร่างบางทะยานตัวขึ้นเหนือน่านฟ้ามือบางปล่อยแสงสีทองออกไปยังอินทรีย์เพลิงอย่างแม่นยำ เมื่อมีพลังที่แข็งแกร่งอีกสายเข้ามาช่วยเหลือเจ้าอินทรีย์เพลิงจึงชะงักไปเล็กน้อย เฟยเฟยเมื่อสบโอกาสตอนที่สหายยื่นมือเข้าช่วยเหลือจึงปล่อยเปลวเพลิงคู่กายใส่อินทรีย์เพลิงได้สำเร็จ หงส์เพลิงเผาร่างอินทรีย์เพลิงจนไหม้เกรียมเป็นเถ้าถ่าน

ไป๋หลันทะยานตัวลงสู่พื้นล่างด้วยท่วงท่าสง่างามดุจดังนางเซียนที่ลงมาจากสรวงสวรรค์เรียกสายตาของผู้คนที่พบเห็นจนยากละสายตาจาก ส่วนทหารปีศาจก็ถูกคนของพรรคจันทราจัดการจนหมดสิ้นถึงแม้คนของพรรคจันทราจะบาดเจ็บล้มตายไปมากเช่นกัน

ไป๋หลันบอกท่านตาอี้หลางให้รีบนำคนเจ็บมารวมกันนางจะช่วยรักษาพวกเขาเพราะพิษที่เคลือบกระบี่ของพวกมันร้ายแรงมากถ้าชักช้าอาจตายได้ อี้หลางได้ยินเช่นนั้นก็รีบสั่งลูกพรรคที่ไม่ได้รับบาดเจ็บให้ช่วยนำคนเจ็บมาไว้ยังลานกว้าง เมื่อคนเจ็บทั้งหมดถูกนำตัวมาทั้งหมดแล้วไป๋หลันรีบนำยาถอนพิษและโอสถฟื้นฟูออกมาให้เหล่าลูกพรรคช่วยกันป้อนคนที่บาดเจ็บจึงสามารถช่วยเหลือเหล่าลูกพรรคไม่ให้ล้มตายได้อีกหลายคน

"หลันเอ๋อร์ตาขอบใจเจ้ามากที่เข้ามาช่วยไว้ได้ทันเวลามิเช่นนั้นพวกเราคงได้จบสิ้นเป็นแน่" อี้หลางเอ่ยขอบคุณ แม้อยากจะถามไถ่ว่านางมาถึงที่นี่ได้อย่างไร แต่สำหรับนางแล้วคงมีเรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นมากมายที่ตนยังไม่รู้เป็นแน่แต่กระนั้นก็นับว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อย

"ข้ายินดีเจ้าค่ะท่านตา...” ไป่หลันเอ่ยบอกท่าตาอี้พร้อมรอยยิ้มจากนั้นก็หันไปทางด้านท่านยายหลิงแล้วเอ่ย “ท่านยายเข้าไปพักด้านในก่อนเถิดเจ้าค่ะอีกสักครู่อาการคงดีขึ้น" เอ่ยจบก็ช่วยพยุงท่านยายหลิงเข้าเรือนพัก โชคดีที่ตรงเรือนพักยังไม่โดนไฟไหม้จากเพลิงของอินทรีย์จึงยังมีสภาพสมบูรณ์อยู่แต่ส่วนเรือนอีกค่อนข้างเสียหายอย่างหนักคงต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีกนานทีเดียวกว่าจะกลับมาสวยงามเช่นเดิมอีก

"แล้วอาหลงเป็นอย่างไรบ้าง" อี้หลางเอ่ยถามถึงหลานชายด้วยความเป็นห่วง

"พี่หลงฝีมือเก่งกาจยากหาผู้ใดเปรียบเขารับมือได้แน่นอนเจ้าค่ะท่านตามิต้องกังวล" ไป๋หลันเอ่ยพร้อมส่งยิ้มไปให้ท่านตาอี้ได้คลายกังวล เท่าที่นางยืนดูการต่อสู้ของพี่หลงเขายังไม่ได้แสดงพลังเต็มที่เลยด้วยซ้ำนางจึงเบาใจได้ในระดับหนึ่งว่าเขาสามารถจัดการประมุขพรรคตะวันเพลิงคู่ปรับเก่าได้ และอีกอย่างประมุขพรรคตะวันเพลิงไม่มีพลังของสัตว์อสูรคอยปกป้องอีกแล้วพลังในร่างกายของเขาคงลดน้อยถอยลงไปมาก

"ได้ยินเจ้าเอ่ยเช่นนั้นพวกเราก็เบาใจ" หลิงเซียงเอ่ยเสียงอ่อนเพราะฤทธิ์ของพิษที่ได้รับ

"ท่านยายพักผ่อนมาก ๆ นะเจ้าค่ะข้าต้องของตัวไปดูทางนั้นก่อน" ไป๋หลันเอ่ยบอกคนทั้งสองเพราะทางนี้ไม่มีอะไรต้องจัดการแล้ว ที่เหลือท่านตาคงจัดการเองได้

"เจ้ารีบไปเถิดระวังตัวเองด้วย" อี้หลางเอ่ยอย่างเป็นห่วง

"เจ้าค่ะ" ไป๋หลันเอ่ยจบก็เดินออกมาจากที่พัก เฟยเฟยยืนรออยู่ด้านหน้าพร้อมซากของอินทรีย์เพลิงที่ดำเป็นตอตะโกนางจะนำกลับไปฝากประมุขพรรคตะวันเพลิง

ไป๋หลันหยิบโอสถฟื้นฟูระดับเทพออกมาสองเม็ดส่งให้เฟยเฟยกินหนึ่งเม็ดและส่งเข้าปากของตัวเองหนึ่งเม็ด เพราะพวกนางใช้พลังปราณไปมากกับการจัดการเจ้านกอินทรีย์ตัวร้ายนี้ เมื่อโอสถที่กินไปเริ่มออกฤทธิ์ร่างกายที่เหนื่อยล้าอ่อนแรงพลันกลับมาแข็งแรงปกติตามเดิม ไป๋หลันเปิดมิติกลับมายังสนามรบเขตชายแดนทันที

ขณะนี้เย่วซินกำลังช่วยองค์ไท่จื่อต่อสู้กับเหล่าทหารที่รายล้อมจนเกินกำลังด้วยกำลังพลที่มากกว่าถึงหนึ่งเท่าตัวจึงค่อนข้างเสียเปรียบ ไม่เพียงต้องคอยระแวดระวังเหล่าทหารปีศาจที่ร้ายกาจพระองค์ยังต้องคอยรับมือกับแม่ทัพเมิ่งฮุ่ยอันที่มีพลังปราณสูงส่งและเชี่ยวชาญในการสู้รบอีกต่างหากจึงทำให้ตึงมืออยู่ไม่น้อย

เมิ่งฮุ่ยอันด้วยกรำศึกมานับครั้งไม่ถ้วนจึงได้เปรียบในการต่อสู้ครั้งนี้และพลังปราณของตนและแม่ทัพหนุ่มที่พ่วงตำแหน่งไท่จื่อของแคว้นอยู่ในระดับเดียวกันเช่นนี้แล้วนับว่ายังห่างชั้นกันอยู่มากเลยทีเดียว เมิ่งฮุ่ยอันยกยิ้มมุมปากอย่างย่ามใจที่ฝ่ายตนเหนือกว่า

เย่วซินเข้าช่วยจัดการกับเหล่าทหารปีศาจที่เข้ามาด้านหลังขององค์ไท่จื่อ นางวาดกระบี่บุบผาไร้เงาใส่เหล่าทหารอย่างรวดเร็วดุจสายลมพัดผ่าน เหล่าทหารเห็นเพียงแสงสีขาววาววับทางนั้นที ทางโน้นทีแล้วเหล่าทหารปีศาจก็ล้มตายลงไปอย่างใบไม้ที่ร่วงหล่น

ทางด้านมีมี่ได้เข้าช่วยเหลือเหอซิ่นเฉิงด้วยกำลังทหารที่มีจำนวนน้อยกว่าศัตรูหนึ่งเท่าตัวทำให้รับมือยากและเกินกำลังอยู่มาก มีมี่ใช้เพลงกระบี่บุบผาไร้เงาพร้อมกับส่งพลังปราณระดับเซียนขั้นสูงวาดกระบี่ในมือฟาดฟันคู่ต่ออย่างดุเดือดทำให้ฝ่ายศัตรูล้มตายภายในพริบตา

เหอซิ่นเฉิงตกตะลึงในความร้ายกาจของนางเขากระพริบตาถี่ ๆ มองร่างบางตรงหน้าว่าเป็นสตรีคนเดียวกันกับที่เขาเคยช่วยเหลือเอาไว้เมื่อคราวก่อนหรือไม่ เหตุใดนางจึงเก่งกาจได้รวดเร็วเช่นนี้แล้วยังพลังปราณระดับเซียนขั้นสูงนั่นอีกภายในไม่กี่เดือนนางสามารถเลื่อนระดับมาถึงขั้นสูงสุดได้อย่างไรกัน เหอซิ่นเฉิงยืนโง่งมอยู่เป็นนานสองนานกว่าจะได้สติกลับมา

หวังเฉาเหว่ยเตรียมไม้ตายของตนเมื่อเห็นว่าตอนนี้ตนกำลังตกเป็นรองคู่ต่อสู้อย่างประมุขหนานจู่ ๆ พลังของตนก็ถดถอยลงไปมาก เมื่อเห็นว่าตนกำลังเพลี่ยงพล้ำมือหนายกสัญญาณขึ้นจุดไปบนฟ้า เมื่อสัญญาณถูกจุดขึ้นเหล่าทหารปีศาจทุกคนต่างล้วงหยิบโอสถที่หัวหน่วยจัดเตรียมเอาไว้ให้ยัดใส่ปากของพวกมันทันที

เพียงไม่นานวัตถุบางอย่างดังแหวกม่านอากาศมาอย่างรวดเร็วมันคือลูกธนูที่ผูกติดกับวัตถุบางอย่างเมื่อปักลงบนพื้นดินแล้วมันก็ปล่อยควันให้พวยพุ่งลอยกระจายขึ้นสู่ผิวอากาศ

"แย่แล้ว!!...ควันพิษ" ไป๋หลันอุทานออกมาเสียงดังออกมา เมื่อตนเองเปิดมิติมายังสนามรบแล้วพบเจอเข้ากับควันพิษที่กำลังพวยพุ่งฟุ้งกระจายทั่งบริเวณ เมื่อเหล่าทหารกล้าขององค์ไท่จื่อสูดดมเข้าไปก็ล้มลงดิ้นทุรนทุลายตกตายไปทันที ทหารที่เหลือเห็นเช่นนั้นจึงรีบถอยห่างจากควันพิษแต่กระนั้นก็ยังไม่อาจหลบหนีพ้น

ไป๋หลันรีบหยิบโอสถของตนเข้าปากแล้วเคลื่อนตัวด้วยวิชาบุบผาไร้เงาแจกยาถอนพิษให้เหล่าทหารที่ยังไม่ได้สูดควันพิษเข้าไป นางไม่ห่วงคู่หมั้นของตนเองเพราะว่าเขามียาถอนพิษติดตัวเอาไว้มากมายเช่นกัน เพราะก่อนที่จะเดินทางไปสำนักเซียนนางเตรียมโอสถเอาไว้ให้เขาติดตัวหลายอย่าง

เย่วซินที่อยู่ใกล้กับองค์ไท่จื่อรีบยัดโอสถเข้าปากเขาทันทีโดยไม่พูดจาเพราะต้องรีบช่วยเหลือผู้อื่นด้วยเช่นกัน ทางด้านมีมี่ที่อยู่ใกล้กับเหอซิ่นเฉิงก็หยิบโอสถให้เขาทันทีเช่นกัน ทั้งมีมี่และเย่วซินรีบเคลื่อนตัวเองไปช่วยคนอื่นพวกนางต้องช่วยเหลือเหล่าทหารให้ได้มากที่สุดไม่เช่นนั้นศึกครั้งนี้คงต้องสูญเสียทหารฝีมือมากมายอย่างแน่นอน

เฟยเฟย บินขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมปล่อยร่างของอินทรีย์เพลิงให้หล่นลงมายังพื้นดินใกล้ ๆ กับหวังเฉาเหว่ยที่กำลังต่อสู้กับหนานเหวินหลง หวังเฉาเหว่ยเห็นหงส์เพลิงบินอยู่บนท้องฟ้าเหนือศีรษะของตนก็พลันตกใจเพราะไม่คิดว่าจะมีสัตว์อสูรที่มีพลังสูงส่งอยู่ที่นี่ด้วย ยังไม่ทันได้ตั้งตัวพลันมีบางอย่างรวงหล่นลงมาตรงหน้าของตนหวังเฉาเหว่ยก้มมองเจ้าสิ่งนั้นพลันดวงตาเบิกกว้างขึ้นมันคืออินทรีย์สัตว์อสูรในพันธะของตนที่โดนเผาจนไหม้เกรียมจนแทบไม่เหลือชิ้นดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน