35
“เออ!! จะเอาไงก็เอา! ในเมื่อฉันพยายามอธิบายแล้วแต่เธอไม่ฟัง…” สรรพนามที่ห่างเหินของอารันเหมือนคมมีดที่กรีดลงมาตรงกลางใจ “…ก็แล้วแต่เธอแล้วกัน”
ไม่รู้ว่าทำไมพออารันยอมปล่อยแล้วฉันถึงได้รู้สึกเจ็บมากขึ้นกว่าเดิมขนาดนี้ ทั้งที่หลังจากนี้ฉันก็ไม่ได้อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก
ฉันคงจะคาดหวังความรู้สึกผิดและการแสดงออกที่แคร์ความรู้สึกกันมากกว่านี้จากเขามากเกินไป คงจะติดภาพลักษณ์คุณอาที่แสนอบอุ่นตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“นี่คงจะเป็นธาตุแท้ของคุณอาสินะคะ” ฉันแสยะยิ้มอย่างสมเพชให้กับความโง่ของตัวเองพลางใช้หลังมือเช็ดปาดน้ำตาอีกครั้ง
“จะไปต่อหรือจะพอแค่นี้พูดมา” อารันถามอย่างขอไปที เขาคงจะรำคาญฉันแล้วสินะ
แล้วทำไมฉันถึงยังยืนอยู่ตรงนี้กันล่ะ
“เอาไปทั่วขนาดนี้คิดว่าแป้งยังจะอยู่กับคุณอางั้นเหรอคะ”
“งั้นถ้าจะไปก็ไป”
ความรู้สึกเหมือนมีใครเอาค้อนป้อนหนักๆ มาทุบลงที่กลางศีรษะ หูฉันไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม ? เมื่อกี้เขาเอ่ยปากไล่ฉันให้ไปจากที่นี่
ทำไมคุณอาที่เคยอ่อนโยน แสนดี และอบอุ่น ถึงกลายเป็นผู้ชายแปลกหน้าที่ใจร้ายกับฉันได้มากขนาดนี้กัน
“แป้งไปแน่ค่ะไม่ต้องไล่ แล้วแป้งก็จะจำทุกการกระทำและทุกคำพูดของอารันในวันนี้เอาไว้ จำไปจนตาย!”
ฉันกล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามข่มความรู้สึกรวดร้าวเอาไว้ให้ลึกสุดใจ ต่อไปนี้จะไม่อ่อนแอต่อหน้าผู้ชายแบบนี้อีก
แม้แต่น้ำตาสักหยด เขาก็ไม่ควรได้มันจากฉัน
อารันพอได้ยินฉันพูดแบบนั้นแววตาของเขาก็วูบไหว แต่มันก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น ร่างสูงถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะตรงไปเปิดประตูห้องให้ฉัน
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมความกล้า การจะเดินออกมาจากชีวิตของคนที่เรารักมันไม่ง่ายเลยจริงๆ นะ แม้ในวันนี้เขาคนนั้นจะแสนเลวกับเรามากก็ตาม
“ไม่อยากให้ทุกอย่างจบแบบนี้เลยนะ”
ขณะที่ร่างฉันเดินผ่านร่างอารัน เสียงทุ้มก็เอ่ยประโยคนี้ออกมา แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจ เดินไปขึ้นลิฟต์ โดยไม่แม้จะหันกลับไปมองคนข้างหลังอีก
ที่ผ่านมาฉันโง่งมและหลงใหลในคำพูดที่สวนทางกับการกระทำของอารันมามากพอแล้ว หลังจากวินาทีนี้ไปลมปากเน่าๆ ของเขาจะไม่มีผลอะไรกับความรู้สึกของฉันอีก
บ้าน
เมื่อมาถึงบ้านฉันก็พยายามเช็ดน้ำตาที่ไหลพรากออกมาระหว่างที่นั่งรถกลับ เพราะเห็นว่าไฟในบ้านยังเปิดอยู่ ซึ่งแปลว่าเฮียแปงยังไม่นอน
ฉันไม่ได้อยากจะร้องไห้ แต่พอนึกถึงสิ่งที่อารันทำมันก็อดไม่ได้จริงๆ ภาพวันวานที่เขาเคยมีอะไรกับฉัน มันถูกซ้อนทับด้วยภาพของเขากับคุณอ้อม
ฉันเจ็บปวด เจ็บปวดมากจริงๆ มากจนต้องระบายมันผ่านออกมาทางหยดน้ำตา
“ทำไมเพิ่งกลับ” พอก้าวเข้ามาในบ้านเฮียแปงก็ถามขึ้นเสียงดุ
“วะ…วันนี้แวะไปหาเพื่อนมานิดหน่อยค่ะ” ฉันก้มหน้าตอบ พยายามกัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น
ทั้งที่เมื่อกี้ห้ามตัวเองได้แล้วแท้ๆ แต่พอเจอเฮียแปงทำไมจู่ๆ ถึงอยากร้องไห้ออกมาอีกก็ไม่รู้ มันเหมือนว่าในตอนนี้ฉันนั้นกำลังต้องการอ้อมกอดที่จริงใจจากใครสักคนเอามากๆ
“เป็นอะไรทำไมหลบหน้าหลบตา”
“ปะ…เปล่านี่คะ…อึก~” ต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้ เพราะเมื่อกี้เกือบเผลอปล่อยโฮออกมา
แต่ตอนนี้ฉันคงต้องรีบเดินเลี่ยงขึ้นไปบนห้อง เพราะเฮียวางไอแพดลงแล้วกำลังทำท่าจะลุกเดินเข้ามาหา
หมับ!
ในจังหวะที่ฉันกำลังจะก้าวขาขึ้นบันได เฮียก็ตามมาคว้ามือเอาไว้ จึงรีบเบี่ยงหน้าหลบเพื่อไม่ให้เห็นว่ากำลังร้องไห้
“อืม” ถึงจะดูไม่ค่อยพอใจที่ฉันไม่ยอมตอบ แต่เฮียก็ยอมตามใจเพราะเห็นว่าฉันกำลังเศร้าอยู่
เฮียพาฉันขึ้นมาอาบน้ำ พออาบเสร็จเฮียก็เข้ามานั่งข้างเตียงๆ เพื่อพาฉันนอน ที่เฮียมาก็เพราะว่าฉันอ้อน ฉันไม่อยากนอนคนเดียว มันกลัวว่าจะผวาและตื่นขึ้นมาด้วยความฝันร้าย
“เฮียลูบหัวแป้งหน่อยได้มั้ยคะ”
“เยอะ”
“ไม่ได้ถามว่าเยอะมั้ย…ถามว่าได้หรือเปล่า~”
“น่ารำคาญจริง” เฮียกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่ก็ยอมเอามือมาลูบหัวให้ฉัน
“ร้อนเหรอคะหน้าแดงเชียว”
“ยุ่ง รีบนอนได้แล้ว ร้องไห้จนตาบวมไปหมด ขี้เหร่จริงๆ”
“พูดเกินไปแล้วนะคะ” ฉันปัดมือเฮียที่กำลังลูบหัวอยู่ออก ก่อนจะนอนตะแคงข้างหันหลังให้อย่างน้อยใจ
“หันมา”
“ไม่อยากลูบไม่ใช่เหรอคะ”
เฮียแปงไม่ตอบอะไรนอกจากถอนหายใจออกมาแรงๆ แล้วจับฉันพลิกตัว คราวนี้ไม่ได้ให้นอนตรงเหมือนตอนแรก แต่ให้หันหน้าไปหาเขาแทน
“นอนได้แล้ว” นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนจากเฮีย ก่อนที่มือหนาจะวางลงมาแล้วลูบไล้ศีรษะฉันเบาๆ
ความอบอุ่นค่อยๆ คลืบคลานเข้ามาในหัวใจฉันอย่างช้าๆ ช่วยเป็นเกราะป้องกันความเจ็บปวดให้หายไปได้ชั่วเวลานึง
แล้วเพียงไม่นานตัวฉันก็ผล็อยหลับไป…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ขย่มรัก คุณอา
ใช้ภาษาได้โคตรลื่น ไม่เกินจริง มีอารมณ์เลย แต่งเก่งมาก...