แต่อวี๋จาวคิดว่าในเมื่อออกมาฝึกหาประสบการณ์ที่ด้านนอกแล้ว หากใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเดินทางและการค้นหาวัตถุดิบสำหรับหลอมอาวุธ มันคงน่าเบื่อหน่ายเกินไป แถมยังไม่มีส่วนช่วยในการฝึกตนของนางเลยสักนิด
ดังนั้น ระหว่างทางอวี๋จาวจึงคอยสังเกตว่ามีขบวนคาราวานเดินทางอยู่หรือไม่
หากมีนางก็จะเข้าไปทักทายพูดคุย ดูว่าจะขอติดรถม้าไปด้วยได้หรือไม่
หากโชคไม่ดี นางก็จะหยุดพักในเมือง หรือไม่ก็ป่าเขาที่มีสัตว์อสูรออกมาเพ่นพ่านระยะหนึ่ง เพื่อสัมผัสวัฒนธรรมและวิถีชีวิตท้องถิ่นของพื้นที่นั้น ๆ
นางเดิน ๆ หยุด ๆ อยู่เช่นนี้ เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในวันนี้ อวี๋จาวบังเอิญเดินทางมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
ในหมู่บ้านไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรอยู่เลย มีเพียงชาวบ้านธรรมดาที่หาเช้ากินค่ำ
อวี๋จาวคิดว่าในเมื่อตนเองได้มาถึงที่นี่ ย่อมนับได้ว่ามีนางมีวาสนากับสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นนางจึงได้ร่ายเวทมนตร์เปลี่ยนไปสวมชุดเรียบง่าย แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้าน
"ขายดอกไม้จ้า ขายดอกไม้ แม่นางซื้อดอกไม้หรือไม่ ทั้งสดทั้งสวยเลยล่ะ"
"แม่นาง รับซาลาเปาร้อน ๆ หอม ๆ สักลูกไหมจ๊ะ"
"ผลไม้เคลือบน้ำตาล ผลไม้เคลือบน้ำตาล"
อวี๋จาวเดินทอดน่องไปตามถนนที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ความทรงจำในอดีตอันห่างไกลผุดขึ้นมาในสมองของเขา
อวี๋จาวบังเอิญถูกเซียนชิงเหยี่ยนค้นพบโดยบังเอิญตอนอายุหกขวบ และพากลับนิกายเต๋าทั้งห้า ตัดขาดจากโลกปุถุชนตั้งแต่นั้นมาก็ก้าวเข้าสู่วิถีบำเพ็ญเซียน
ก่อนหน้านั้น นางเป็นขอทานไร้ชื่อในเมืองเล็ก ๆ ที่ชายแดน ชีวิตประจำวันคือการเดินขอทานไปตามท้องถนนกับกลุ่มขอทานที่กินไม่อิ่มท้อง
ถ้าวันไหนโชคดี อาจได้กินอิ่มสักมื้อ แต่ถ้าโชคไม่ดีก็อาจต้องทนหิวติดต่อกันหลายวัน
หนึ่งในความทรงจำที่ติดอยู่ในใจของอวี๋จาวมากที่สุด คือตอนที่นางกำลังเร่ร่อนขอทานอยู่นั้นได้พบกับเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกัน อีกฝ่ายสวมชุดผ้าไหมชั้นดี มีบ่าวรับใช้ล้อมรอบ ปลายรองเท้าปักมุกงดงามแวววาว ขนมหวานที่อีกฝ่ายทิ้งอย่างไม่ไยดีนั้น มันมีรสชาติแสนวิเศษอย่างที่นางในวัยหกขวบไม่สามารถจินตนาการใดมาก่อน
ทุกวันนี้อวี๋จาวจำรสชาติของขนมหวานนั่นไม่ได้แล้ว แต่นางมั่นใจได้ว่ามันเป็นสีสันอันสดใสที่พบเห็นได้ยากในชีวิตอันมืดมนของนาง
"ขนมเพิ่งออกจากเตาใหม่ ๆ หอมหวานอร่อยมากจ้า"
อวี๋จาวล้วงเอาหินวิญญาณหนึ่งก้อนออกมาจากกำไลเก็บของ แล้วแยกมันออกเป็นลูกปัดวิญญาณ และหยิบออกมาเจ็ดสิบสองเม็ดยื่นให้กับเสี่ยวเอ้อร์
ลูกปัดวิญญาณนั้นก็มีการแบ่งระดับตามรูปลักษณ์ความงามเหมือนกัน แม้ว่ามูลค่าของมันจะไม่เปลี่ยนไปมากนัก แต่ลักษณะของลูกปัดวิญญาณยิ่งดีเท่าไหร่ก็จะยิ่งเป็นที่นิยมมากเท่านั้น
ลูกปัดวิญญาณที่อวี๋จาวนำออกมา มีรูปลักษณ์อวบอิ่มกลมโต เปล่งประกายเงางาม ซึ่งถือว่าเป็นของเนื้อดีที่หายาก ทำให้เสี่ยวเอ้อร์ดีใจจนต้องกล่าวขอบคุณนางไม่หยุด
อวี๋จาวคือห่อขนมที่บรรจุเสร็จเรียบร้อย ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนเดินเข้าไปยังร้านอาหารที่อยู่ติดกัน
ยามนี้ยังไม่ใช่เวลาอาหาร แต่ในร้านก็ยังมีลูกค้าที่มานั่งสนทนากันอยู่หลายโต๊ะ บนโต๊ะแต่ละตัวมีกาน้ำชาวางอยู่หนึ่งใบ และของทานเล่นที่รสชาติแตกต่างกันอีกสามสี่ชนิด
เมื่ออวี๋จาวเดินเข้าไปในร้านอาหาร ทุกสายตาได้หันมามองนางอย่างพร้อมเพรียง
หมู่บ้านแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก แม้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่จะไม่รู้จักกันทุกคน แต่ก็มักพบเจอหน้ากันจนคุ้นตา
เมื่อพวกเขาเห็นอวี๋จาวก็รู้ทันทีว่านางไม่ใช่คนในพื้นที่ อีกทั้งยังเห็นนางเดินเข้ามาพร้อมกับถุงขนมลายห่อ ก็มีแขกที่มาทานอาหารตะโกนเรียกเสี่ยวเอ้อร์ให้ออกมาต้อนรับด้วยความมีน้ำใจ
เสี่ยวเอ้อร์ร้านอาหารกำลังต้มน้ำอยู่หลังร้าน เมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกก็รีบวิ่งออกมาทันที และพาอวี๋จาวไปนั่งที่โต๊ะอย่างกระตือรือร้น

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลับมาครั้งนี้ ข้อขอเดินวิถีไร้รัก
เติมเงินละอ่านไม่ได้...
เพราะอะไรถึงให้เติมเงินเป็น$ เติมเป็นเงินบาทง่าย ๆ อย่างเวป เด็กดีไม่ได้เหรอ...