หลังจากใช้เวลาพักอยู่ในโรงเตี๊ยมโดยไม่ออกไปที่ใด
ในที่สุดเมื่อยามราตรีมาเยือน เงียบสงบจนเหลือเพียงโคมไฟประดับสองข้างทาง นางจึงกระโดดลงจากหน้าต่างห้องพัก
นางเดินเลาะไปตามถนนพลางกวาดสายตามองรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว ไม่นานก็พบสัญลักษณ์เรืองแสงสีเหลืองบนกำแพงซอกซอย
รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของอวี๋จาว นางเคาะอิฐที่มีสัญลักษณ์นั้นเบา ๆ ตามจังหวะสามยาวสองสั้น
ไม่นานนัก เสียงเสียดสีเบา ๆ ก็ดังแว่วมาจากกำแพง
หินก้อนใหญ่เคลื่อนตัวออก เผยให้เห็นประตูบานหนึ่งซึ่งเปิดออกอย่างไร้เสียงต่อหน้าอวี๋จาว
นางจึงก้าวผ่านประตูเข้าไป โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
หลังจากก้าวเข้าไปที่นั่นเสมือนโลกอีกใบ
โถงกว้างสว่างไสวด้วยแสงจากโคมระย้า ทำให้ทุกอย่างดูเหมือนกลางวัน
ทางเข้ามีผู้บำเพ็ญเพียรสองคนยืนอยู่
คนหนึ่งฝั่งซ้ายเป็นสตรีรูปร่างเย้ายวน
ส่วนอีกคนหนึ่งฝั่งขวาเป็นบุรุษหนุ่มที่ดูสง่างามและมีเสน่ห์
เมื่อผู้บำเพ็ญเพียรหนุ่มเห็นอวี๋จาว เขารีบเดินเข้ามาหาพร้อมโค้งคำนับ “คารวะท่าน”
แม้ว่าน้ำเสียงของผู้บำเพ็ญเพียรหนุ่มจะไม่อ่อนหวานเหมือนสตรี แต่แฝงไว้ด้วยความยั่วเย้า
อวี๋จาวไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ เพียงตอบอย่างเรียบเฉย “ข้าต้องการพบผู้ค้นหา”
นางเข้ามายังสถานที่ลึกลับแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม วิหารสมบัติหมื่นภพ สำนักค้าที่ใหญ่ที่สุดในยุทธจักรแห่งเซียน
ภายในแบ่งเป็นสามแผนกใหญ่คือ ถาม ค้น และขอ
ถาม ใช้สำหรับซื้อขายข้อมูลเฉพาะ ค้น ใช้สำหรับตามหาคนหรือของ และ ขอ คือการมอบหมายงานให้หมื่นสมบัติเป็นผู้จัดการ
เมื่ออวี๋จาวบอกว่านางจะพบกับผู้ค้นหา หมายความว่านางมาเพื่อใช้บริการค้นหาคนหรือสิ่งของ
ผู้บำเพ็ญเพียรหนุ่มที่รับหน้าที่จึงทราบว่านางไม่ใช่แขกใหม่ที่ไม่รู้ธรรมเนียม เขาเก็บท่าทีหยอกเย้าแล้วกล่าวอย่างสุภาพว่า “เชิญท่านตามข้ามา”
ก่อนพาอวี๋จาวไปยังห้องส่วนตัว
ในห้องมีแผงกั้นอยู่ตรงกลาง และบริเวณระดับไหล่ของอวี๋จาวเปิดช่องเล็ก ๆ ไว้
ผู้บำเพ็ญเพียรหนุ่มกล่าวว่า “โปรดรออยู่ตรงนี้ ผู้ค้นหาจะมาพบกับท่านในไม่ช้า”
หลังจากที่ผู้บำเพ็ญเพียรหนุ่มออกไป ช่องเล็ก ๆ ก็เปิดขึ้น ไม้กระดานขนาดฝ่ามือลอยออกมาผ่านช่อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลับมาครั้งนี้ ข้อขอเดินวิถีไร้รัก