ขับเคลื่อนพลังวิญญาณ ปราณกระบี่ปรากฏ
อวี๋จาวรู้สึกเพียงเย็นเฉียบที่ลำคอ จากนั้นก็ตามมาด้วยความเจ็บแปลบและความรู้สึกอุ่น ๆ
"หากยังไม่ไสหัวออกมา ข้าจะทำให้เจ้าวิญญาณแตกสลาย ไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้อีกเลย"
ฟางเฉิงหล่างยังคงข่มขู่เสียงเข้มต่อไป
หัวใจของอวี๋จาวเย็นเฉียบ
หากนางยังไม่คิดหาวิธีพิสูจน์ตนเอง การกระทำของฟางเฉิงหล่างมีแต่จะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
"ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ามิได้ถูกยึดครองร่าง ผู้ใดมันไม่ลืมหูลืมตากล้ามายึดครองร่างลูกศิษย์ของเซียนชิงเหยี่ยน แค่ค่ายพิทักษ์ภูเขาก็ยังผ่านเข้ามาไม่ได้"
มีอยู่ชั่วขณะที่ฟางเฉิงหล่างรู้สึกหวั่นไหว
ทว่าปฏิกิริยาที่ผิดปกติของอวี๋จาวกลับทำให้เขาไม่อาจวางใจ
กระบี่ของเขายังคงทิ่มที่ลำคอของอวี๋จาวโดยไม่เคลื่อนไหว
เลือดค่อย ๆ ไหลซึมเข้าไปในปกเสื้อของอวี๋จาว
อวี๋จาวเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย นางยังคงอธิบายแก้ตัวต่อไป
"ยิ่งกว่านั้นหากข้าเป็นคนที่เข้ายึดครองร่าง เหตุใดต้องเผยพิรุธให้ท่านเห็นด้วยเล่า มันไม่เท่ากับเป็นการรนหาที่ตายหรอกหรือ"
คำพูดเหล่านี้เปรียบเสมือนค้อนอันหนักหน่วง ทุบจนฟางเฉิงหล่างหวั่นไหว
นั่นสิ หากอวี๋จาวถูกคนอื่นเข้ายึดครองร่างจริง ๆ เหตุใดถึงได้เผยพิรุธอย่างโง่เขลาด้วยเล่า
ดังนั้นอวี๋จาวยังคงเป็นอวี๋จาว
ศิษย์น้องหกยังคงเป็นศิษย์น้องหก
ศิษย์น้องหกมิได้ถูกเข้ายึดครองร่าง
ฟางเฉิงหล่างควรจะรู้สึกดีใจ
แต่เหตุใดเขาถึงรู้สึกว่ากระบี่ในมือมันหนักยิ่งนัก อวัยวะภายในเหมือนถูกแผดเผา
เขายิ้มไม่ออกเลยจริง ๆ
"หากศิษย์พี่ยังไม่เชื่อ ข้าสามารถไปพบอาจารย์พร้อมกับศิษย์พี่ ให้อาจารย์ใช้ญาณทิพย์ตรวจดูให้แน่ชัด"
ใช้วิชาสิงสถิตเข้ายึดครองร่างของผู้อื่น แม้ภายนอกจะมองไม่เห็นความผิดปกติ แต่วิญญาณที่มาจากด้านนอกถึงอย่างไรก็ไม่สามารถรวมเป็นหนึ่งกับร่างได้ ภายใต้การตรวจสอบของผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูง จะสามารถมองเห็นพิรุธได้โดยง่าย
อวี๋จาวกล่าวอย่างเปิดเผย แววตาไม่หลบซ่อน ถึงแม้ฟางเฉิงหล่างไม่อยากจะเชื่อเพียงใด แต่ก็ไม่เชื่อไม่ได้
เขาเก็บกระบี่ในมือลง มีความรู้สึกผิดอยู่ในดวงตา "ศิษย์น้องหก เป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่เข้าใจเจ้าผิดไป เจ้า..."
อวี๋จาวกล่าวตัดเขาอย่างไม่เกรงใจ "ศิษย์พี่ใหญ่ยังมีธุระอย่างอื่นอีกหรือไม่"
ประตูถ้ำปิดลง
ใต้แสงจันทร์ เงาร่างของฟางเฉิงหล่างโดดเดี่ยวอ้างว้าง
เขายื่นเหม่อลอยอยู่ที่เดิม หวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ในเมื่อสักครู่
ใช่ เมื่อก่อนเขาคิดว่าศิษย์น้องหกอ่อนแอ ยืนหยัดเพียงลำพังไม่ได้ วัน ๆ รู้จักแต่ตามติดข้างกายศิษย์พี่อย่างพวกเขา ราวกับไม่มีเรื่องของตนเองให้ทำ
ทำให้เกิดความหงุดหงิดขึ้นมาเป็นบางครั้ง
แต่ตอนนี้นิสัยของศิษย์น้องหกเปลี่ยนไปอย่างมาก ไม่ตามติดเขาอีกต่อไป เขากลับรู้สึกไม่ชินเลย
อีกอย่างเขาจำได้ว่าเมื่อก่อนศิษย์น้องหกกลัวเจ็บมาก
ทุกครั้งหลังจากประลองกับศิษย์น้องห้า นางจะร้องไห้อย่างหนัก น้ำตาเยอะจนถึงขั้นทำให้เสื้อผ้าที่หน้าอกเปียกปอนไปหมด
แต่ครั้งนี้มีเลือดไหลออกมา นางกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใด ๆ ราวกับคนที่ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่นาง
มันเป็นเช่นนี้นี่เอง
ภายในใจของฟางเฉิงหล่างรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เขาพลันนึกขึ้นมาได้ว่า ที่ตนมาวันนี้เพราะต้องการให้ศิษย์น้องหกไปขอโทษศิษย์น้องรอง
เมื่อครู่ลืมพูดไป ตอนนี้ยิ่งพูดไม่ออก
รอศิษย์น้องหกอารมณ์ดีกว่านี้ก่อน ไว้เขาค่อยไปคุยกับศิษย์น้องหก หลายวันมานี้ยุ่งอยู่กับพิธีกราบอาจารย์ของศิษย์น้องเล็ก เหมือนว่าจะเพิกเฉยต่อความรู้สึกของนางไปบ้าง

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลับมาครั้งนี้ ข้อขอเดินวิถีไร้รัก
เติมเงินละอ่านไม่ได้...
เพราะอะไรถึงให้เติมเงินเป็น$ เติมเป็นเงินบาทง่าย ๆ อย่างเวป เด็กดีไม่ได้เหรอ...