เข้าสู่ระบบผ่าน

กลับมาครั้งนี้ ข้อขอเดินวิถีไร้รัก นิยาย บท 15

เดิมทีซูหมิงต้องการพูดคำพูดรุนแรงอีกสักสองสามคำ แต่เมื่อสบตาเข้ากับดวงตาดำสนิทของอวี๋จาว เขาก็ร้อนตัวเล็กน้อย สุดท้ายจึงได้แต่แค่นเสียงแรง ๆ แล้วสะบัดแขนเสื้อจากไป

ตอนที่อวี๋จาวมาถึงหอคัมภีร์ ท้องฟ้าก็สว่างพอดี แสงอาทิตย์ทะลุชั้นเมฆ เคลือบแสงสีทองให้กับหอคัมภีร์

นางมาแต่เช้า ด้านนอกหอคัมภีร์ไร้ซึ่งผู้คน

นางก้าวขึ้นบันไดด้วยฝีเท้าเร่งรีบ มองดูชายชราที่นั่งอยู่ข้างประตูด้วยรอยยิ้ม นางทำความเคารพ พร้อมร้องเรียกด้วยเสียงที่สดใส "ผู้อาวุโสกู่"

ผู้อาวุโสกู่เหมือนกำลังรออวี๋จาวอยู่โดยเฉพาะ ดังนั้นจึงไม่ได้ถือหนังสือในมืออย่างทุกวัน แต่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางเคร่งขรึม

เมื่อได้ยินอวี๋จาวเอ่ยทักทาย สีหน้าของเขาก็อ่อนโยนเล็กน้อย และยกมือสร้างม่านอาคมต้องห้ามขึ้นที่รอบกายของทั้งสอง

"เจ้าต้องการฝึกวิชายุทธ์ชนิดใหม่จริง ๆ หรือ"

"ใช่"

"เคล็ดวิชาจันทร์ฉายเหนือมหาสมุทรเป็นวิชายุทธ์ที่เซียนชิงเหยี่ยนคิดค้นขึ้น นับเป็นอันดับต้น ๆ ในบรรดาวิชายุทธ์ธาตุน้ำ เจ้าตัดใจปล่อยวางได้หรือ"

อวี๋จาวพยักหน้าอย่างแรง ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจ

ผู้อาวุโสกู่มิใช่คนมากความ สาเหตุที่ถามนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็เพราะคิดแทนนาง

ฝึกวิชายุทธ์ชนิดใหม่เท่ากับปล่อยวางฐานยุทธ์ที่สร้างขึ้นก่อนหน้านี้ และเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด จะต้องครุ่นคิดให้ดี

ผู้อาวุโสกู่แอบทอดถอนใจอย่างลับ ๆ

ดูท่าเซียนชิงเหยี่ยนคงทำให้แม่หนูน้อยคนนี้เสียใจมากจริง ๆ

เขาเฝ้าอยู่ที่หอคัมภีร์ทุกวัน จึงพอได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับอวี๋จาวมาบ้าง

บอกว่าอวี๋จาวใช้อำนาจบาตรใหญ่ รังแกศิษย์น้อง ไม่เคารพศิษย์พี่ เกียจคร้านไม่ปรับปรุงตัว พูดได้ว่ามีชื่อเสียงฉาวโฉ่

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น อาจทำให้ไม่ชอบอวี๋จาวขึ้นมา

ทว่าผู้อาวุโสกู่กลับเป็นคนนอกรีต เขาไม่เคยเชื่อคำเล่าลือในโลกภายนอก เขามีตา สามารถตัดสินเองได้

อวี๋จาวมิได้เลวร้ายอย่างในคำร่ำลือ

ข่าวลือมันเกินจริงเกินไป

เช่นนั้นมันก็น่าสนใจยิ่งนัก

สุนัขขี้ย่อมต้องมีมูล ใครกันที่เป็นคนคอยปลุกปั่น คอยเติมไฟอยู่เบื้องหลัง

นี่เป็นตำราไร้นามเล่มหนึ่ง

อวี๋จาวรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ หลังจากที่นางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก็ค่อย ๆ พลิกเปิดตำรา

เมื่อมองเห็นเนื้อหาในตำราชัดเจน นางก็ตกตะลึงอ้าปากค้าง

นี่ไม่ใช่วิชายุทธ์ธาตุน้ำอย่างที่นางคิดเอาไว้ แต่เป็นบันทึกชีวประวัติของผู้อาวุโสท่านหนึ่ง

และการเริ่มต้นของบันทึกชีวประวัติก็คือผู้อาวุโสท่านนั้น ได้ใช้คำพูดของตัวเองเขียนบรรยายว่าตนเองสังหารคู่เคียงบำเพ็ญเพียรที่มีเจตนาร้ายอย่างไร

นี่ นี่มันแตกต่างไปจากที่นางคิดเอาไว้โดยสิ้นเชิง...

อวี๋จาวมองผู้อาวุโสกู่ด้วยความงุนงง

ผู้อาวุโสกู่พยักหน้าให้กับนาง เป็นเชิงบอกให้นางอ่านต่อไป

อวี๋จาวเลื่อนสายตากลับไปยังบันทึกชีวประวัติในมืออีกครั้ง และอ่านต่อไป จากนั้นนางก็ค่อย ๆ หลงใหลไปกับมัน

ผู้อาวุโสที่เขียนบันทึกชีวประวัติท่านนี้เรียกตัวเองว่าจันทราพเนจร เหมือนกับอวี๋จาว มีรากวิญญาณธาตุน้ำแต่กำเนิด ได้เข้านิกายแต่เนิ่น ๆ แต่ไม่ชอบอยู่ในกฎเกณฑ์ จึงขอไปจากนิกาย

ระหว่างทางที่ไปท่องฝึกประสบการณ์ นางได้ช่วยบุรุษที่มีผลการฝึกตนทัดเทียมกับนางเอาไว้ ทั้งสองเดินทางร่วมกัน ต่อมาเมื่อทั้งสองอยู่ร่วมกันนานไปก็ได้เกิดความรู้สึกรักใคร่ต่อกัน และตัดสินใจเป็นคู่เคียงบำเพ็ญเพียร

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลับมาครั้งนี้ ข้อขอเดินวิถีไร้รัก