ไปทวงหินวิญญาณที่เคยให้ซูหมิงยืมงั้นหรือ
ไม่ได้
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเขายินดีคืนให้หรือไม่ แต่จะให้ถามว่าซูหมิงมีหินวิญญาณคืนด้วยหรือเปล่า
เป็นที่รู้กันว่าหินวิญญาณที่ตกถึงมือเขานั้น ไม่มีทางเหลือถึงวันรุ่งขึ้น ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มาดักรออยู่หน้าประตูของอวี๋จาวแต่เช้าเพื่อขอยืมหินวิญญาณ
ไปยืมงั้นหรือ
อวี๋จาวก็ไม่รู้ว่าจะไปขอยืมจากใครได้บ้าง
นางมักจะคุยกับศิษย์พี่เพียงเท่านั้น ในนิกายเต๋าทั้งห้านางไม่มีคนสนิทเลยแม้แต่ผู้เดียว
อวี๋จาวรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
การฟื้นฟูพลังหลังการบรรลุฐานฝึกตนโดยที่ขาดหินวิญญาณนั้นย่อมเพิ่มอุปสรรคขึ้นอีกหลายขั้น
ขณะนั้นเอง นางก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะปรบมือด้วยความดีใจ
นางเกือบลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันที่นิกายจะแจกจ่ายเบี้ยเลี้ยง ซึ่งนางจะได้รับหินวิญญาณระดับกลางสิบก้อน
หินวิญญาณระดับกลางหนึ่งก้อนเทียบเท่าหินวิญญาณระดับล่างหนึ่งร้อยก้อน สิบก้อนก็ซื้อของได้ไม่น้อย บวกกับหินวิญญาณที่มีในมือ น่าจะเพียงพอแล้ว
อวี๋จาวจึงเก็บของตรงหน้าเข้าถุงเก็บของ ออกจากที่พักและมุ่งหน้าไปยังหอคุณธรรมเพื่อลงทะเบียนรับเบี้ยเลี้ยง
ข่าวที่ว่านางได้คืนดีกับเย่ฉงซิน หลังผ่านไปหลายวันก็แพร่กระจายไปทั่วนิกายเต๋าทั้งห้า
หลังจากเหตุการณ์นี้ บรรดาศิษย์อื่น ๆ ก็ดูจะมีท่าทีที่สุภาพขึ้น ไม่กล้าแสดงคำพูดที่ก้าวร้าวเช่นแต่ก่อน
อวี๋จาวแม้จะไม่ใส่ใจคำซุบซิบนินทาเหล่านั้น แต่ก็รู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเงียบสงบขึ้นมาก
ไม่นานนัก นางก็มาถึงหอคุณธรรม เข้าไปยังจุดรับเบี้ยเลี้ยงด้วยท่าทีคุ้นเคย
มีศิษย์มากมายที่มารอรับเบี้ยเลี้ยงแล้ว ต่างตั้งแถวเรียงกันเป็นห้าแถว
อวี๋จาวเลือกแถวหนึ่งแล้วก็ยืนรออย่างสงบ พร้อมกับฟังเสียงสนทนาของศิษย์คนอื่น ๆ ที่กำลังพูดคุยกัน
“ศิษย์น้องอวี๋”
เสียงอันสดใสดังขึ้นจากด้านหลัง
นางหันไปเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่งดงามดุจดอกบัว
"ศิษย์พี่โจว"
นางพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
อวี๋จาวเองก็ร้องไห้อย่างเจ็บปวดเช่นกัน
โจวจินเยว่เป็นหนึ่งในไม่กี่คนในนิกายเต๋าทั้งห้าที่ไม่ได้ถูกเย่ฉงซินจูงจมูก และปฏิบัติต่อนางด้วยความเอ็นดูเช่นเดิมเสมอมา
อวี๋จาวรู้จักโจวจินเยว่ตั้งแต่ตอนที่นางเพิ่งเข้ามาในสำนัก
ตอนนั้นนางเพิ่งหกขวบ เซียนชิงเหยี่ยนพานางมายังยอดเขาตู๋เยว่และฝากนางไว้กับฟางเฉิงหล่าง
แม้ว่าฟางเฉิงหล่างจะสงบและเอาใจใส่ แต่เขาไม่เคยมีประสบการณ์ในการดูแลศิษย์น้องมาก่อน นอกจากนี้มีความแตกต่างระหว่างชายและหญิงซึ่งทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย
ท้ายที่สุดโจวจินเยว่ก็เป็นคนรับตัวอวี๋จาวไปดูแลจนกระทั่งนางดูแลตัวเองได้ แล้วจึงส่งกลับไปยังเขาตู๋เยว่
แต่เมื่อนางกลับไปที่เขาตู๋เยว่ นางก็รู้สึกไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม จึงร้องไห้ทุกวันอยากเจอศิษย์พี่โจว แต่ศิษย์พี่โจวที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ย่อมไม่ค่อยมีเวลาว่าง บวกกับศิษย์พี่ทั้งห้าคนที่คอยอยู่เคียงข้าง จนอวี๋จาวก็ค่อย ๆ เลิกพูดถึงไปเอง
แต่ในใจของอวี๋จาว ก็ยังมีที่ว่างไว้สำหรับศิษย์พี่โจวเสมอ
ตอนนี้เมื่อเห็นศิษย์พี่โจวยืนอยู่ตรงหน้านางอีกครั้ง อวี๋จาวรู้สึกขอบคุณสวรรค์ที่ให้โอกาสนางอีกครั้ง
ครั้งนี้นางจะต้องหยุดยั้งไม่ให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้น
“ศิษย์น้องอวี๋ ทำไมตาถึงแดงล่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะคิดถึงศิษย์พี่มาก ” โจวจินเยว่พูดติดตลกด้วยรอยยิ้มและทัศนคติที่น่ารัก
“ใช่” อวี๋จาวพยักหน้าอย่างแรง “ข้าคิดถึงศิษย์พี่มาก ๆ”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลับมาครั้งนี้ ข้อขอเดินวิถีไร้รัก
เติมเงินละอ่านไม่ได้...
เพราะอะไรถึงให้เติมเงินเป็น$ เติมเป็นเงินบาทง่าย ๆ อย่างเวป เด็กดีไม่ได้เหรอ...