เสียงของฟางเฉิงหล่างสั่นเทา
เขารู้มาว่าซูหมิงมักไปยืมหินวิญญาณจากอวี๋จาว แต่ก็คิดว่าเป็นเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น จึงไม่ใส่ใจ
ดังนั้น เมื่อถูกโจวจินเยว่หยุดไว้และบอกเรื่องนี้ เขายังไม่คิดอะไรมาก จนกระทั่งได้ยินจำนวนที่แท้จริงถึงกับตกใจและโกรธจนตัวสั่น
คิดไว้แล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยที่น้องหกไม่ใช้หินวิญญาณเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณ และไม่ซื้อเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับแบบที่เด็กสาวชอบ
ฟางเฉิงหล่างคิดว่าอวี๋จาวเป็นคนขี้เหนียวและยังติดนิสัยเก่า ไม่คิดเลยว่าความจริงแล้วเป็นเพราะซูหมิงโลภมาก และไม่รู้จักประมาณตน เขาไม่ต่างอะไรกับปลิงดูดเลือดเลย
“หินวิญญาณหกร้อยเก้าสิบแปดก้อนงั้นเหรอ”
หลานจืออวี๋ที่ได้ยินตัวเลขนี้ก็ตกใจไม่แพ้กัน
ก่อนหน้านี้เขาฟังซูหมิงบ่นเรื่องอวี๋จาว คิดว่านางทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่คิดเลยว่าซูหมิงจะปิดบังข้อมูลสำคัญนี้เอาไว้
เอาเป็นว่า ถ้าซูหมิงมาหาเขาเพื่อขอยืมหินวิญญาณ ไม่ต้องพูดถึงหกร้อยเก้าสิบแปดก้อนนั้นเลย แม้ว่าจะเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้เขาก็ไม่คิดที่จะให้
เพราะเขารู้ดีว่ามันเป็นการลงทุนที่สูญเปล่าอย่างแน่นอน
อวี๋จาวยินดีที่จะให้ซูหมิงยืมหินวิญญาณ และเห็นได้ชัดว่านางไม่มีความตั้งใจที่จะรับหินวิญญาณกลับมา
แต่วันนี้นางกลับไปหาซูหมิงและยืนกรานทวงหินวิญญาณของตนคืน
รายละเอียดเหล่านี้ซ้อนทับกันไป ทำให้หลานจืออวี๋ตระหนักถึงความแน่วแน่ของอวี๋จาว จนใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความพ่ายแพ้
“ข้าไม่ได้บอกว่าไม่คืน วันนี้ข้าก็คืนแล้วไม่ใช่หรือ” ซูหมิงก้มหน้าหลบตาด้วยความละอาย ไม่กล้ามองตาอันเดือดดาลของฟางเฉิงหล่าง
ฟางเฉิงหล่างมองเห็นซูหมิงที่ยังไม่สำนึกผิดก็อดถอนหายใจไม่ได้
ซูหมิงถูกน้องหกตามใจจนเสียคน
หินวิญญาณเกือบเจ็ดร้อยก้อนแต่เขากลับไม่เห็นค่า
หากหินวิญญาณจำนวนนี้ตกอยู่ในโลกบำเพ็ญเพียร คงเป็นชนวนให้เกิดการสังหารแย่งชิงได้
ฟางเฉิงหล่างอดนึกถึงเฉวียนเหยี่ยที่กำลังออกไปฝึกฝนภายนอกไม่ได้
เจ้าหมอนั่นก็พอ ๆ กัน
สำหรับพวกเขาแล้ว ฟางเฉิงหล่างคืออาจารย์คนที่สอง
“ศิษย์พี่สาม ไม่ต้องอิจฉาหรอก เป็นเพราะข้าอ่อนแอ อาจารย์เลยเป็นห่วงจึงชี้แนะด้วยตนเอง แต่ข้าก็อิจฉาพวกท่านเหมือนกันที่สามารถถามศิษย์พี่ใหญ่ได้ทุกเมื่อ ศิษย์พี่ใหญ่อ่อนโยนที่สุดแล้ว”
เย่ฉงซินพูดออดอ้อน ทำให้ฟางเฉิงหล่างที่โกรธอยู่ในใจรู้สึกสดชื่นขึ้น ไม่นานก็คลายความโกรธลงไป
หลานจืออวี๋และซูหมิงรู้สึกผ่อนคลายขึ้น รู้สึกขอบคุณเย่ฉงซินที่มาทำให้บรรยากาศสดใสขึ้น
เย่ฉงซินถามขึ้นว่า “ข้าได้ยินว่าศิษย์พี่ห้าจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ ไม่รู้ว่าศิษย์พี่สี่จะออกจากการปิดด่านบำเพ็ญเพียรตอนไหน หากพวกเขารู้ว่าข้าได้เป็นศิษย์น้องเล็กของยอดเขาตู๋เยว่ คงจะตกใจแน่เลย”
การที่เย่ฉงซินได้เข้าร่วมสำนักนั้นไม่ใช่เพราะนางสนิทกับทุกคนในยอดเขาตู๋เยว่ แต่เป็นเพราะอวี๋จาวทำร้ายนางอย่างหนักต่อหน้าศิษย์ทุกคน
เซียนชิงเหยี่ยนยอมรับเรื่องนี้เพื่อกดเรื่องอัปยศนี้ไว้ แม้ว่าพิธีรับศิษย์จะยิ่งใหญ่ แต่มันก็รีบเร่งเช่นกัน
ซุยเจี๋ยซึ่งอยู่ในอันดับที่สี่ในยอดเขาตู๋เยว่และเฉวียนเหยี่ยซึ่งอยู่ในอันดับที่ห้า คนหนึ่งกำลังปิดด่านบำเพ็ญเพียร และอีกคนออกไปฝึกฝน และพวกเขาก็พลาดพิธีเข้าสำนัก
เมื่อได้ยินเย่ฉงซินพูดถึงเฉวียนเหยี่ยฟางเฉิงหล่างก็ขมวดคิ้วแล้วคลายออกอย่างรวดเร็ว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลับมาครั้งนี้ ข้อขอเดินวิถีไร้รัก
เติมเงินละอ่านไม่ได้...
เพราะอะไรถึงให้เติมเงินเป็น$ เติมเป็นเงินบาทง่าย ๆ อย่างเวป เด็กดีไม่ได้เหรอ...