ฟางเฉิงหล่างเตือนเป็นนัยๆจ้องไปที่ซูหมิงให้หยุดปาก และส่งสัญญาณให้เขาหยุดพูดเรื่องไร้สาระ
นอกจากนี้เขายังต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกคน จะให้ซูหมิงทำพังไม่ได้
เฉวียนเหยี่ย และซุยเจี๋ยก็มองหน้ากัน
ดูเหมือนว่าในช่วงนี้จะมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นโดยที่พวกเขาไม่รู้
หลังจากนั้นไม่นาน
หลานจืออวี๋ก็มาถึง
“พวกเราทุกคนมารวมตัวกันครบแล้วสินะ” เขาไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนสักนิดเลย พร้อมทรุดนั่งลงตรงข้ามกับฟางเฉิงหล่างด้วยท่าทางวางมาด “เริ่มได้แล้ว”
ไม่รู้ว่าหลานจืออวี๋ตั้งใจขัดจังหวะหรือไม่ แต่เขามักจะเป็นคนสุดท้ายที่มาถึงทุกครั้ง
ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เขาปรากฏตัว นั่นหมายความว่างานเลี้ยงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
แต่ทุกเรื่องย่อมมีข้อยกเว้นอยู่เสมอ
เย่ฉงซินกระซิบเบา ๆ "ศิษย์พี่รอง ยังเริ่มงานเลี้ยงไม่ได้หรอก ศิษย์พี่หกยังมาไม่ถึงเลย"
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็มีปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน
ซุยเจี๋ยและเฉวียนเหยี่ยที่ยังไม่รู้เรื่องก็ดูประหลาดใจ สีหน้าของหลานจืออวี๋และซูหมิงกลับเข้มขึ้น ส่วนฟางเฉิงหล่างก็เป็นผู้ที่มีอารมณ์ที่ซับซ้อนที่สุด
เขาไม่เคยคิดว่า อวี๋จาวจะหายไป
อวี๋จาวเคยกล่าวไว้ว่ายอดเขาตู๋เยว่คือบ้านของนาง ท่านอาจารย์และศิษย์พี่ทั้งห้าเป็นดั่งครอบครัว ดังนั้นนางย่อมมาร่วมรับประทานอาหารค่ำกับครอบครัวทุกครั้ง
นางผิดสัญญา
ในชาติก่อนแกนพลังของอวี๋จาวได้รับความเสียหาย และพลังบำเพ็ญก็ลดลงอย่างมาก
หลังจากกลับเข้าร่างแล้ว นางสามารถดูดซับพลังจิตวิญญาณได้เพียงครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือก็ล้นออกมาอีกครั้งเมื่อหายใจออก
สิ่งนี้มักจะทำให้ อวี๋จาวรู้สึกอ่อนแอไร้พลัง
ตอนนี้อาการบาดเจ็บของนางยังไม่ร้ายแรงถึงขั้นไม่อาจรักษาให้หายได้ ผลกระทบยังไม่มากนัก นางจึงได้สัมผัสกับความสุขในการเริ่มฝึกฝนครั้งแรกที่เคยผ่านมาเนิ่นนาน
เมื่ออวี๋จาวอาการดีขึ้น ก็มีเสียงดังมาจากด้านนอกประตู
ทันใดนั้นนางก็ตื่นจากภวังค์และความโกรธก็ฉายแววผ่านดวงตาของนาง
จิตสำนึกของนางก็กระจัดกระจาย และร่างของฟางเฉิงหล่าง เย่ฉงซิน และคนอื่น ๆ ก็ปรากฏตัวต่อหน้านางทีละคน
ผู้ที่ทำให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่คือเฉวียนเหยี่ยที่ตอนนี้กำลังทุบประตูอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลับมาครั้งนี้ ข้อขอเดินวิถีไร้รัก