ดังนั้น ภายใต้ฝ่ามือนี้ ทำให้ฐานยุทธ์ของนางได้รับความเสียหาย ความเร็วในการฝึกตนได้รับความเสียหาย
ถึงเวลาที่นางต้องการชดเชย ไม่ว่าจะทานยาทิพย์ไปกี่ชนิด มันก็ไร้ประโยชน์
ตอนนี้อาการบาดเจ็บของนางยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ซึ่งอาการยังไม่หนักสักเท่าไรนัก ยังมีโอกาสที่จะรักษาได้อยู่
อวี๋จาวเลียรอยเลือดซึ่งแห้งติดอยู่ที่มุมปากของนาง
ตอนนี้มีสองวิธีวางอยู่ตรงหน้าของนาง
วิธีแรกก็คือ บอกเรื่องนี้ให้เซียนชิงเหยี่ยนทราบ เพื่อให้เขาประทานยา
ในมือของเซียนชิงเหยี่ยนมียาฟื้นฟูพลังวิญญาณอยู่หนึ่งเม็ด ซึ่งรักษาอาการนี้ได้พอดี
นี่เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด และเป็นวิธีที่อวี๋จาวตัดทิ้งเร็วที่สุด
นางไม่อยากไปมีความสัมพันธ์ใด ๆ กับ เซียนชิงเหยี่ยนและลูกศิษย์ของเขาอีก
ยิ่งกว่านั้น อีกไม่นานยาฟื้นฟูพลังวิญญาณเม็ดนี้ จะถูกเซียนชิงเหยี่ยนมอบให้เย่ฉงซิน
ซึ่งมันแสดงให้เห็นได้ชัดว่าเขามีความตั้งใจเอาไว้แต่แรกแล้ว ถึงนางจะร้องขอ ก็ใช่ว่าจะเอามาได้
ดังนั้นวิธีเดียวที่นางสามารถใช้ได้มีเพียงวิธีที่สอง
สลายฐานยุทธ์เริ่มฝึกฝนใหม่
ฐานยุทธ์คือร่างสร้างรากฐานปราณ ฐานยุทธ์เสียหาย ผลการฝึกตนก็จะถดถอยตามด้วย ยิ่งกว่านั้นการสร้างรากฐานปราณใหม่ มันยากขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่า
หากไม่ใช่เพราะสิ้นหนทางจริง ๆ อวี๋จาวก็ไม่อยากใช้วิธีเผาสะพานเช่นนี้
แต่นางไม่มีทางเลือก
ประสบการณ์ชีวิตในชาติก่อนได้บอกกับนางว่า ไม่มีใครสมควรได้รับความเชื่อใจจากนาง
คนเดียวที่นางพึ่งพาได้ก็คือตัวนางเอง
ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับนางแล้ว การสลายฐานยุทธ์ยังมีข้อดีอีกอย่าง
นิกายเต๋าทั้งห้าเปิดกว้างสำหรับทุกสิ่ง ไม่จำกัดวิชายุทธ์ที่ลูกศิษย์เลือกฝึกฝน
วิชายุทธ์ที่ศิษย์พี่ห้าคนของอวี๋จาวเลือกฝึกฝนก็แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่นศิษย์พี่ใหญ่ฟางเฉิงหล่างฝึกฝนวิถีกระบี่ ศิษย์พี่รองหลานจืออวี๋ฝึกวิถีเสียง มีแค่นางที่ได้ฝึกวิชาเฉพาะของสำนักตามเซียนชิงเหยี่ยน นั่นก็คือเคล็ดวิชาจันทร์ฉายเหนือมหาสมุทร
เคล็ดวิชานี้มีอานุภาพร้ายแรงมาก มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกบำเพ็ญเซียน สิ่งที่สอดคล้องกับมันก็คือระดับความยากของการฝึกฝนนั้นสูงมาก
นี่คือเหตุผลว่าทำไมความเร็วในการฝึกตนของอวี๋จาวถึงได้พอ ๆ กันกับศิษย์ธรรมดามาโดยตลอด
ครั้งนี้กลับมาเริ่มใหม่อีก นางฝึกเคล็ดวิชาจันทร์ฉายเหนือมหาสมุทร จักต้องคล่องมือได้ดั่งใจอย่างแน่นอน
แต่มันขัดแย้งกับความตั้งใจเดิมของนาง
นางต้องการตัดความสัมพันธ์กับคนพวกนั้นโดยสิ้นเชิง
เคล็ดวิชาจันทร์ฉายเหนือมหาสมุทร นางจะไม่ฝึกอีกแล้ว
เขาบอกว่าการบำเพ็ญตนควรขยันหมั่นเพียร นางก็พยายามใช้เวลา ปิดด่านบำเพ็ญเพียรอย่างมุมานะ
เขาบอกว่าผู้บำเพ็ญเพียรควรพึ่งพาตนเอง นางก็พยายามอดกลั้นความต้องการระบาย เก็บความขมขื่นเอาไว้ลำพัง
นางพยายามขยับเข้าใกล้มาตรฐานศิษย์น้องที่สมบูรณ์แบบของฟางเฉิงหล่าง กลับได้ยินเขากล่าวกับเย่ฉงซินว่า "เจ้าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว รักษาความเป็นตัวของตัวเอง เป็นธรรมชาตินั่นแหละดีแล้ว"
มันช่างน่าขันยิ่งนัก
อวี๋จาวลุกขึ้นช้า ๆ แล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปหาฟางเฉิงหล่างที่ยืนอยู่ในแสงสว่าง
จากนั้นก็เดินผ่านเขาไปด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ครั้งนี้ นางจะไม่ไล่ตามเขาอีกต่อไป
ฟางเฉิงหล่างชะงักเล็กน้อย นึกว่าอวี๋จาวยังโกรธอยู่ จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย
เพียงครู่เดียว เขาก็ถอดถอนใจอีกครั้ง
ช่างเถิด ศิษย์น้องหกอายุยังน้อย ไม่มีบิดามารดาคอยดูแลตั้งแต่ยังเล็ก ไม่รู้มารยาทนับเป็นความผิดของเขา
กลับไปเขาจะต้องพิจารณาตนเองหน่อยแล้ว
ทางด้านนี้
อวี๋จาวได้เดินออกมาจากขอบเขตของคุกมืดแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลับมาครั้งนี้ ข้อขอเดินวิถีไร้รัก