“ข้าดูแล้วรู้สึกสงสาร จึงขออาสาเป็นคนกลาง แม้ว่าอวี๋จาวยังเยาว์วัยและเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ข้าหวังว่าเซียนชิงเหยี่ยน จะให้โอกาสนางอีกครั้ง”
ช่างไร้ยางอายสิ้นดี
ซูหมิงจ้องมองอวี๋จาวด้วยความโกรธเคือง
ความรู้สึกผิดที่ยากจะอธิบาย น้ำตาที่ไหลราวกับทำให้โลกแตก ทั้งหมดล้วนเป็นการแสร้งทำ
บนใบหน้าของนางไม่มีความรู้สึกผิดเลยสักนิด
ชัดเจนว่าเป็นการแสร้งทำเพื่อหนีโทษ
เจ้าสำนักคงถูกนางหลอกลวงไปแล้ว
ซูหมิงมั่นใจว่าเจ้าสำนักจี้หยวนถูกหลอกด้วยท่าทางสุภาพของอวี๋จาว แต่เซียนชิงเหยี่ยนกลับเข้าใจจี้หยวนมากกว่า
จี้หยวนมาที่ประตูสำนัก คงไม่ใช่มีเพียงเป้าหมายเดียวเป็นแน่ ๆ
เขาไม่อาจปฏิเสธได้ จึงกลับสายตาไปและจ้องมองที่อวี๋จาวที่ยังคงอยู่ในท่าทำความเคารพ
"อวี๋จาว เจ้ามีสิ่งใดจะพูดหรือไม่"
"ศิษย์รู้ผิดแล้ว"
"เจ้ากระทำผิดสิ่งใด"
อวี๋จาวเงยหน้าขึ้น สายตาของนางไม่หลบเลี่ยง ไม่หวั่นไหว จ้องมองกับเซียนชิงเหยี่ยน
"อาจารย์ท่านว่าศิษย์ทำผิด ศิษย์ก็ทำผิด"
ผู้ที่อยู่ในที่นั้นต่างตกใจในคำพูดอันกล้าหาญของอวี๋จาว
คำพูดของนางแข็งกร้าวจนดูไม่เหมือนการขอโทษ ทว่ากลับเหมือนการท้าทาย
แม้แต่เจ้าสำนักจี้หยวนที่ถูกอวี๋จาวเชิญมานั้นยังอดที่จะเปล่งคำพูดออกมาไม่ได้ อวี๋จาวกล้าหาญเหลือเกิน ถึงขนาดกล้าเผชิญหน้าและขัดแย้งกับเซียนชิงเหยี่ยน
"อา..."
เซียนชิงเหยี่ยนโกรธจนหัวเราะออกมา
อวี๋จาวช่างเป็นคนที่ดื้อรั้นแต่กำเนิด ยากจะแก้ไข
"เจ้าอ้างว่าเจ้ามิได้ทำผิดงั้นหรือ ที่ไปแย่งหินนภาดารากับน้องเจ็ด ล้อเลียนศิษย์พี่ที่ส่งสาร และฝ่าฝืนคำสั่งอาจารย์ ทุกเรื่องทุกกรณี เจ้าก็ยังกล่าวโทษผู้อื่นงั้นหรือ"
แรงกดดันจากผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมวิญญาณระเบิดขึ้นทันที อวี๋จาวรู้สึกว่าการหายใจของนางสะดุดไป ไหล่ของนางเหมือนถูกใครสักคนกดทับด้วยภาระหนักพันกิโล
"อือ"
นางครางเบา ๆ เข่าทั้งสองข้างงอเล็กน้อย เกือบจะคุกเข่าลง
นางมิได้ผิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลับมาครั้งนี้ ข้อขอเดินวิถีไร้รัก