บนพื้นนั้นถูกปูด้วยกระเบื้องสีเขียวอ่อน แต่ละย่างก้าวของหลินซินเหยียนเหมือน กำลังเดินอยู่บนฝ้าย รู้สึกเบาหวิว มันทำให้ตัวเธอรู้สึกไม่ปลอดภัยเพิ่มไม่รู้ว่าข้างในนั้นมีอะไรรอเธออยู่
พอยิ่งใกล้สิ่งที่เธออยากรู้มาโดยตลอด ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น
เธอไม่รู้ว่านี่มันดีหรือแย่กันแน่
เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาในเรือนที่ใหญ่โตแห่งนี้ ดูเหมือนว่ารอบข้างจะมีเสียงก้าวเดินของพวกเขาสะท้อนไปมา
เป็นเสียงที่ดังอึกทึกในห้องหัวใจของพวกเขาเช่นกัน
ประตูใหญ่สีแดงที่ถูกแกะสลักเป็นลวดลายสวยงามกำลังอ้าอยู่ เหมือนหน้าโต๊ะนั้นจะมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ เธอหันหลังขนาบกับประตู สองมือนั้นประกบกัน เหมือนกำลังสวดภาวนาอยู่
เมื่อมาถึงประตูแล้ว เฉิงยู่เวินก็ตบเข้าไปที่บ่าของหลินซินเหยียน เป็นสัญญาณให้เธอยืนนิ่งอยู่หน้าประตูอย่าขยับ หลินซินเหยียนเข้าใจในสิ่งที่เขาจะสื่อ ก่อนจะพยักหน้ารับไม่ได้เดินตามเข้าไป
เฉิงยู่เวินก็ก้าวข้ามธรณีประตู ตรงเข้าไปในห้อง
" พี่ยังจะกล้ามาเจอฉันอีกเหรอ " เสียงคุณหญิงที่แสดงถึงความโกรธดังออกมา
เมื่อเสียงดังออกมา หลินซินเหยียนที่ได้ยินก็ชะงัก ที่แท้ผู้หญิงคนนี้ก็คือยู่ซิ่วนี่เอง
มือที่ขนาบข้างลำตัวเธอทั้งสองข้าง อดไม่ได้ที่จะหดเกร็ง
หล่อนเป็นคนยังไงกันแน่
ในหัวของเธอพูดออกมาเป็นพันเป็นหมื่นคำถาม แต่ก็ไม่มีใครสามารถตอบได้
เฉิงยู่เวินที่ยืนอยู่ด้านหลังของหล่อน ก็มองมายังตรงกลาง บนโต๊ะนั้นก็ถูกวางรูปเป็นอันดับของใครบางคน นั่นก็คือบรรพบุรุษของตระกูลเฉิง
" ฉันไม่อยากประจานหน้าตรงๆ กับตระกูลเฉิง ศิลปะที่สืบทอดตามยุคสมัย ที่ต้องถูกทำให้เรือนหาย.... "
" พี่เพ้อเจ้อ! " เฉิงยู่ซิ่วตะคอก หล่อนหันตัวกลับมา " พี่รู้หรือเปล่า ว่าตอนแรกพวกเราทำสัญญาอะไรกัน..... "
เมื่อเห็นว่าหน้าประตูคือหลินซินเหยียน ที่กำลังยืนอยู่เสียงของหล่อนก็ชะงักลง
น้ำเสียงก็สั่นเล็กน้อย " เธอ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ "
ก่อนที่เราจะหันหน้าไปมองเฉิงยู่เวิน " พี่จะบอกว่าคนที่สืบทอดก็คือเธอน่ะเหรอ "
ใบหน้าที่แดงก่ำของเธอเริ่มกลับมาสะอาดหมดจดดังเดิม แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นหน้าเขียวแทน เธอเริ่มหายใจหายคอไม่สะดวก ทั้งตัวสั่นเกร็งราวกับจะเป็นลมภายในชั่วพริบตา
" ใช่ " เฉิงยู่เวินเหมือนไม่เห็นว่าเฉิงยู่ซิ่วกำลังโกรธ แต่ก็พูดออกมาอย่างเถรตรง " ความลับของเธอ ห้ามบอกลูกชายเด็ดขาด บอกได้เพียงแค่ลูกสะใภ้เท่านั้น เธอเอากำไลหยกสิ่งสืบทอดของตระกูลเฉินให้กับเธอ ไม่ใช่เพราะอยากให้เธอสืบทอดศิลปะการทำผ้าไหมกวางตุ้งหรอกเหรอ เธอคงไม่อยากให้ผ้าไหมกวางตุ้งหายไปจากโลกใบนี้หรอกใช่ไหม "
หลินซินเหยียนยกมือขึ้นมามองไปยังกำไลตรงข้อมือของตัวเองนี่ไม่ใช่ของของตระกูลจงหรอกเหรอ
เฉิงยู่ซิ่วพูดเองไม่ใช่เหรอว่ามันเป็นของที่คุณยายให้หล่อนมาอีกที แล้วหล่อนมอบมันให้กับเธอ
ทำไมกลายเป็นของตระกูลเฉิงไปได้ล่ะ
เฉิงยู่ซิ่วขมวดคิ้ว อวัยวะบนใบหน้าที่ดูหมดจดนั้น ค่อยๆ ปรากฏความดุร้ายออกมา " พี่รู้หรือเปล่า ว่าที่พี่ทำแบบนี้ มันจะนำความยุ่งยากวุ่นวายมาสู่เธอ! "
" ฉันรู้ แต่ฉันก็ไม่สามารถทนเห็นตระกูลเฉิงต้องเลือนหายไปจากโลกใบนี้ โดยที่ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลยด้วยซ้ำ "
เฉิงยู่เวินหัวชนฝา เขาก้าวขาเข้ามาหนึ่งก้าว ก่อนจะใช้มือทั้งสองจับไหล่ของน้องสาวตัวเองเอาไว้ " ฉันแก่มากแล้ว ไม่รู้จะอยู่ได้อีกกี่วัน ชีวิตนี้ไม่มีความหวังอะไรมาก ฉันคงทนเห็นตระกูลเฉิงที่ล่มสลายลงไปต่อหน้า แม้แต่ล่องรอยวิถีที่เคยมีอยู่ก็ไม่หลงเหลือเอาไว้เลย "
มือที่ขนาบข้างลำตัวของเฉิงยู่ซิ่วกำหมัดแน่น " ถึงจะต้องเป็นอย่างนั้น พี่ก็ไม่ควรปิดบังฉัน แล้วตัดสินใจเองโดยพลการแบบนี้! "
เฉิงยู่เวินเปลี่ยนเป็นหันหลังให้หล่อน " ถ้าฉันบอกเธอ เธอก็คงไม่ยอมอยู่ดี ในสายตาของเธอไม่เคยมีตระกูลเฉิงอยู่เลย ทั้งความคิดและลมหายใจเข้าออกของเธอก็มีแต่ลูกชายและสามีเท่านั้น "
ยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ สุดท้ายก็กลายเป็นคำถามที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขามองไปที่น้องสาว" ในสายตาของเธอไม่เคยมีตระกูลเฉิงมาตั้งแต่แรกแล้ว จะมีก็แต่ตระกูลจง! "
เฉิงยู่ซิ่วหลับตาลง แล้วค่อยๆ กดอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ในใจเพื่อไม่ให้สูญเสียการควบคุม
ตอนนั้นที่หล่อนได้รับโทรศัพท์ของเฉิงยู่เวิน เขาบอกหล่อนว่าเขาได้สืบทอดวิธีการทำผ้าไหมกวางตุ้งให้กับใครบางคนไปแล้วหล่อนจึงโกรธมาก เลยรีบกลับมา แต่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าคนคนนั้นก็คือหลินซินเหยียน
" เธออย่าโกรธไปเลย เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว มันคงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วล่ะ "เฉิงยู่เวินพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ น้ำเสียงดูเบาลงกว่าเมื่อกี้ไม่น้อย " หลายปีมานี้ ใจเธอก็เป็นทุกข์มามากแล้ว ไม่มีใครรู้ แต่ฉันรู้ดี ฉันรู้สึกได้ว่าคุณท่านให้โอกาสนี้กับพวกเรา เราคือคนที่ทำผ้าออกมา แต่ลูกสะใภ้ของเธอกลับเป็นช่างออกแบบเสื้อผ้า เธอคิดดูสิ มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้วหรอกเหรอ "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม